RC:บทที่ 320 ผู้ฝึกตน
เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้น เขาก็ถึงกับอึ้ง เพราะหมาป่านรกมีจำนวนมากเหลือเกิน และดูจะไม่ใช่อยู่ในระดับกระจอกๆเสียด้วยจนหลังของทั้งสี่คนในตอนนี้ถึงกับเย็นยะเยือก
“ทำไงต่ออ่ะ” หน้าผากของปาเต๋าในตอนนี้นั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเสียงเบา
“แล้วพวกเราจะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็ต้องปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของพวกเราออกมาเพื่อเตรียมสู้น่ะสิ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
ในขณะที่หลิน เฟิงพูดอยู่นั้นเอง หมาป่านรกก็ได้คลืบคลานเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พวกมันมีกันยี่สิบกว่าตัว ตัวที่แข็งแกร่งน้อยที่สุดก็เห็นจะเป็นระดับ B และอีกหลายตัวก็อยู่ในระดับ A
แต่ทว่าไม่มีตัวไหนเลยที่ทำให้หลิน เฟิงรู้สึกว่าอันตราย เพราะเขารู้สึกเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ยังไม่เผยตัวออกมาอีกต่างหาก และเขากำลังสอดส่ายตามองหามันอยู่
ในขณะที่หมาป่าดำเหล่านี้เดินเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งหมดจึงได้เห็นร่างของพวกมันในที่สุด ขนของพวกมันแต่ละตัวแทบจะกลมกลืนไปกับความมืดจนมองแทบไม่เห็นและแยกไม่ออกเลยทีเดียว
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาที่ถูกรุมล้อมจึงเห็นแค่ตาของพวกมันที่เปล่งประกายออกมาเท่านั้นเอง ลำตัวของมันดูมืดมัว แต่ก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
โฮก!
ทันใดนั้นเอง เสียงหอนของหมาป่าก็ดังโหยหวนขึ้นมา จากนั้น พวกมันทุกตัวก็ขยับเข้ามาเพื่อที่จะโจมตีหลิน เฟิง
ในตอนนี้ ทั้งสามคนต่างก็ได้ปลดปล่อยสัตว์คู่ใจของพวกตนออกมา โดยสัตว์วิญญาณของจู่ ยี่ก็คืออีกาดำมรณะ มันบินขึ้นไป กระพือปีกไปมา ก่อนที่ขนสีดำจะร่วงลงมา พวกหมาป่าที่วิ่งเข้ามาต่างลดความเร็วลง
แต่ทว่าปาเต๋าที่อยู่ข้างๆเขานั้นกลับไม่ได้ปล่อยสัตว์คู่ใจออกมาซึ่งนั่นทำให้หลิน เฟิงรู้สึกงงเล็กน้อย ก่อนจะจ้องไปที่เขา
“เขาไม่มีสัตว์วิญญาณหรอก เขามาตรงนี้ได้ก็เพราะทักษะของตัวเองล้วนๆ” จู่ ยี่อธิบาย
“ไม่มีสัตว์คู่ใจงั้นหรือ” หลิน เฟิงยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก นี่เป็นคนแรกเลยที่เขาไม่เห็นว่ามีสัตว์คู่ใจ
หลิน เฟิงยังรู้มาอีกเมื่อนานมาแล้วว่า มนุษย์กับสัตว์วิญญาณและสิ่งอื่นๆสามารถสั่งสมพลังเองได้ คอยดูดซับพลังวิญญาณระหว่างสวรรค์และโลกจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คนพวกนี้เราจะเรียกตนว่าผู้ฝึกตน
แต่อย่างไรก็ตาม วิญญาณแห่งสวรรค์และโลกนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากนัก เพราะหลังจากที่วิญญาณอ่อนลง คนหลายคนจึงเลือกที่จะทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณเพื่อจะขอรับพลังวิญญาณมากกว่า
หลิน เฟิงเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ยังฝึกฝนด้วยตัวเองอยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ปาเต๋าก็มาถึงระดับ A สูงสุดด้วย ช่างเก่งกาจอะไรเช่นนี้
ไม่ต้องพูดเลยเรื่องความเก่งของเขา ก็แค่มาได้ถึงระดับ A ขั้นสูงสุดเอง นี่ต้องดูดซับพลังวิญญาณไปมากแค่ไหนกันนะ แล้วเขาทำได้อย่างไร
“ไม่มีเวลาจะอธิบายแล้ว ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” จู่ ยี่เอ่ยขึ้น
“ได้ๆ” หลิน เฟิงตอบกลับไปอย่างใจเย็น
จริงๆแล้ว หลิน เฟิงไม่ได้นึกเกรงกลัวพลังของหมาป่านรกนี้หรอก เพราะเขายังมีลูกเล่นอีกเยอะเลย เพียงแต่ไม่ได้อยากเปิดเผยออกมาเร็วนัก
ไม่อย่างงั้นเขาก็คงหนีไปแล้ว การฆ่าหมาป่าพวกนี้มันจะเป็นเรื่องยากตรงไหนกันล่ะ
แต่หลิน เฟิงไม่ทำแบบนั้นแน่
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตู๋กังที่ยืนอยู่ข้างๆหลิน เฟิงก็ได้ปลดปล่อยสัตว์คู่ใจของตนออกมา หมีภูเขานั่นเอง
ในตอนนี้ ลูกหมีภูเขาตัวดังกล่าวก็ได้ไปถึงระดับ A แล้ว ขนาดร่างของมันน่าจะสูงถึงเจ็ดหรือแปดเมตร อัตราการเติบโตของมันนั้นเร็วจนน่าตกใจ
ในขณะที่ลูกหมีภูเขาตัวดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น สัตว์วิญญาณหลายตัวก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากสัตว์วิญญาณชั้นสูง รวมถึงอีกามรณะของจู่ยี่ด้วย
ทันทีที่หมีภูเขาปรากฏตัวขึ้นมา ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงในสถานที่ที่พวกเขายืนอยู่
เสียงหอนดังต่อกันเป็นทอดๆ แล้วกรงเล็บขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมา หมาป่านรกหลายตัวถูกปัดกระเด็นออกไปด้วยการตบเพียงครั้งเดียว
“เฮ้ย สัตว์วิญญาณนั่นโคตรน่ากลัวเลย” จู่ ยี่ถึงกับตะลึงไป ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขั้นแรกของระดับ A ของหมิงหมิง ความสามารถของมันก็คือของกดพลังของหมาป่านรกและพวกพลังระดับ A ขั้นสูง”
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้ปลดปล่อยสัตว์คู่ใจของตนออกมาสู้ด้วย นั่นก็คือสุนัขนรกเสี่ยวเฮยที่มีสามหัว และในตอนนี้ ระดับของเสี่ยวเฮยก็ไปถึงระดับ A ขั้นสูงสุดแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวก็จะไปถึงระดับ S แถมพละกำลังของมันก็แข็งแกร่งเอามากทีเดียว
ทันทีที่เสี่ยว เฮยออกมา มันก็กระโจนขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่หัวทั้งสามจะร้องขึ้น พร้อมกับลูกบอลไฟสีดำที่ถูกพ่นออกมาซึ่งทำเอาหมาป่าเงาหลายตัวที่อยู่ต่อหน้าหลิน เฟิงและพวกที่เหลือกระเด็นออกไปในทันที
ในตอนนี้ เขาก็ทำให้ปาเต๋าและจู่ ยี่อึ้งไป
“ถ้าอยากรอดก็อย่ามัวแต่เหม่อ เร็วเข้า” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“หา อ้อ ได้ๆ” แล้วทั้งสองก็ตั้งสติขึ้นมาได้ก่อนจะรีบเร่งเข้าต่อสู้กับหมาป่าดำ
หลิน เฟิงให้ความสนใจกับคนที่ฝึกเองนี้มากกว่า เขาอยากจะเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ฝึกมาเองล้วนๆกับคนที่ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ
เมื่อปาเต๋าต้องเผชิญกับหมาป่าที่โผล่ออกมา เขาก็ไม่ได้นึกกลัวเลยสักนิด เขาคว้ากริชขึ้นมา ก่อนจะฉีดพลังวิญญาณมหาศาลออกมา แล้วทันใดนั้นเอง แสงสีแดงเรืองรองก็ลุกโชนขึ้นบนกริชที่เขาถืออยู่
กริชเล่มนั้นสั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่ความรู้สึกเหมือนจะระเบิดก็พลุ่งพล่าน และในขณะเดียวกัน บรรยากาศที่รุนแรงและน่ากลัวก็เข้ามาปกคลุม
“ฉับ”
สิ้นเสียงของปาเต๋า ใบมีดดังกล่าวก็ตัดจากล่างไปบน แล้วทันใดนั้นเอง แสงจากใบมีดขนาดใหญ่ก็วาบขึ้นมาจากพื้นก่อนจะฟันเข้าที่ตัวของหมาป่านรกพวกนั้น
พลังของกริชเล่มดังกล่าวนั้นรุนแรงจนน่ากลัว หลิน เฟิงรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ได้ด้อยไปกว่าของระดับ S ที่แข็งแกร่งเลย
ทันทีที่คมกริชนั้นตวัดผ่านไป ผืนดินก็ถึงกับแตกกว้างออกไป 20-30 ซม.
ยิ่งไปกว่านั้น แสงจากกริชเองก็ทรงพลังและรวดเร็วมาก สัตว์วิญญาณที่ถูกฟันไปตลอดทางถูกตัดร่างเป็นสองท่อน
หลิน เฟิงนับจำนวนตัวที่ถูกฟันอย่างรอบคอบ แค่กริชเล่มเดียวก็เล่นฆ่าสัตว์วิญญาณไปถึงห้าตัวแล้ว พลังที่น่ากลัวอะไรแบบนี้
“แข็งแกร่งจริงๆ” ตู๋ กังหันหน้ามาก่อนจะจ้องไปที่ปาเต๋า ในสายตามีแววชื่นชม
ลำพังตู๋กังกับปาเต๋าเองก็ทั้งสูงและแข็งแกร่งกันอยู่แล้ว ถึงจะเป็นคนเงียบๆ แต่พละกำลังของพวกเขานั้นนับว่าสูงมากจนทำเอารู้สึกแปลกใจ และในตอนนี้ พวกเขาต่างก็เข้าใจกันและกันแล้ว
เมื่อเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลิน เฟิงก็ถึงกับอึ้งไป คนที่สั่งสมและฝึกฝนพลังด้วยตัวเองล้วนๆคนนี้ช่างมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวจริงๆ
ในระยะเวลาสั้นๆ ยังมีหมาป่านรกมากกว่า 20 ตัวที่ถูกฆ่าและบาดเจ็บอีกต่างหาก
แต่อย่างไรก็ตาม ที่เหลือก็ล้วนเป็นตัวระดับ A ที่ไม่ได้มีพละกำลังกระจอกๆเลย แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิน เฟิงอยู่ดี
โบร๋ว!!! โฮก!!!
ในตอนนี้ เสียงกู่ร้องแห่งความโกรธเกรี้ยวก็ได้ดังขึ้น ก่อนที่ต่อมาสายตาที่มีแสงเย็นๆก็ฉายขึ้นต่อหน้าพวกเขา
นอกจากนี้ สายตาเหล่านี้ก็เล่นทำเอาทุกคนเกิดความกลัวที่ไม่สามารถบรรยายได้ ราวกับยืนอยู่บนปากเหว ที่ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด
จากนั้นร่างของมันก็ค่อยๆโผล่ออกมา ทีละก้าว จนพวกของหลิน เฟิงเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนจะพบว่ามันก็คือสัตว์วิญญาณที่เรียกว่าวิญญาณหมาป่า และความแตกต่างของวิญญาณหมาป่าก็คือพลังระดับ S ที่ปรากฏขึ้น
ร่างใหญ่โตของมันนั้นสูงมากกว่าสองเมตรและยาวประมาณสี่หรือห้าเมตร นอกเหนือจากหมีภูเขาของตู๋กังที่จัดว่าตัวใหญ่สุดแล้วที่นี่
มันจับจ้องมาที่พวกเขา โดยเฉพาะกับปาเต๋า เพราะเขาเล่นสังหารหมาป่านรกไปถึงห้าตัวด้วยกริชเพียงเล่มเดียว แล้วจะไม่ให้โกรธขึ้นมาได้อย่างไรเมื่อพวกมันรู้สึกว่าตกเป็นรอง
“นี่ล่ะจ่าฝูงหมาป่านรก...”
0 ความคิดเห็น