RC:บทที่ 316 ลงมือจัดการ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 316 ลงมือจัดการ


เพราะชะมดเงาผู้ว่องไวนั้นวิ่งได้รวดเร็วมากจนสองคนที่เหลือที่แม้จะอยู่ในระดับสูงมากยังมองเห็นแค่รอยเงาเท่านั้น กว่าจะตั้งสติได้ กรงเล็บแหลมคมของมันก็เข้าถึงตัวพวกเขาพอดี


“ระวัง” จู่ ยี่เตือน


แต่ทว่าในตอนนี้ นอกเหนือจากคำเตือนดังกล่าว ก็ไม่มีเวลาที่จะทำอะไรอย่างอื่นแล้ว เมื่อได้ยินเสียงนั้นเข้ามา พวกเขาก็รู้สึกถึงกรงเล็บอันเยียบเย็นผ่านทะลุคอของพวกเขาไป ไม่ต่างกับใช้มีดหั่นเต้าหู้


ชายคนนั้นล้มลงทั้งๆที่ยังไม่ทันจะได้กรีดร้องด้วยซ้ำ จนกระทั่งตอนนี้ ตัวชะมดจึงได้ดำดินลงไป


“ตู๋กัง ระวัง มันมาที่นายแล้ว” หลิน เฟิงเอ่ยเตือน


“เออ” ตู๋ กังตอบกลับไป


ในตอนนั้นเองตัวชะมดเงาผู้ว่องไวตัวนั้นก็รีบรุดไปที่พื้นหญ้า ตู๋ กังจึงเห็นว่าความเร็วของมันนั้นช้าลง


“ฮึ่ม ไปตายซะ” ในตอนนั้นเอง ตู๋กังก็กำหมัดแน่น ก่อนที่ร่างใหญ่ของเขาจะก้าวถอยออกมาสองก้าวพร้อมกับหมัดลมในมือ ในขณะที่ชะงดเงาผู้ว่องไวนั้นคืบคลานเข้าไปในหญ้าเพื่อพักผ่อน หมัดขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาถึงตัวมันในทันที


เมื่อเห็นภาพแบบนั้น ตัวชะมัดนั่นก็ร้องลั่นก่อนจะรีบหนีไป แต่เป็นเพราะสภาพร่างกายตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพัก แล้วมันจะวิ่งไปไหนได้


ตูม!


ชะมดตัวดังกล่าวถูกต่อยคว่ำเสียงดังลั่น  ก่อนจะร้องโหยหวนออกมากลางอากาศ


ในตอนนี้ ชายสองคนที่ยังรอดชีวิตก็ได้ยินเสียงนั้นเข้า แล้วพวกเขาก็ตกใจมาก  จนเมื่อเห็นชายรูปร่างกำยำนั้นเดินออกมาจากพงหญ้าข้างๆ และพวกเขาก็ถึงกับอึ้งไป


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน หลิน เฟิงจึงรีบออกมา พร้อมกับดาบด้ามยาวในมือ ก่อนจะจัดการลงมือแทงเข้าที่หัวของตัวชะมดนั้น ก่อนจะนำร่างของมันเข้าไปในแหวนอวกาศ ในความเห็นของหลิน เฟิงนั้นนี่ก็เปรียบเหมือนกับสมบัติเลยทีเดียว


บางที เขาอาจจะเอาตัวมันไปให้เจ้าลิงวิจัยก็ได้ เจ้าสิ่งนั้นจะทำเงินได้มากเลยทีเดียว


หลังจากนั้น หลิน เฟิงจึงหันไปมองชายทั้งสองคนที่ยืนอยู่ ก่อนที่จะหันมาหาตู๋ กัง พร้อมกับเดินกลับไป


“นี่ พวกนายสองคนน่ะ รอก่อนสิ” เพียงหลังจากที่หลิน เฟิงกับตู๋ กังเดินออกไปไม่กี่ก้าว ชายผู้มีพลังระดับ A สูงสุดที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็ได้กล่าวขึ้น


 “ไง มีอะไร” หลิน เฟิงเอ่ยถามพลางย่นคิ้ว


ท่าทางและคำพูดของหลิน เฟิงดูไม่มีท่าทีใส่ใจ


“ไม่ๆ เราไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย พวกเราแค่อยากจะขอบคุณพวกนายที่จะมาช่วยเหลือเราเฉยๆน่ะ พวกเราขอไปกับพวกนายด้วยได้ไหม” ชายผู้มีพลังระดับ A เอ่ยถาม


พวกเขาทั้งหมดเข้ามาในนี้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่สองคน ตอนนี้ พวกเขาก็ไม่เหลือความกล้าที่จะไปต่อแล้ว


หลิน เฟิงกับตู๋ กังต่างมองหน้ากันด้วยความลังเล


“ขอล่ะ ถ้าพวกเรายังฝืนไปต่อกันเอง วันนี้คงไม่รอดกลับไปแน่ๆ” ชายที่อยู่ระดับ A พูดขึ้น


“ก็อย่างที่พวกนายเห็น ลำพังแค่กำลังของพวกเราคงไม่มากพอ ก็เหมือนพวกนายนั่นแหละ พวกนายควรไปกับกลุ่มที่แข็งแกร่งอย่างระดับ S ดีกว่านะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น ก่อนจะหันหน้าหนีพลางเดินออกไป


“นี่พวกนาย ฉันคิดว่าพวกนายน่ะแข็งแกร่งพอควรเลยล่ะ โอกาสรอดของพวกเราต้องมีสูงแน่ๆ” ผู้มีพลังระดับ A ยังคงพูดต่อ


 “ใช่ๆ ให้พวกเราไปกับนายเถอะนะ” ในตอนนั้นเอง จู่ ยี่ก็ได้กล่าวขึ้นบ้าง


“โอเค แต่เพื่อไม่ให้เสียงาน คนที่อยู่ในทีมของฉันจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน ถ้าพวกนายรับได้ ก็ตามมา แต่ถ้ารับไม่ได้ล่ะก็ ก็ไปกันเอง” หลิน เฟิงว่าขึ้นจ้องไปที่พวกนั้น


หลิน เฟิงก็ตั้งใจจะร่วมกับพวกเขาอยู่แล้ว แต่ทว่าการที่จะให้พวกเขายอมรับเลยนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แถมตอนนี้หลิน เฟิงยังเป็นผู้ออกคำสั่งโดยเบ็ดเสร็จอีกด้วย ไม่งั้นพอถึงเวลาสำคัญขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้


“นี่...” ในตอนนี้เอง จู่ ยี่ก็ดูลังเล


“ได้สิ” ในขณะที่จู่ ยี่ลังเลอยู่นั้น ชายคนที่อยู่ข้างหลังก็พูดขึ้น


หลิน เฟิงมองไปที่ชายสองคนนั้นก่อนจะพูดขึ้น “งั้นฉันขอแนะนำตัวเองนะ ฉันชื่อหลิน เฟิง ส่วนนี่เป็นเพื่อนฉันเองชื่อตู๋ กัง แล้วพวกนายล่ะ”


“ฉันชื่อป่าเต๋า ส่วนนี่ชื่อจู่ ยี่” ผู้มีพลังระดับ A ว่า


เหลือบมองแค่แวบเดียว หลิน เฟิงจึงได้รู้ว่าชายที่รูปร่างสูง แข็งแรงชื่อว่าป่าเต๋า มีพลังระดับ A ขั้นสูงสุด เขาดูเป็นคนง่ายๆและดูซื่อๆคล้ายกับตู๋กังเลย


ส่วนอีกคนที่ชื่อจู่ ยี่นั้นอยู่ในระดับ A ขั้นต้น ไม่ผอมมากและก็ไม่สูงมาก เตี้ยกว่าหลิน เฟิงเพียงเล็กน้อย แต่เวลาที่เขามองไปที่ชายคนนี้นั้นทำให้หลิน เฟิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด ราวกับว่าคนที่เขากำลังมองนั้นเป็นโจรเป็นขโมยอย่างไรอย่างงั้นแหละ และดูเหมือนเขาจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว และก็ไม่น่ารักอีกต่างหาก


“แล้วพวกนายสองคนมาจากทางไหนกันล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“มาจากทางตะวันตก” จู่ ยี่ชี้ไปยังทางทิศตะวันตก ก่อนจะกล่าวขึ้น “พวกเราเดินกันมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แล้วเราก็มาเจอกับตัวชะมดที่ร้ายกาจนี่ แล้วว่าแต่ พวกนายหาทางเอาชนะตัวชะมดนี่ได้ยังไงกัน”


“ก็แน่ล่ะสิ เรามีวิธีอยู่” หลิน เฟิงจ้องไปที่พวกนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงเบา


“อืม เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ ตอนนี้ เราควรไปทางนั้นดีไหม” ชายคนที่ชื่อป่าเต๋าเอ่ยขึ้น


“ไปทางทิศตะวันตก” หลิน เฟิงว่าขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้อยากไป


“ทิศตะวันตกงั้นหรือ นี่เราเพิ่งจะมาจากทิศตะวันตกนี่ล่ะ ไปทางอื่นกันเถอะ” ชายคนที่ชื่อจู่ ยี่ปฏิเสธในทันที


“ก็อย่างที่ฉันพูดไปไง ฉันคือผู้ควบคุมคำสั่งเบ็ดเสร็จคนเดียวในทีม ก็เลือกเอาว่าจะเชื่อหรือว่าจะออกไป” หลิน เฟิงไม่สนใจพวกเขาอีกก่อนจะพาตู๋ กังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก


“นาย...” นี่จู่ ยี่อยากจะพูดอะไรออกไปกันแน่ และทันใดนั้นเอง ป่าเต๋าก็ตบไหล่เขา “ได้สิ อย่างที่ฉันให้สัญญาไว้ ฉันจะฟังพวกเขาก่อน แต่ถ้ามันดูไม่เข้าท่า พวกเราก็จะไปทันทีเลย”


ในตอนนั้นเอง ตู๋กังก็เดินตามหลิน เฟิงไป ก่อนจะกล่าวขึ้นกับเขา “ เจ้าบ้า พวกเขาเพิ่งจะมาจากทางตะวันตก แล้วนี่เรากำลังจะไปทางทิศตะวันตกอีกเพื่อ”


“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะดูว่าพวกนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งของฉันหรือเปล่า” หลิน เฟิงกล่าวพลางยิ้มๆ


เมื่อได้ยินแบบนั้น ตู๋ กังก็พูดอะไรไม่ออกไปในทันที ก่อนจะเดินตามไป


หลังจากที่เดินกันไปได้สักพัก จู่ๆหลิน เฟิงก็หยุดลง


จู่ ยี่กับป่าเต๋าที่ตามมาข้างหลังก็ได้ถามขึ้น “มีอะไรงั้นหรือ ทำไมจู่ๆถึงหยุดไป”


แทนที่จะตอบพวกเขา หลิน เฟิงกลับขมวดคิ้วก่อนจะยืนฟังอยู่อย่างเงียบๆ


เมื่อเห็นว่าหลิน เฟิงไม่สนใจพวกตน ใบหน้าของจู่ ยี่ก็คล้ำขึ้นมาทีละน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาจะจัดการหลิน เฟิง พื้นดินก็สั่นไหวขึ้นมา ก่อนจะเกิดเสียงดังอื้ออึง ดูเหมือนกับว่าจะมีบางสิ่งที่น่าจะขนาดใหญ่มาตรงนี้อย่างรวดเร็ว


“ไปกันเถอะ” 


แล้วจากนั้น หลิน เฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะหันหน้ากลับและวิ่งออกไป ตู๋ กังกับหลิน เฟิงต่างรู้จักกันมาเป็นเวลานาน เรื่องความเชื่อใจคงไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นหลิน เฟิงวิ่ง เขาจึงวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว


จู่ ยี่กับป่าเต๋าเองก็รู้สึกงงงวยไปชั่วครู่ แต่ต่อมาพวกเขาก็นึกเสียใจ


กลุ่มสีดำๆขนาดใหญ่ทางด้านขวาต่างวิ่งกรูกันเข้ามาตรงทางที่พวกเขาอยู่ และเมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขาจึงเริ่มออกวิ่งไปในทันที


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น