RC:บทที่ 313 โลกเร้นลับ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 313 โลกเร้นลับ


หลิน เฟิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นว่ามีคนสี่คนมาจากองค์กรหลักแห่งความมืดทั้งสามองค์กร อีกสี่คนนั้นมาจากตระกูลหลักทั้งสิบ ส่วนอีกสองคนนั้นเป็นคนธรรมดาแต่แรงส่งในตัวพวกเขานั้นไม่ใช่กระจอกเลย


ในตอนนี้ ทั้งสิบคนก็ได้นำเหรียญโบราณออกมา เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งไป ก่อนจะว่าขึ้น “เหรียญโบราณมีถึงสิบเหรียญเลยงั้นหรือ”


เมื่อได้ยินหลิน เฟิงกล่าวแบบนั้น อู่หยาง หมิงลั่วก็ถึงกับตะลึง ก่อนจะพูดขึ้น “แน่ล่ะสิครับ ต้องใช้เหรียญโบราณสิบเหรียญมารวมกันถึงจะเปิดประตูไปยังโบราณสถานลับได้”


เมื่อได้ฟังแบบนั้น เขาก็ถึงกับอายเลยทีเดียว เพราะคิดว่าใช้เหรียญโบราณแค่เหรียญเดียวก็จะเปิดประตูได้เสียอีก


“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ แต่จะมีรูปวาดที่ยังไม่สมบูรณ์ที่อยู่ในช่องของเหรียญโบราณอยู่ด้วยซึ่งบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงเส้นทางของสถานที่ลับทั้งหมดนั่นและอื่นๆอีกมากมาย และนั่นก็จะเป็นประโยชน์มากเวลาที่เราออกสำรวจสถานที่ลับทั้งหมดในนั้น” อู่หยางกล่าว


 “ไม่ใช่ว่าแบ่งไปตามคนที่มีเหรียญแล้วงั้นหรือ” ตู๋กังที่แทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย จู่ๆก็เอ่ยขึ้น


“มันจะง่ายอะไรแบบนั้นกันล่ะครับ ไม่ว่าพวกเขาจะพบของดีอะไรข้างในนั้นหรือไม่  หรือไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจรูปวาดหรือไม่นั่นล่ะคือปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนน่ะมักเห็นแก่ตัว รูปวาดเกือบครึ่งหนึ่งนั้นต่างตกอยู่ในมือขององค์กรมืด ทำให้ความเป็นไปได้ของรูปภาพที่สมบูรณ์นั้นขาดหายไปด้วย”


“อ๋อ เข้าใจแล้ว แม้พวกเขาจะมีรูปวาดอยู่ในมือ แต่ก็ยังเป็นรูปภาพที่ไม่สมบูรณ์ และเพราะรูปภาพยังไม่สมบูรณ์นั่นล่ะ ก็ถือว่าเป็นโชคที่เราจะได้เข้าไปหาอะไรบางอย่างในรูปวาดพวกนั้น” หลินเฟิง คิดก่อนจะพูดขึ้น


“ใช่เลยครับ และนั่นก็คือเหตุผลที่เราไม่ต้องต่อสู้เพื่อเหรียญโบราณนั่น ไม่อย่างงั้นแล้ว ทำไมเหรียญโบราณสองเหรียญนั่นถึงไปโผล่ในมือของคนธรรมดาถึงสองคนได้กันล่ะครับ” อู่หยางกล่าวขึ้นพลางขยิบตาให้


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงจึงเข้าใจในทันที


ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง คนทั้งสิบคนก็ได้หยิบเหรียญโบราณนั่นขึ้นมา ก่อนจะวางลงบนพื้น แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น


เมื่อนำเหรียญทั้งสิบมาวางรวมกัน พวกมันก็ก่อตัวเป็นวงกลมเล็กๆ  จากนั้นแสงสีดำก็โผล่ออกมาจาตรงกลางวงกลม ต่อมา รูสีดำเหมือนเป็นช่องทางก็ปรากฏขึ้นตรงกลาง


รูสีดำที่เหมือนกับช่องทางนี้ แผ่ขยายไปรอบๆอย่างรวดเร็วก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นจนแผ่รัศมีไปถึงห้าเมตร


“เอาล่ะ ทุกคน ทางเข้าเปิดแล้ว ตอนนี้ จะให้ครอบครัวหรือกองกำลังที่มีเหรียญสิบเหรียญนั้นเข้าไปก่อน” เสียงจากหลงจี้เทียนดังขึ้น


พวกเขาถูกใครต่อใครมองด้วยความอิจฉา ตระกูลทั้งสิบรวมถึงกองกำลังเหล่านั้นต่างกระโดดลงไปในหลุมดำขนาดใหญ่ก่อนจะหายตัวไป


ในขณะที่ผู้คนลงไปในนั้น อู่หยาง หมิงหลัวก็ได้กล่าวกับหลิน เฟิงว่า “พี่หลิน ไปด้วยกันเถอะ”


หลิน เฟิงเองก็ต้องการที่จะไปกับตู๋ กัง2 คน แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจำต้องพยักหน้า


ในขณะที่พวกเขากำลังลุกขึ้นไป ทันใดนั้นเอง หวัง ฮ่าวหมิงก็เอ่ยขึ้นกับหลิน เฟิง “เสี่ยว เฟิง ตอนเข้าไปในนั้น ก็ช่วยดูแลพวกเขาหน่อยแล้วกันนะ”


แววตาที่หวัง ฮ่าวหมิงส่งมานั้นดูซื่อตรงและสงบ ไม่ได้มีแววล้อเล่นในนั้นเลย ทั้งยังมีการขอร้องในแววตานั้นด้วย


“เอ่อ ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” หลิน เฟิงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น


จากนั้น หวัง ฮ่าวหมิงก็กลับไปมองอู่หยางอีกครั้ง ก่อนจะตบไหล่เขาแล้วกล่าวขึ้น “คอยฟังคำแนะนำของเสี่ยวเฟิงด้วยล่ะ”


จากนั้นหวัง ฮ่าวหมิงก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไป


อู่หยาง หมิงหลัวมองหวัง ฮ่าวหมิงที่เดินจากไป พลางหันมามองหลิน เฟิงถึงสองครั้ง พลันคิดขึ้นมา “หรือหลิน เฟิงจะมีอะไรที่ไม่เหมือนใครจริงๆ ลุงของเราถึงได้ย้ำว่าให้เขาดูแลพวกเรา”


“มีอะไรหรือเปล่า ไปกันเถอะ” หลิน เฟิงมองไปยังอู่หยาง หมิงหลัวก่อนจะหันกลับมา พร้อมกับเอ่ยเตือนเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำ


อู่หยาง หมิงลั่วตั้งสติได้ดังนั้นจึงพูดขึ้น “อ๋อ ได้สิ ไปกันเถอะครับ”


ไม่นาน อู่หยาง หมิงลั่ว หลิน เฟิงรวมถึงตู๋กังต่างก็เดินไปที่หลุมดำที่จะเป็นช่องทางส่งผ่านไป และในที่สุดทั้งหมดก็ได้หายไปในหลุมดังกล่าว


ในช่วงขณะที่หลิน เฟิงหายตัวไปนั้น เด็กสาวที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้น


“ผู้อาวุโส” เมื่อตระกูลหนานกงเห็นเด็กสาวคนนั้น พวกเธอก็รีบเรียกในทันที


“ลงไปกันเถอะ” จากนั้นพวกเธอต่างก็ทยอยลงไปในนั้น


หลังจากที่เข้ามาในทางเดินที่เหมือนกับหลุมดำนั้น ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืดมิด จนเมื่อเขาลืมขึ้นมาอีกครั้ง ก็เหมือนกับว่าเขาได้เจอกับโลกใหม่


ที่นี่ ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง จิตวิญญาณล่องลอยเต็มไปหมด หญ้าบนพื้นดินเขียวชอุ่ม บนท้องฟ้ามีนกบินพลางร้องเพลงไปมา นี่ล่ะคือโลกที่สุดแสนจะไร้ที่ติอย่างที่ฝันไว้


“ออร่ามากมายอะไรแบบนี้” หลิน เฟิงอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้


“ใช่แล้วล่ะ ช่วงเวลาในยุคโบราณน่ะเป็นเวลาที่เหมาะกับการสั่งสมพลังจริงๆ เว้นแต่พื้นที่ข้างล่างที่พังแค่นั้นเอง”


หลังจากนั้นหลิน เฟิงก็ถอนหายใจ แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง


หลิน เฟิงจึงหันไปมองก็เห็นว่าอู่หยาง หมิงลั่วที่กำลังมองตัวเองอยู่พลางยิ้ม และคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆ รวมถึงตู๋ กังเองก็อยู่ด้วยเช่นกัน


“แล้วพวกคนที่มาก่อนหน้านี้ล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“พื้นที่ขนส่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยู่กับที่ มันจะทำหน้าที่แค่ส่งคนเข้าไปในช่องทางในเวลาเดียวกัน ถ้าคนอื่นๆไม่เข้าไปกับเรา พวกเขาก็จะไม่ได้มากับเรา” อู่หยางกล่าวขึ้น


“นี่ พี่คะ ทำไมพี่ต้องไปพูดอะไรกับเขานักหนา ถ้านายอยากตามเรามาก็ตามมาดีๆล่ะ อย่ามัวแต่พูดมาก ทำเหมือนกับตัวเองไม่เคยเห็นโลกมาก่อนไปได้” ในตอนนั้นเอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังอู่หยาง หมิงลั่วกล่าวขึ้นอย่างหมดความอดทน


ตอนที่อยู่โลกเดิม เพราะมีคุณลุงหวัง ฮ่าวหมิงอยู่ด้วย พวกเขาจึงไม่อยากพูดอะไรมากนัก


แต่ทว่าจริงๆแล้ว พวกเขาต่างนึกรังเกียจหลิน เฟิงและอีกคนที่ตามมาด้วยอย่างตู๋ กัง พวกนี้ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรนักเลย รวมถึงพละกำลังเองก็อ่อนปวกเปียกด้วยเช่นกัน


“หยุดพูดซะที จี้หาน นี่พี่หลินอยู่กับเรานะ เป็นทั้งเพื่อนและคู่หู เราจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้” อู่หยางกล่าว


“เพื่อนแบบไหนกันล่ะ ก็ที่เขาเข้ากันได้ ก็เพราะคนหนึ่งน่ะเป็นแค่ระดับ A เริ่มต้น ส่วนอีกคนเป็นระดับ A ขั้นสุดยอด พลังแค่เนี้ย มีแต่จะดึงพวกเราให้ต่ำลงนะครับ” ทันใดนั้น ก็มีชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา


 “ฮึ่ม” เมื่อตู๋กังได้ยินแบบนั้น เขาก็นึกอยากจะอัดสักป้าบ ดวงตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ร่างทั้งร่างหนักอึ้งราวกับขุนเขา ก่อนจะจ้องไปที่ชายคนดังกล่าวด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก


“ไง อยากจะสู้หรือไง อยากจะจัดการฉันด้วยแค่ระดับ A เริ่มต้นนั่นน่ะนะ ไอ้บ้านนอกกระจอกเอ้ย” ด้วยความหยิ่งยะโสของชายคนดังกล่าว เขาจึงเอ่ยออกไปอย่างดูถูก


“พอได้แล้ว” จู่ๆ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ยื่นมือออกมา ก่อนจะตบหน้าชายคนนั้นจนหน้าหัน จากนั้นก็ดึงหน้าเข้ามา


ไม่ใช่ใครที่โดนตบ แต่เป็นคนในตระกูลอู่หยางนั่นเอง เขากล่าวกับเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น


“นายยังเห็นหัวผู้นำอย่างฉันบ้างไหม”


หลังจากที่โดนตบ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ฉุนจัดขึ้นมาในทันที แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียงกลับไป


“ใจเย็นก่อน พี่หมิงลั่ว ก็ถ้าทีมของพี่ไม่อยากต้อนรับเรา เราก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วยเท่านั้นเอง”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น