RC:บทที่ 308 พิธีต้อนรับหัวหน้า

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 308 พิธีต้อนรับหัวหน้า


หลิน เฟิงโทรหาลู่ ซื่อจี้เป็นอย่างแรก เพราะเธอเป็นคนที่คอยติดต่องานของกลุ่มอยู่ในตอนนี้ ให้เธอตอบน่าจะดีกว่า


หลิน เฟิงเองก็มาที่นี่น้อยครั้ง ถ้าเขาไปแบบนี้ คนเฝ้าหน้าประตูอาจจะไม่ให้เขาเข้าไปก็ได้ เหมือนกับบริกรหน้าร้านโหยวหยี่ก่อนหน้านี้


ฉะนั้น เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าอาย การให้ลู่ ซื่อจี้มารับเข้าไปน่าจะดีกว่า


“โอ๊ะ เจ้านายของฉัน ในที่สุดก็มาที่บริษัทสักที” หลังจากได้ยินว่าหลิน เฟิงกำลังจะมาที่บริษัท ลู่ ซื่อจี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบทิ้งงานตรงหน้าเพื่อออกไปพบเขา


ไม่นาน เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทหลิน หลิน เฟิงก็เห็นว่าสำนักงานใหญ่ในตอนนี้ดูยิ่งใหญ่และตระการตาเป็นอย่างมาก หลิน เฟิงเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนจะเป็นเจ้านายที่นี่


รถยนต์ค่อยๆขับเข้ามาถึงประตูของบริษัท หลิน เฟิงได้เห็นคำสี่คำที่อยู่ตรงประตูว่า ‘กลุ่มบริษัทหลิน’


เป็นคำสี่คำดูตัวใหญ่มโหฬาร เปี่ยมไปด้วยพลัง เมื่อมองเข้าไปข้างในผ่านตัวอักษรทั้งสี่ตัว เขาก็ได้เห็นคนมากมายจัดแถวอยู่


แถวหน้าปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง นั่นก็คือลู่ ซื่อจี้ที่ไม่เจอกันเลยสามหรือสี่เดือน


ส่วนที่ยืนข้างหลังเธอนั้นก็คือกลุ่มระดับสูงของบริษัท


ในตอนนี้ ผู้คนทั้งหมดล้วนสวมชุดเครื่องแบบทางการสีดำ ดูเนี๊ยบ โดยแบ่งฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นผู้หญิง ส่วนอีกฝั่งเป็นผู้ชาย


หน้าตาของผู้หญิงล้วนจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผู้ชายหล่อเหลาท่าทางสุภาพ ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มปนความอยากรู้ และพวกเขาทุกคนดูเหมือนจะอยากเห็นใบหน้าของท่านประธานที่แสนหล่อเหลานี้ด้วย


พวกเขาตั้งแถวเป็นสองแถว ลู่ ซื่อจี้อยู่ตรงกลาง เมื่อเห็นหลิน เฟิงเดินออกมา ลู่ ซื่อจี้ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที พลางเอ่ยเสียงสูง “ท่านผู้บริหาร” 


จากนั้นคนทุกคนต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านผู้บริหาร” จากนั้นก็ก้มหัวลง ไม่เงยหน้ากันขึ้นมาครู่ใหญ่


ลู่ ซื่อจี้ก็ให้สัญญาณด้วยท่าทีแปลกๆแก่หลิน เฟิงราวกับจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา


“เธอหมายความว่ายังไง” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ให้พวกเขาเงยหน้าขึ้นสิ” ลู่ ซื่อจี้กระซิบ


“อ๋อ  อะแฮ่ม สวัสดีครับ ทุกคน โอเค เงยหน้าขึ้น” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้น


“ขอบคุณครับ/ค่ะ ท่านผู้บริหาร” เมื่อทุกคนต่างเรียกเขาแบบนั้น เขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ในใจนั้นกลับพองฟู


ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เขาเองก็ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มีวันที่ดีแบบนี้ และนี่ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น


จากนั้น หลิน เฟิงจึงเดินตรงไปยังส่วนข้างในของบริษัท โดยมีลู่ ซื่อจี้ตามไปด้วย เมื่อเขาเดินผ่านกลุ่มคนระดับสูง คนพวกนั้นจึงยืนขึ้นก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะสร้างความประทับใจอันดีให้กับหลิน เฟิง


แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลิน เฟิงเพียงเดินผ่านหน้าพวกเขา เขาก็ยิ้มให้ ในขณะที่ผู้คนรู้สึกกระวนกระวายกันมากนั้น พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าในขณะเดียวกัน หลิน เฟิงต่างหากที่รู้สึกกระวนกระวายมากกว่าใครเสียอีก


ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเข้าร่วมในพิธีต้อนรับใหญ่ขนาดนี้


คนระดับสูงพวกนี้ยังเด็กกันอยู่เลย คนที่อายุน้อยน่าจะมีอายุพอๆกับหลิน เฟิง ส่วนคนที่อยู่มานานกว่านั้นอายุน่าจะห่างกับเขาไม่กี่ปี


หลังจากที่หลิน เฟิงเดินไปแล้ว พวกเขาก็เริ่มกระซิบกระซาบ


“ว้าว ผู้บริหารยังหนุ่มอยู่เลย”


“ใช่ๆ หล่อและรวยอีกต่างหาก น่ารักเนอะ”


“นี่ถ้าฉันรู้จักเขาเร็วกว่านี้ล่ะก็นะ”


“...”


 “แฮ่มๆ” ในตอนนั้นเอง ลู่ ซื่อจี้ก็ได้มองไปที่คนไม่กี่คนนั้น ก่อนที่ทุกคนจะหุบปาก


สิ่งนี้แอบทำให้หลิน เฟิงแปลกใจไม่น้อย ดูเหมือนว่าลู่ ซื่อจี้จะสร้างความน่าเกรงขามให้กับกลุ่มคนพวกนี้อยู่เหมือนกัน


หลังจากเข้ามาไม่นาน หลิน เฟิงก็รู้สึกโล่งอก


ลู่ ซื่อจี้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งนั้นหัวเราะออกมาและทำให้หลิน เฟิงรู้สึกอายขึ้นมา


“นี่ คุณป้าครับ เธอใช่ไหมที่จัดการเรื่องการต้อนรับขนานใหญ่แบบนี้” หลิน เฟิงเอ่ยพลางถอนใจยาว


 “ก็ใช่น่ะสิ นายน่ะเป็นถึงผู้บริหารใหญ่ระดับพันล้าน เมื่อนายมาบริษัทครั้งแรก ก็ต้องมีคนมาต้อนรับสิ หรือว่าไง นายไม่ชอบหรอ” ลู่ ซื่อจี้ว่ายิ้มๆ


“ไม่ใช่ไม่ชอบ แค่ไม่คุ้นน่ะ แต่ก็รู้สึกดีมากอยู่นะ” หลิน เฟิงกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวต่อ “แล้วนี่ ฉันมีเงินเป็นหมื่นๆล้านแล้วจริงๆหรือ ตอนนี้”


จนถึงตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็ยังไม่นึกเชื่อ แม้จะได้ยินจากตู๋ กังมาแล้วก็ตาม


“ก็ใช่น่ะสิ ฉันจะพูดโกหกนายเพื่ออะไร มานี่สิ เดี๋ยวฉันจะให้นายดู” ลู่ ซื่อจี้ว่าขึ้น ก่อนที่จะพาหลิน เฟิงไปที่ออฟฟิศ


ตรงหน้าคือคอมพิวเตอร์ราคาแพง ซึ่งน่าจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบพิเศษของลู่ ซื่อจี้แน่ๆ มีรูปแบบและข้อมูลมากมายอยู่ในนั้น แต่ทว่า หลิน เฟิงก็ถึงกับปวดหัวหลังจากได้อ่านข้อมูลในนั้น


“มาดูนี่สิ ในตอนนี้น่ะ ส่วนโค้งของยอดขายสินค้าของทางกลุ่มเราเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นโตขึ้นจนเกือบจะเป็นเส้นตรงแล้ว นับจากนี้ไป ก็คงจะแตะไปถึง 4 หมื่นล้านโน่นแหละ” ลู่ ซื่อจี้ว่าขึ้นพลางชี้ไปที่เส้นที่ขึ้นเกือบจะสูงโด่งบนหน้าจอ


หลิน เฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ที่เขาเห็นแน่ๆคือตัวเลขบนหน้าจอที่มากกว่าถึง 4.3 หมื่นล้าน


“และทางเรายังคาดการณ์ไว้ด้วยว่าในอีกครึ่งปีหลังหรือนานออกไปกว่านั้น สาขาของเรามีไปเปิดอยู่แค่ฝั่งทะเลทางใต้ แล้วก็ยังเปิดไม่เต็มด้วย”  ลู่ ซื้อจี้เอ่ยก่อนจะเสริมขึ้น “พวกเราวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีกในทุกจังหวัด ทุกเมือง ทุกอำเภอและทุกชุมชน และสาขาของพวกเราก็จะแบ่งเป็นธุรกิจหลักสามส่วน เช่น ผลไม้ ไวน์ และวัตตถุดิบเกี่ยวกับอาหาร...” ลู่ ซื่อจี้กล่าวไปเรื่อยๆ ซึ่งที่กล่าวมานั้นทำให้หลิน เฟิงถึงกับประหลาดใจกับทุกๆเรื่องที่เขาไม่เคยได้คิดและก็ไม่รู้มาก่อนเลยด้วย


หลังจากนั้นไม่นาน ลู่ ซื่อจี้ก็พูดจบลง ในขณะที่หลิน เฟิงครุ่นคิดเป็นเวลานาน เขารู้สึกมีความสุขมากเสียจนพูดขึ้นมาว่า “เธอนี่แกร่งเป็นบ้า ดีจังเลยที่เธอทำงานตรงนี้ให้”


“ไม่ใช่ว่าพวกเราแกร่งหรอก นายต่างหากล่ะ ก็ถ้านายไม่เริ่มความคิดนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ได้จากสิ่งที่นายสั่งสมมา ก็คงไม่มีอะไรแบบนี้ได้หรอก ฉะนั้น นายนั่นล่ะที่แกร่ง” ลู่ ซื่อจี้ว่าขึ้นยิ้มๆ


“แล้วอีกอย่าง ที่มาได้มากถึงขนาดนี้ ก็เพราะพี่หวัง ฮ่าวหมิงกับพี่เติ้ง เทียนฝูนี่ล่ะ พวกเขามีเครือข่ายกว้างขวางในโลกธุรกิจ เพียงแค่สามเดือนเท่านั้น พวกเขาก็จัดการขยายสาขาไปทั่วพื้นที่ชายฝั่งภาคใต้รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยอาศัยทรัพยากรเครือข่ายขนาดใหญ่นี้ พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาจากพื้นที่ชายฝั่งไปยังทางเหนือและตะวันตกแล้วด้วย”


“องค์การบริหารส่วนจังหวัดสามสิบสี่จังหวัดในประเทศจีน ในตอนนี้นั้น เราเปิดเพียงแค่สิบกว่าสาขาเท่านั้น และยังไม่ได้เปิดอีกตั้งครึ่ง แต่ถ้าเปิดเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ นายน่ะจะเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆเลยล่ะ” ลู่ ซื่อจี้ถามเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว


 “ฉันก็หวังว่างั้น ฮ่าๆ แล้วนี่ ครั้งนี้ที่ฉันมาก็เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอนี่ล่ะ”


จากนั้น หลิน เฟิงจึงได้คุยกับเธอในเรื่องที่คุยกับเอ้อโกวซือ ก่อนจะขอให้เธอดำเนินการเรื่องนี้ให้


นอกจากนี้ เขายังขอให้เธอเตรียมเงินไว้ในส่วนของการวิจัยของเจ้าลิง แล้วก็ที่พัก การรับสมัครนักวิจัยด้วย


“พวกเราเองก็ตั้งใจที่จะสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เลย” ทันทีที่ลู่ ซื่อจี้ได้ยินเรื่องราว เธอก็รับปากด้วยท่าทีขึงขังในทันที เธอเป็นคนลักษณะที่ไม่ได้บ่งบอกชัดว่าเป็นหญิงหรือชาย หลังจากนั้นเธอจึงฟังหลิน เฟิงพูดต่อ


“ด็อกเตอร์อัจฉริยะคนนั้นน่ะหรือ ฉันเคยได้ยินนะ นี่คาดไม่ถึงเลยนะว่าจะเป็นเพื่อนของท่านผู้บริหาร ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย” ลู่ ซื่อจี้รู้สึกตกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เพราะคนที่มีความสามารถแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ


“สมแล้วที่เป็นท่านผู้บริหาร ที่มีคนรู้จักแบบนั้น” หลังจากนั้น เธอก็ลงมือจัดการโดยทันที


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น