RC:บทที่ 307 ร่างสัตว์ของตู๋ กัง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 307 ร่างสัตว์ของตู๋ กัง


“ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพนั้นมีชื่อเสียงเรื่องการกลั่นแกล้งกันอยู่ ถ้านายบอกไป ชีวิตของฉันได้สั้นแน่ๆ” หลิน เฟิงจ้องไปที่เอ้อโกวซือพลางพูดขึ้น


“อืม เข้าใจละ” หลังจากที่ได้ฟังในสิ่งที่หลิน เฟิงพูด เอ้อโกวซือก็เห็นว่านั่นก็มีเหตุผลอยู่


“นายเข้าใจแล้วสินะ” หลิน เฟิงว่าพลางยิ้มๆ


ต่อมา เอ้อโกวซือได้ใช้กระบวนวิชาลับนี่อยู่หลายรอบในห้อง ยิ่งใช้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น และประสบการณ์ที่ได้ก็ล้ำลึกมากขึ้น


ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้ให้เคล็ดวิชาลับในการแปลงร่างเป็นสัตว์ให้กับตู๋ กังอีกด้วย


ตู๋ กังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาลับนี้ และเขาไม่คุ้นเคยกับการใช้มัน นอกจากนี้เขายังพยายามลองใช้มันมากกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะได้ปลดปล่อยมันออกมา


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาใช้มันได้ เขาก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ


สัตว์คู่ใจของตู่ กังนั้นเป็นหลิน เฟิงที่เลือกให้ เป็นลูกของหมีภูเขาสองตัวที่เก่งกาจ พวกมันโตขึ้นมาจนก้าวไปถึงระดับ SSS จนกลายมาเป็นราชาแห่งสัตว์ป่า


ในตอนนี้ ลูกหมีภูเขาตัวน้อยนั้นก็อยู่ในขั้นเริ่มต้นของระดับสูงสุดแล้ว รวมถึงทักษะและความสามารถต่างๆก็ได้รับการเปิดเผยออกมาอย่างช้าๆ


ยิ่งไปกว่านั้น ตู๋ กังเองก็เกิดมาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง รวมถึงร่างกายที่แข็งแรงกว่าใครๆ ดังนั้น เมื่อเขาใช้สัตว์ป่า แม้แต่หลิน เฟิงเองก็อดที่จะตกใจไม่ได้


เพียงได้เห็นว่าเขานั้นปลดปล่อยสัตว์คู่ใจอย่างหมีภูเขาออกมา แสงแห่งผืนดินอันเรืองรองก็เปล่งประกาย ก่อนที่ลูกหมีน้อยจะโผล่ออกมา ตู๋ กังจึงกระตุ้นวิชาลับของการแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า แล้วทันใดนั้นเองลูกหมีน้อยก็กลายร่างเป็นแสงผสานเข้าไปในตัวตู๋ กังเป็นหนึ่งเดียว


ร่างสูงใหญ่ของตู๋ กังเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่น่ากลัวและรวดเร็ว ทั้งความสูงที่แต่เดิมเกือบสองเมตร ตอนนี้สูงไปถึงสองเมตรกับอีกห้าเซนติเมตรเลยทีเดียว


มัดกล้ามนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสูงขึ้น กว้างขึ้นและหนาขึ้น เส้นขอดบริเวณกล้ามเนื้อนูนเด่นชัดเจน


เสื้อผ้าของเขาที่เดิมใส่แล้วคับอยู่เล็กน้อย แต่มาตอนนี้กลับฉีกขาดดระจุยจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว และน่ากลัวเสียยิ่งกว่าลิงกอริลลาเสียอีก


นอกจากนี้ที่ปากของเขายังปรากฏคมเขี้ยว ที่มือทั้งสองข้างมีกรงเล็บขนาดใหญ่งอกออกมาและหน้าตาน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ใหญ่กว่าสุนัขสองตัวรวมกันเสียอีก


“ความรู้สึกแบบนี้ โฮก เยี่ยมยอดเลย” ตู๋ กังคำรามออกมาเหมือนหมีซึ่งทำเอาเขาถึงกับตื่นเต้นสุดๆ


“เอ้อโกวซือ นายอยากจะลองหน่อยไหมล่ะ” ในตอนนี้ ตู๋ กังรู้สึกตื่นเต้นมาก และเขาเองก็อยากจะลองอยู่


“ดีสิ แต่ฉันก็กังวลอยู่นะว่าจะไม่มีที่ให้ฉันแสดงผลลัพธ์ของเคล็ดวิชาลับปราบสัตว์อสูรที่หลิน เฟิงไปซ่อมแซมมาอยู่เนี่ย” เอ้อโกวซือเองก็กระตือรือร้นที่อยากจะสู้กับตู๋ กัง


“อืม พวกนายก็สู้กันเลย ฉันเองก็อยากแสดงให้เจ้าลิงดูบ้าง ถึงมันดูจะเล็กๆน้อยๆไปหน่อยก็เถอะ” หลิน เฟิงว่า


จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างก็เข้าโรมรันกันด้วยพลังวิญญาณเต็มรูปแบบ อดใจที่จะสู้กันไม่ไหวแล้ว


“เอาเลย ฉันจะสู้แล้วนะ” ทันทีที่สิ้นเสียงของเอ้อโกวซือ เขาก็รีบเข้ามา ก่อนจะตะปบตู๋ กังด้วยกรงเล็บข้างหนึ่ง


ถึงตู๋ กังจะเห็นแบบนั้น เขาก็กลับไม่ขยับตัวไปไหน พลันก็หันไปเห็นแสงที่ส่องออกมาจากอุ้งเท้าที่เต้นขึ้นมาเป็นจังหวะ


จากนั้นเอ้อโกวซือก็พุ่งตรงไปที่ตู๋ กังในทันที ก่อนจะทำการเล็งไปยังตู๋ กังเองที่เล็งไว้อยู่แล้วก่อนที่จะกวาดไปทั้งห้อง


แรงที่ส่งออกมานั้นมหาศาลเลยทีเดียว แม้ว่าตู๋จะเพิ่งอยู่ในระดับ A ขั้นต้น  แต่ทว่าการปะทุระหว่างทั้งสองแรงนี้นั้นกลับพุ่งไปถึงระดับที่แข็งแกร่งอย่างระดับ S เลยทีเดียว


โครม! เกิดเสียงดังลั่น ทันใดนั้นเอง ร่างๆหนึ่งก็กระเด็นออกไปนอกห้อง ชนเข้ากับประตูเป็นรูขนาดใหญ่


“นี่ นี่มัน...”


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงกับเจ้าลิงก็ถึงกับอึ้ง ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น  พลังนั่นจัดการกับเอ้อโกวซือด้วยเพียงหมัดเดียว


“ตู๋กัง ไม่ออมมือเลยนะเฟ้ย” ในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงอยู่นั้น  เอ้อโกวซือก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา


เมื่อเห็นเอ้อโกวซือเดินมา หลิน เฟิงก็โล่งใจ แม้ว่าจะยังดูบาดเจ็บอยู่ แต่ก็เจ็บแค่ผิวๆ ไม่ระคายผิวของเอ้อโกวซือนัก


ไม่มีใครคาดคิดว่าตู่ กังที่มีความเก่งกาจในระดับ A เริ่มต้นจะสอยเอ้อโกวซือที่อยู่ในระดับ A ขั้นสูงสุดได้ด้วยเพียงหมัดเดียว และหลิน เฟิงก็ยังรู้อีกว่าตู๋ กังไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดที่ตนมีออกมาอีกด้วย


หลิน เฟิงนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจถึงเหตุผล นี่จะต้องเป็นพลังที่ตู๋ กังมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว รวมถึงร่างกายของเขาเองก็แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย นอกจากนี้ หมีภูเขายังถือว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่มีผิวหยาบ เนื้อหนาและแรงเยอะ ดังนั้นจึงได้อานิสงส์จากผลลัพธ์ตรงนี้ทำให้กลายเป็นสัตว์ป่าในที่สุด


“ยังไม่ได้เริ่มหรือ”” ตู๋ กังถามขึ้น


“สู้แล้วสิ ร่างกายนายนี่โคตรน่ากลัวเลย” ทันทีที่เอ้อโกวซือนึกถึงหมัดที่สวนมาของเขา ความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วร่าง


“เจ้าบ้า ทำไมนายไม่ลองสู้กับเขาดูบ้างล่ะ น่าจะดีกว่าสอนเขาให้เขามาต่อยฉันอีกนะ โอ๊ย ปวดเอว” เอ้อโกวซือจับเอวของตนในขณะที่ร้องลั่นด้วยความเจ็บ


พวกเขาต่างหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น


เยี่ยมเลย


จากนั้น ก็มีเสียงเคาะที่ประตู


“หืม ใครมาน่ะ” เจ้าลิงว่า


“ใครมาที่นี่เอาป่านนี้” หลิน เฟิงไม่เข้าใจ เพราะเขาได้บอกกับคนอื่นๆไปแล้วว่าห้ามมารบกวน


เมื่อหลิน เฟิงออกไปดู ก็เห็นบริกรคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูก่อนที่เขาจะไปเปิดประตูเสียอีก พราะรูขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางประตูเป็นรอยกระแทกจากเอ้อโกวซือนั่นเอง


“สวัสดีครับ ท่านผู้บริหาร มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ต้องการหมอไหม” บริกรคนดังกล่าวเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นรูขนาดใหญ่นั่นบนประตู


“เอ๊ะ ไม่จำเป็นหรอก พอดีพี่น้องของฉันกำลังสู้กันน่ะ” หลิน เฟิงจ้องไปที่ประตูก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน


“อ๋อ งั้นถ้าท่านต้องการอะไรโปรดบอกนะครับ” จากนั้นเขาก็เดินไป 


 “เอาล่ะ พวกนายก็ไปพักเถอะ แล้วอย่าส่งเสียงดังนักล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง” หลิน เฟิงเอ่ย


หลังจากนั้น ทั้งสี่คนจึงหยุดทะเลาะกัน แล้วหลังจากได้พูดคุยอะไรกัน พวกเขาก็หลับ


สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับหลิน เฟิงก็คือร้านสาขาหลักนั้นปิดทำการหนึ่งวันเพราะพวกเขามาฝึกศิลปะการต่อสู้ พวกเขาเลยไม่อยากรบกวนใคร


เวลาผ่านไปเร็วมาก วันต่อมา หลิน เฟิงจึงพาพวกเขาขึ้นเครื่องได้อย่างปลอดภัย โดยก่อนจะจากกันนั้น เอ้อโกวซือก็ได้เตือนหลิน เฟิงอยู่หลายครั้งว่าอย่าลืมเรื่องผลไม้


หลิน เฟิงไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เขาเพียงแค่ถามที่อยู่และเบอร์ติดต่อ จากนั้นจึงวานให้หวัง หานส่งไปให้เขาด้วยสักตันนึง


จากนั้น หลิน เฟิงและตู่ กังจึงเดินกันไปที่บริษัทประกันอย่างเชื่องช้าเพื่อจะไปรับรถยนต์และขับกลับ เพราะรถของเขาถูกชนไปในวันนั้นอีกทั้งทั้งยังโดนขูดเป็นรอยด้วย


แม้ว่าบริษัทประกันจะชดเชยในส่วนนี้ให้ แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 200000 หยวนเป็นค่าซ่อมรถ


ไม่นาน พวกเขาก็ขับรถออกมาจากบริษัทประกันภัยไปยังตะวันตกของอำเภอจิ้งเฟิง เพราะสำนักงานใหญ่ของหลินกรุ๊ปอยู่ที่นั่น


เกือบครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งหลินกรุ๊ปขึ้นมา เขามาที่นี่แค่พียงสองครั้ง นอกนั้นก็คืออยู่บ้าน ในบริษัทยังไม่รู้แน่ชัดว่าหลิน เฟิงคือใคร


หลิน เฟิงนั้นรู้จักแค่คนสำคัญพวกนั้น ส่วนคนอื่นๆเขาเองก็ไม่รู้จัก และพวกนั้นก็คงไม่รู้จักเขาเช่นกัน


ไม่นาน หลิน เฟิงก็มาถึงจุดหมาย สำนักงานใหญ่ของหลินกรุ๊ป 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น