RC:บทที่ 306 เคล็ดวิชาลับปราบสัตว์ป่า
ต่อมา เอ้อโกวซือจึงได้เล่าให้หลิน เฟิงฟังเกี่ยวกับความลับในการต่อสู้ของทหารผ่านศึก หลังจากที่เขาได้เข้าใจเรื่องราวแล้วนั้น หลิน เฟิงก็รู้สึกตกใจมาก บนโลกนี้คงไม่มีสิ่งที่น่าพิศวงอีกแล้วล่ะมั้งนี่ เพื่อนของเขาสามารถใช้วิชาต่อสู้ลับที่อัศจรรย์นี้ได้ด้วย
“เวทย์มนต์ลับอะไรกันนี่” หลิน เฟิงเอ่ยอย่างมีความสุข
“ใช่แล้วล่ะ ฉันเองก็แปลกใจมากเลยนะตอนที่ฉันได้วิชาต่อสู้ลับกับพวกสัตว์ป่านี้มาจากทางกองทัพน่ะ ยิ่งไปกว่านั้น วิชานี้ยังช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ด้วย แต่ข้อด้อยของมันก็คือจะกินพลังวิญญาณเข้าไปเยอะมากเช่นกัน การที่จะใช้พลังได้มันต้องมีข้อจำกัดทางร่างกายที่เข้มงวดอยู่ ถ้าไม่ใช่คนที่มีร่างกายแข็งพอล่ะก็ ก็จะได้รับบาดเจ็บหนักเลย ไม่แนะนำให้ใช้เลย” เอ้อโกวซือเกริ่นกับหลิน เฟิง
“ขอบใจนะ เข้าใจแล้ว” หลิน เฟิงรับฟังด้วยความพอใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง หลุมวนสีดำในมือถือของหลิน เฟิงก็สั่นขึ้นมาในทันที จากนั้นวิชาการต่อสู้ลับก็ได้ปรากฏขึ้นในนั้น ราวกับทักษะลับที่ว่านั่นจะถูกเปิดขึ้นมาจากข้างใน
“เคล็ดวิชาลับปราบสัตว์ป่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ นายท่านต้องการซ่อมแซมหรือไม่” ทันใดนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในหัวของหลิน เฟิง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากก่อนจะเอ่ยขึ้น “ซ่อมเลย”
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ชักลังเลเพราะตื่นเต้นมากเกินไป เขาไม่ได้นึกสนใจอะไรไปชั่วครู๋ จนเผลอตะโกนออกมา
“ซ่อมอะไร” เอ้อโกวซือรวมถึงที่เหลือจ้องไปที่หลิน เฟิงอย่างงุนงง
“หา อ๋อ ฉันแค่บอกว่าตัววิชาลับที่นายให้ฉันมาน่ะมันยังไม่สมบูรณ์ ไม่เสร็จดีน่ะ ต้องได้รับการซ่อมแซมได้แล้ว” หลิน เฟิงคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“นายก็เห็นงั้นหรือ เจ้าหน้าที่นายหนึ่งของฉันเองก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน” เอ้อโกวซือรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะพูดขึ้น “แต่มันก็ยากแล้วล่ะ เพราะคนที่สร้างวิชาลับนี้ขึ้นมาเสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะทำเสร็จ”
“เสียชีวิตแล้วงั้นหรือ” หลิน เฟิงอึ้งไปก่อนจะว่าขึ้น “แย่จังเลย งั้นฉันขอลองดูหน่อยนะว่าฉันจะซ่อมได้ไหม” หลิน เฟิงกล่าว
“นายอ่ะนะ ฮ่าๆ เจ้าบ้านี่ อย่ามาแกล้งฉันหน่อยเลย” เมื่อเอ้อโกวซือได้ฟังก็หัวเราะร่วน
“ไม่เชื่อหรอ งั้นขอเวลาฉันแป๊บนึง” หลิน เฟิงพูดขึ้น ก่อนจะแสร้งทำเป็นนั่งสมาธิ
จริงๆแล้ว เขาแค่กำลังมองและรอให้หลุมดำซ่อมแซมวิชาลับนั่นให้
หลังจากผ่านไปสิบนาที หลิน เฟิงก็ไม่ขยับตัวอีกเลย เพียงแค่หลับตาลง ใบหน้าเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อผ่านไปสิบนาที เอ้อโกวซือก็รอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะเดินออกไป แต่ตู๋กังเข้ามาขัดไว้ก่อนพลางพูดขึ้น “รออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่ ที่ทำนี่ก็เพื่อพวกเรานะ อีกสักพัก เจ้าบ้าคงเรียกนายเองล่ะถ้าเขาทำเสร็จน่ะ”
เพียงพริบตาเดียว ก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว พวกเขาต่างจ้องไปที่หลิน เฟิง เขาดูไม่เหมือนครุ่นคิดอะไรอีกแล้ว ก่อนจะเอนตัวนอนบนโซฟาในห้องและหลับไป พร้อมทั้งกรนออกมาอีกด้วย
“เหอะ” ในตอนนั้นเอง เอ้อโกวซือก็เดินมาพร้อมกับน้ำแก้วหนึ่ง เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสาดน้ำไปที่ร่างของหลิน เฟิง
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ตื่นขึ้น ขยี้ตาไปมาก่อนจะพูดขึ้น “ก็คนมันอดที่จะนอนไม่ได้นี่”
เพราะวันนี้หลิน เฟิงตื่นแต่เช้า เขาก็เลยไม่ได้นอนดีนัก ฉะนั้นแค่ได้หลับตา เขาก็หลับไป
“ฉันก็คิดว่านายกำลังทำความเข้าใจเรื่องวิชาลับของการต่อสู้กับสัตว์ป่าอยู่เสียอีก ที่แท้ก็หลับอยู่นี่เอง” เอ้อโกวซือกล่าว ก่อนจะเดินไปเตะหลิน เฟิงดังป้าบ
“แล้วก็...นี่ เคล็ดวิชาลับการต่อสู้กับสัตว์ป่า” เมื่อหลิน เฟิงคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ถึงกับตกใจ จากนั้นจึงมองเข้าไปในหลุมวนสีดำ เคล็ดวิชาลับที่เสร็จสมบูรณ์ลอยอยู่ในนั้นแล้ว
“วิชาลับได้รับการซ่อมแล้ว” หลิน เฟิงอึ้งก่อนจะรู้สึกตื่นเต้น
“พูดเป็นเล่น นายหลับแบบนี้แล้วจะไปซ่อมแซมเคล็ดวิชาลับปราบสัตว์ป่าได้ยังไง” เห็นได้ชัดเลยว่าเอ้อโกวซือนั้นไม่นึกเชื่อ และในตอนนั้นเอง ตู๋ กังกับเจ้าลิงก็เข้ามาสมทบ
“นายไม่เชื่อสินะ นายคงคุ้นเคยกับเคล็ดวิชาการต่อสู้สัตว์ป่า เดี๋ยวฉันส่งไปให้นะ เอาไปลองดู” จากนั้นหลิน เฟิงจึงสอนวิชาลับดังกล่าวในหลุมดำให้กับเอ้อโกวซือ
ทีแรก ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ต่อมาเอ้อโกวซือก็ถึงกับตกใจสุดขีด
เอ้อโกวซือเผลอปลดปล่อยสัตว์วิญญาณออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันก็กลายเป็นสัตว์ป่า แรงส่งของมันนั้นพุ่งขึ้นสูงลิ่ว แรงส่งที่ทรงพลังนั้นช่างน่าหวั่นเกรงไม่น้อย
เพียงพริบตาเดียว เอ้อโกวซือก็เปลี่ยนไปเยอะมาก รูปแบบของหมาป่าปรากฏขึ้นตรงระหว่างคิ้ว รูปร่างของมันดูดุดัน เขี้ยวขนาดใหญ่ทั้งสี่ปรากฏออกมา ดูน่ากลัว
กรงเล็บที่แข็งแรงขึ้น คมขึ้นก็งอกออกมา กล้ามเนื้อหนาขึ้นทุกสัดส่วน ซึ่งช่วยขับเสื้อผ้าออกมาให้พวกเขาได้เห็น
กล้ามเนื้อที่ขึ้นหนาเป็นลอนนั้นดูน่ากลัว ราวกับสามารถที่จะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆได้ด้วยมือ
“ดีจังเลย พลังเต็มเปี่ยม” เอ้อโกวซือเอ่ยขึ้นในทันใด
“เอ้อโกวซือ ต่อยฉันสิ” ในตอนนั้นเอง ตู๋ กังก็อดไม่ได้ที่จะลองของ
พละกำลังของตู๋ กังนั้นเป็นอะไรที่ทั้งสี่คนต่างรู้กัน แม้แต่หลิน เฟิงเองก็ไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับเขาเลย เมื่อต้องใช้กำลังเพียวๆ
ผัวะ!
เอ้อโกวซือไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่หมัดของเขากับตู๋ กังจะเข้าปะทะกัน แล้วจู่ๆเสียงกระทบกันก็ดังลั่น ทำเอาบ้านทั้งหลังถึงกับสะเทือน
จากนั้นก็มีเสียงงึมงำจากตู๋กังที่ถูกโจมตีจนต้องถอยไปเสียหลายก้าว จนไปกระแทกกับกำแพง
“โอ้ พระเจ้าช่วย เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย” ตู๋ กังเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เจ้าบ้า นายทำได้ไงน่ะ ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าเสียเองเลย พลังของฉันแกร่งขึ้น กินพลังวิญญาณน้อยด้วย สุดยอดเลย”เอ้อโกวซือว่าอย่างตื่นเต้น
“ฮ่าๆ เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ลองหลับดูบ้างสิ เผื่อจะได้เข้าใจ” หลิน เฟิงว่าพลางขยิบตาให้
“ไอ้เจ้านี่” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจเขากลับรู้สึกซาบซึ้ง
ในตอนนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นสุดขีด และการที่พละกำลังของเขาพัฒนาไปถึงจุดนี้ได้ก็ทำเอาเขาถึงกับควบคุมใจให้สงบลงแทบไม่ได้เลย หลังจากที่เคล็ดวิชาลับปราบสัตว์ป่าได้รับการซ่อมแซมแล้วนั้น เอ้อโกวซือก็รู้สึกว่าตนสามารถใช้พลังของสัตว์วิญญาณนี้ได้อย่างเต็มที่เสียที
เคล็ดวิชาลับเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้หลิน เฟิงซ่อมแซมนั้นทำให้ผู้คนที่ใช้นั้นรู้สึกว่าพวกตนยังดึงพลังดังกล่าวออกมาใช้ไม่ได้อย่างเต็มที่เสมอ และดูเหมือนว่าแม้พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกับวิชา แต่ก็เหมือนใช้แยกกันอยู่ดี คนอยู่ส่วนคน สัตว์วิญญาณอยู่ส่วนสัตว์วิญญาณ
แต่อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมเคล็ดวิชาลับปราบสัตว์ป่าของหลิน เฟิงได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และดูเหมือนว่าผู้คนกับสัตว์จะไม่ถูกแบ่งแยกตัวใครตัวมันอีกแล้วในเวลาที่ต้องต่อสู้ร่วมกัน
พลังของสัตว์วิญญาณกับมนุษย์นั้นผสานรวมกันอย่างลงตัว ไปได้ไกลเหนือกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองเสียอีก พลังที่ทำให้ผู้คนปลดปล่อยศักยภาพของสัตว์วิญญาณออกมาได้อย่างดีเยี่ยมนั้นนับว่าน่าหวั่นกลัวมิใช่น้อย
“เจ้าบ้า ขอบใจนะ ขอบใจมากเลยจริงๆ” เอ้อโกวซือกล่าวขอบใจอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไร แต่นายอย่าไปบอกใครเรื่องที่วิชาลับนี้สมบูรณ์แล้วนะ จำไว้เลยนะว่าห้ามบอกใคร” หลิน เฟิงกล่าว
“หา” เมื่อได้ฟังหลิน เฟิงกล่าวมาแบบนั้น เขาก็ชักสับสน
ในทีแรก เอ้อโกวซือเองก็วางแผนไว้แล้วว่าจะมอบเคล็ดวิชาลับนี้ส่งคืนไปให้กับทางกองทัพ ถ้าเป็นแบบนั้น อัตราชนะในสงครามต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%
“ฉันขอถามนายหน่อย คนที่สร้างเคล็ดวิชาลับนี้เขาอยู่ในระดับไหน ต้องไม่ต่ำกว่าระดับ SSS แน่” หลิน เฟิงว่า
“ถูกเผง คนที่ศึกษาเรื่องนี้คือคนใหญ่คนโตของกองทัพเรา โดยใช้เวลาศึกษากว่า 200 ปี แต่ก่อนที่จะทำเสร็จ เขาก็มาเสียชีวิตลงก่อน” เอ้อโกวซือว่า
“ส่วนฉันก็แค่ผู้มีพลังระดับ A เอง เห็นนายบอกว่าทางคนเบื้องบนจะต้องขอเอาไปด้วยนี่ แล้วถ้าบอกไปว่าคนที่ซ่อมแซมเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จเป็นคนกระจอกๆแบบฉัน พวกเขาจะเชื่อหรือ” หลิน เฟิงว่า
หลังจากได้ฟังที่หลิน เฟิงพูดแล้วนั้น เอ้อโกวซือก็อ้าปากค้าง แล้วจู่ๆก็หยุดพูดในสิ่งที่ตนอยากจะพูดออกมา
0 ความคิดเห็น