RC:บทที่ 305 ไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกจากนี้ ตู๋กังยังได้ลงสนามอยู่บ่อยๆ ศัตรูของเขาจะต้องอยู่ในระดับ A ขั้นกลางหรือสูงกว่านั้น แต่กลับไม่มีใครทำอะไรตู๋กังได้เลย เพราะด้วยแรงมหาศาลที่น่ากลัวมากๆนั้น โดยพื้นฐานแล้วจะต้องใช้คนสองหรือสามคนในการจับตัวเขาไว้เลย
“มาเลยๆ อย่าหยุดสิ” ราวกับว่าเขาคือสัตว์ป่าที่พร้อมสู้ หมัดข้างหนึ่งสวนออกไป ส่วนอีกข้างต่อยออกไปจนทำให้คนพวกนั้นล่าถอย
ส่วนเอ้อโกวซือนั้นเป็นนักสู้ที่ตื่นตัวที่สุดแล้วในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หมัดของเขาก็นับว่าโหดและเด็ดเดี่ยวเลยทีเดียว เขารอดชีวิตจากในสงครามมาได้ ดังนั้นการที่จะจัดการเขาจึงทำได้ไม่ยากนัก
ชายผู้แข็งแกร่งซึ่งอยู่ในระดับ S นั้นถูกเขาโจมตีเข้าเต็มๆจนต้องล่าถอยไป และต้องหลบไปตลอดทาง ในขณะที่ตามส่วนต่างๆของร่างกายตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย
สุดท้าย ก็คือเจ้าลิง แม้ว่าเขาจะต่อสู้ได้ไม่ดีนัก แต่ทว่าความผิดปกติของการจัดเรียงทางชีวภาพของเขานั้นมหัศจรรย์เอามากๆ มันไม่ใช่เพียงแค่เอาไว้ป้องกันได้ แต่ยังเร็วมากอีกด้วย
โดยพื้นฐานแล้ว เขาจะไม่ได้สู้กับคนอื่นๆ แต่เรื่องวิ่งเขาวิ่งได้ไวมากอย่างกับตัวชะมดเชียง ชายกำยำระดับ A ที่ไล่ล่าเขาไม่ได้แม้แต่จะได้แตะต้องตัวเขาเลย
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขากำลังเล่นกันอย่างเมามัน เย่วจิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในที่สุด เพียงได้เห็นดาบยาวในมือของเขา ที่เย็นสะท้านและเป็นประกายสว่าง เป็นดาบที่เตรียมไว้ฟันหลิน เฟิงโดยเฉพาะ
“ต้นไม้ปีศาจ” หลิน เฟิงพูดขึ้นมาเบาๆ
ทันใดนั้นเอง กิ่งไม้ทองขนาดยาวมากมายก็ยื่นออกมาจากระหว่างคิ้วเพื่อป้องกันเขาจากคมดาบ
แต่ทว่าในตอนนี้ แทนที่จะป้องกันได้เหมือนปกติ แต่ดาบเล่มดังกล่าวกลับฟันก้านพวกนั้นเป็นท่อนๆ ก่อนจะเจาะเข้าไปฟันหลิน เฟิง
“ไม่นะ” หลิน เฟิงเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว
“หึๆ ไอ้หนูน้อย นี่นายคิดจะยืนนิ่งๆอยู่อย่างนั้นใช่ไหม ไปลงนรกไป” เย่ว จิงพูดขึ้นราวกับเห็นจิตใจของหลิน เฟิง
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปแทงหลิน เฟิง หางสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นก่อนจะฟาดเย่วจิงเข้าเต็มๆ เสียงกระแทกดังก้องหัว เย่วจิงถึงกับกระอักเลือดออกมา ก่อนจะปลิวกระเด็นตกลงมากระทบกับพื้น
“นี่มันอะไรเนี่ย” ในตอนนั้นเอง เย่วจิงจึงเงยหน้าขึ้นไปมองชายผู้แข็งแกร่งจากตระกูลตงฟาง แต่กลับเห็นเพียงความว่างเปล่าเป็นเวลานาน และเมื่อเขามองไปรอบทาง เขาก็ชักสับสน
เพราะชายผู้แข็งแกร่งระดับ SS ได้เผ่นหนีไปคนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเขาจ้องไปที่ชายกำยำระดับ A ที่เขาพามาด้วยเขาก็ถึงกับมืดแปดด้านโดยเพราะตนไม่สามารถโจมตีใครได้เลย
“เกิดอะไรขึ้น เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน” เย่วจิงอึ้งไป ที่เขามานี่ก็เพื่อฆ่าคน แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาที่รู้สึกว่าจะโดนฆ่าเสียเอง
ไม่มีใครต่อต้านมังกรดำได้เลย ในทันทีที่ชายระดับ SS จากไป
“ถอย” เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว เขาจึงออกคำสั่งให้ถอยในทันที
“ทำไมเจ้าต้องรีบไป ในขณะที่ยังมีคนอยู่ที่นี่กันล่ะ” เสียงของราชาทมิฬดังขึ้น เป็นน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับหลุดมาจากอดีต หลังจากที่วาดหางออกไป เย่ว จิงที่ต้องการจะหลบหนี ก็ถูกหางนั้นฟาดจนกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นไม่ไหวติง
เมื่อคนอื่นๆเห็นแบบนั้นเข้า พวกเขาก็ต้องการที่จะหนี แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว คิ้วของหลิน เฟิงเรืองแสงขึ้นมาเป็นแสงสีทอง แล้วกิ่งไม้ปีศาจของปีศาจสีทองก็โผล่ออกมา กิ่งก้านสีทองมากมายต่างยื่นกันออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะแทงเข้าที่ร่างของพวกพลังระดับ A พวกนั้น
ส่วนผู้มีพลังระดับ S อีกคนก็เบนตัวหลบออกมา แต่ก็ถูกแทงเข้าที่อกด้วยกรงเล็บของเอ้อโกวซือในที่สุด
หลังจากฆ่าคนพวกนั้นแล้ว หลิน เฟิงจึงผละออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการเก็บกวาดพวกนั้นออกไปแล้ว และพวกเขาเองก็ไม่ได้อยากจะกระตุ้นความสนใจของใครอีกแล้ว
“วันนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา พวกนายน่าจะกลับพรุ่งนี้ดีกว่า” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นในขณะที่พวกเขาเดินกลับไป
“เอ่อ พวกเราแค่อยากถามว่านายไปทำให้คนพวกนี้โกรธแค้นได้ยังไงกันน่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” เอ้อโกวซือไม่ได้นึกกลัว แต่กลับกระตือรือร้นที่จะลอง
“กลับกันเถอะ”
แล้วพวกเขาก็กลับไปถึงที่ร้านอาหารโหยวหยี่ในอีกไม่ช้า
“พวกนายสองคนมีของดีนี่” ทันทีที่เขากลับมา หลิน เฟิงก็อดพูดไม่ได้
“นายนั่นแหละที่มีของดี” เอ้อโกวซือเอ่ย ในใจของเขาตอนนี้มีภาพของร่างขนาดใหญ่ของมังกรดำไปเสียแล้ว รวมถึงเสียงร้องของมันที่คงสั่นรัวเข้ามาในใจของตน
“ก็ทุกคนนั่นแหละ” เจ้าลิงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งสรุป
“เจ้าลิง นายก็เก่งใช่ย่อยนะ ดูตัวผอมกะหร่องๆแต่ฉันคาดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเป็นแบบนั้นได้ เก่งจังว่ะ” ตู๋ กังเดินเข้ามาก่อนโอบแขนรอบคอของเจ้าลิง
“ฉันบอกให้หยุด จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” เจ้าลิงกล่าว ใบหน้าขึ้นสี
ทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็เดินเข้ามาด้วยความอยากรู้และพร้อมที่จะรับฟังแล้ว แล้วเขาก็ได้เห็นพลังพิเศษที่คนพวกนี้แสดงออกมาด้วยตาของเขาเองด้วย
“จำตอนที่ฉันเล่าให้ฟังตอนที่ฉันเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ไหม ฉันลงมือทำอะไรอย่าง แต่นั่นเป็นสิ่งที่ฉันแอบศึกษาตอนใกล้ๆจะจบน่ะนะ ทำเพื่อการหลบหนี นี่ไงล่ะ” เจ้าลิงหัวเราะร่วนก่อนจะหยิบจี้ลูกตุ้มที่คอออกมา
“อันนี้ใช้ยังไง” หลิน เฟิงหยิบมาจากมือของเขา มองหน้าหลัง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร
“ติดมันไว้ตรงระหว่างคิ้ว นายลองดู” เจ้าลิงกล่าว
แล้วหลิน เฟิงก็ทำตามที่เขาพูด เขาวางมันลงบนระหว่างคิ้ว พลันรู้สึกถึงกระแสอันอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง อวัยวะทุกส่วนรวมถึงความรู้สึกราวกับได้เกิดออกมาจากท้องแม่ ได้สัมผัสความรู้สึกนี้ร่วมกัน
ต่อมา หลิน เฟิงก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปทั่วร่าง ขนงอกออกมาตามลำตัวและกรงเล็บแหลมที่งอกออกมาจากมือ ดูน่ากลัวยิ่งนัก
จากนั้น หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเบาหวิวราวกับว่าไม่มีน้ำหนัก เขากระโดดขึ้นไปเบาๆจนไปชนกับเพดานเข้าแล้วตกลงมา
“ฮ่าๆ นายกระโดดเบาๆใช่ไหม ตอนที่ฉันพัฒนาตัวนี้ครั้งแรก ฉันก็เป็นเหมือนนายนี่แหละ” เจ้าลิงพูดพลางยิ้ม
“พระเจ้าช่วย สุดยอดไปเลย นี่นายมีสักแปดอันสิบอันให้ฉันบ้างไหม” หลิน เฟิงถามขึ้นอย่างตกใจไม่หาย
“เหอะ นี่นายคิดว่ามันเป็นถั่วหรือไง ถึงจะมีเป็นแปดอันสิบอันน่ะ นี่ฉันใช้เงินเก็บที่ฉันมีทั้งหมดสร้างขึ้นมาได้อันหนึ่งนี่ล่ะ” เจ้าลิงพูดต่อไป แล้วจากนั้นก็หยิบสิ่งนั้นออกมาจากระหว่างคิ้วของหลิน เฟิง
“พระเจ้าช่วย เจ๋งสุดๆ นายต้องออกจากงาน แล้วมาหาฉันได้แล้ว ฉันจะให้เงินนายไปทำสักแปดอันสิบอันเลย” หลิน เฟิงว่า
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตราบใดที่มีเงิน ก็ไม่มีปัญหา” เจ้าลิงเอ่ยอย่างภูมิอกภูมิใจ
“แล้วก็ เอ้อโกวซือ นายเองก็ดูจะมีอะไรปิดบังอยู่ด้วยเหมือนกันนี่ ใช่ไหม” หลิน เฟิงมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ว่าไงนะ” ใบหน้าของเอ้อโกวซือเต็มไปด้วยความสงสัย
“เป็นความสามารถพิเศษที่สามารถเข้ากันได้กับสัตว์วิญญาณน่ะ น่าจะเหมือนกับของเจ้าลิงนั่นแหละ” หลิน เฟิงว่า
“อืม มันคือวิธีการต่อสู้ลับในรูปแบบของสัตว์ป่าน่ะของทางกองทัพน่ะ จะต่างจากพลังทั่วไปสักหน่อย ถ้านายอยากได้ฉันเอาให้ใช้ได้นะ แต่อย่าเอาไปใช้พร่ำเพรื่อล่ะ” เอ้อโกวซือเอ่ย
นี่เป็นลักษณะของพันธสัญญารูปแบบพิเศษที่เป็นเรื่องธรรมดาในกองทัพ และก็ถือว่าไม่ใช่ความลับอะไรด้วย พูดกับหลิน เฟิงไปคงไม่เป็นไร
“งั้น บอกฉันหน่อย...”
0 ความคิดเห็น