RC:บทที่ 304 เจ้าลิงมีของดี

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 304 เจ้าลิงมีของดี


“น้องชายงั้นหรือเนี่ย อ๋อ เข้าใจละ นายก็คือเย่ว จิงสินะ พี่ชายของไอ้สวะนั่น” หลิน เฟิงเข้าใจในทันที ก่อนจะว่าต่อ “ชายที่แข็งแกร่งผู้นี้จะต้องเป็นระดับแนวหน้าของตระกูลตงฟางแน่ๆ”


“หืม คาดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเห็น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะแบบนั้น หนุ่มน้อย” ชายผู้อยู่ในระดับ SS ถึงกับทึ่ง


จากนั้นเขาจึงถอดผ้าสีดำออกมาก่อนจะฉีกผ้าสีดำผืนนั้น เผยให้เห็นเสื้อประจำตระกูลตงฟางที่อยู่ข้างใน


“ไหนๆก็รู้แล้ว แกก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ลุยเลย ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือรอด” ชายผู้มีร่างกายกำยำว่าขึ้น


หลังจากพูดจบ เหยี่ยวสีดำตัวใหญ่ก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังชายคนนั้น พวกเขาทั้งคู่เข้าโจมตีมังกรดำ


ในขณะเดียวกันนั้น คนอื่นๆก็เริ่มปล่อยการโจมตีใส่พวกนั้นเช่นกัน


หลิน เฟิงรู้สึกได้ว่าที่ตรงนั้นมีคนอยู่สามคนที่อยู่ในระดับ S หรือมากกว่านั้น หนึ่งในนั้นคือชายคนนั้นที่อยู่ในระดับ SS อยู่แล้ว ส่วนอีกคนคือเย่วจิง ระดับ S ขั้นสูงสุด ส่วนอีกคนก็อยู่ในระดับ S ขั้นต้น ส่วนที่เหลือล้วนเป็นระดับ A ทั้งสิ้น


ในทางกลับกัน ตัวหลิน เฟิงนั้นกลับมีพลังระดับ A ขั้นสุดยอด ส่วนตู๋กังนั้นอยู่ในระดับ A ขั้นต้น มีแต่เอ้อโกวซือที่หลิน เฟิงไม่รู้ถึงพลังประเภทนั้นของเขา และสัตว์ประเภทนี้เหมือนจะมีวิถีทางในการเสริมสร้างพละกำลังของให้เขาสูงมากจนไปถึงระดับ S


ส่วนเจ้าลิงนั้น กลับไม่มีแรงส่งใดๆตีกลับมาเลยซึ่งนั่นทำให้หลิน เฟิงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะหลิน เฟิงต่อสู่เมื่อใด เขาคงไม่มีเวลาไปดูเจ้าลิงแน่


แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ คำพูดของเจ้าลิงต่างก็ทำเอาทุกคนประหลาดใจไปตามๆกัน  “ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันดูแลตัวเองได้น่า”


หลังจากที่เจ้าลิงพูดจบ หลิน เฟิงก็เห็นลูกตุ้มของสร้อยคอที่ห้อยลงมาจากคอของเขา ก่อนที่จะวางลงตรงกลางหว่างคิ้ว แล้วทันใดนั้นเอง เส้นขนบางๆก็กระจายไปทั่วทั้งร่าง


ฉับพลันนั้นเอง แรงส่งอันรุนแรงก็สูงโด่งขึ้น ราวกับว่าสัตว์ป่ากำลังตื่นขึ้น แม้แต่หลิน เฟิงก็ยังนึกแปลกใจ


“นี่เป็นการวิจัยลับของฉันเกี่ยวกับเรื่องความผิดปกติเรื่องเนื้อเยื่อชีวภาพน่ะ นี่จะทำให้ผู้คนมีความสามารถพิเศษแบบสัตว์ป่าในช่วงสั้นๆ แล้วที่ฉันใช้ตอนนี้ก็คือความสามารถของแมว” เจ้าลิงกล่าว


เมื่อเขาพูดจบ ขนก็ขึ้นตามร่างกายของเขาพร้อมกับกรงเล็บที่แหลมยาวเหมือนแมวที่มือ


เมื่อหลิน เฟิงมองไปที่เอ้อโกวซือแล้วก็เจ้าลิงนั้น เขาก็พบว่าชายสองคนนี้ลึกๆแล้วดูมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก


ในเวลาสั้นๆ คนพวกนั้นต่างก็รีบพุ่งเข้ามา ส่วนหลิน เฟิงก็รีบปล่อยสัตว์คู่ใจของตนออกมาเป็นมังกรแสงและสุนัขนรก พร้อมกับแผ่พลังกดดันไปพร้อมกับพวกมัน


ส่วนเด็กๆระดับ C อีกสามตัวนั้น หลิน เฟิงไม่ได้ปล่อยพวกมันออกมา เพราะเดี๋ยวจะเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ


เมื่อศึกเริ่มขึ้น พร้อมกับมังกรดำที่แต่เดิมนั้นถูกควบคุมด้วยคนที่อยู่ในระดับ SS มาก่อน หลิน เฟิงกำลังเผชิญหน้ากับเย่วเฉียวที่อยู่ในระดับ S ขั้นสูง ส่วนเอ้อโกวซือกำลังเจอกับชายแข็งแกร่งระดับ S อยู่ การต่อสู้ของพวกเขาแต่ละคนจึงได้เริ่มขึ้น


ฝ่ายตรงข้ามมีศัตรูอยู่เป็นจำนวนมาก เดิมทีนั้น พวกนั้นจะต้องเสียใครไปอีกหลายคน แต่นี่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ


ในตอนนี้ ถึงหลิน เฟิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่วจิง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ต้นไม้ปีศาจออกมา


มันอยู่ในพื้นที่ของซาน จงแล้วเดี๋ยวค่อยปล่อยให้มันลอบโจมตีหรือเข้าไปขัดขวางเย่วจิงแทน เพื่อไม่ให้เข้ามาฆ่าเขาได้


สิ่งที่หลิน เฟิงสามารถทำได้ในตอนนี้คือถ่วงเวลา และหวังว่ามังกรดำจะสามารถขจัดหรือจัดการชายระดับ SS ให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจากนั้นพวกเขาจึงค่อยมีหวังที่จะรอดชีวิตไปได้


มังกรดำคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะวาดหางฟาดไปยังชายระดับ SS คนนั้นจนกระเด็นไปไม่เป็นท่า จากนั้นมันก็ดึงหางของมันกลับมา ปรากฏเป็นพื้นที่มีรอยร้าวตรงนั้น


“แข็งแกร่งอะไรแบบนี้” ชายผู้อยู่ในระดับ SS อุทาน


พละกำลังของมังกรดำนั้นไปไกลเกินกว่าที่เขาจินตนาการ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ตื่นตกใจ ซ้ำยังเรียกสัตว์คู่ใจของเขาออกมาด้วย ซึ่งก็คือเหยี่ยวดำยักษ์ออกมาประจัญหน้ากับมังกร


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเหยี่ยวยักษ์มาเผชิญหน้ากับมังกรดำ แรงส่งของมันก็ตกลงไปสามจุด ก่อนจะมองมันด้วยความกลัว


“ใช่หรือเนี่ย”


เมื่อเห็นแบบนั้น ชายคนดังกล่าวก็ถึงกับอึ้ง เพราะพวกเขาและสัตว์วิญญาณต่างก็เป็นระดับ SS ทั้งคู่ แล้วจู่ๆสัตว์คู่ใจของเขาไปกลัวมังกรดำธรรมดาๆแบบนั้นได้อย่างไร


สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก็คือสัตว์ตัวนี้นั้นดูเหมือนกับสัตว์วิญญาณเหยี่ยวยักษ์ แต่จริงๆเป็นแค่นกเผิงเหนี่ยวสีดำ ลำตัวของมันนั้นมีสายเลือดของนกโบราณอย่างนกต้าเผิง คูนเผิงและเทพองค์อื่นๆ


หมู่บ้านเหล่านั้นในตำนานโบราณต่างใช้สัตว์อย่างมังกรและงูกันอย่างสิ้นเปลือง และพวกเขาต่างก็หวาดกลัวมังกรดำธรรมดาๆที่มาอยู่ต่อหน้าพวกตน


ทั้งๆที่ตอนนี้ มังกรดำก็ยังคงเหมือนเดิมเหมือนก่อน และดูจะเหมือนมังกรดำธรรมดาๆเสียด้วยซ้ำ


แค่ได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้จากศัตรูที่แข็งแกร่ง มังกรดำก็สามารถใช้พลังที่น่ากลัวของมันที่อยู่ในทุกอณูร่างกายได้แล้ว


โฮก!!!


หลังจากที่พยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดมังกรดำก็ทนไม่ไหวจนต้องคำรามออกมา ตรงบริเวณใต้คอของมันนั้นเปล่งแสงออกมาครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นเอง มังกรดำก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


ลำตัวของมันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ทุกสัดส่วนบนร่างของมันหนาขึ้น ทะมึนขึ้น รวมถึงแรงที่ส่งมาบนร่างของมันก็ดูจะน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาทั้งสองข้างบนหัวของมังกรดำเองก็เริ่มจะต่างไปจากเดิมอีกด้วย และต่อมา เขาทั้งสองข้างนั้นก็กลายเป็นแปดอัน


ลมหายใจที่แผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างและไกลนั้นก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับย้อนเวลาจากอดีตกาล พร้อมกับส่งคลื่นแห่งการทำลายล้างออกมา


มังกรดำยังคงใช้พลังของหนึ่งในสิบของราชาทมิฬออกมาในร่างนี้อีกด้วย


ในตอนนี้เอง นกสีดำตัวดังกล่าวก็ถึงกับตัวสั่นงันงก ที่สัตว์ตระกูลมังกรใช้พลังกดสัตว์วิญญาณทั้งหมดเอาไว้


และราชาทมิฬเองนั้นก็มีพลังมากกว่าอยู่แล้ว ภายใต้ดวงตาสีทองเป็นประกายแสงทองอันน่าหวั่นเกรงนั้น นกเผิงเหนี่ยวสีดำกลับไม่มีแรงจะต้านทานได้เลย หัวของมันโค้งต่ำลงกับพื้น


“ลมหายใจแบบนี้ เขามังกรแปดเขาแบบนี้ น น นี่มัน ราชาทมิฬ” ผู้ที่แข็งแกร่งของตระกูงตงฟางเองก็อยู่ในระดับ SS เช่นกัน พวกเขาต่างเคยได้เผชิญในยุคฆ่าล้างบางราชาทมิฬมาก่อน จึงได้รู้จักมังกรตัวนี้


ในตอนนี้ ผู้คนต่างก็ได้เห็นมังกรดำเปลี่ยนไปเป็นราชาทมิฬของจริง แม้ว่ามันจะไม่ได้มีแรงส่งที่น่ากลัวแบบเดียวกับเมื่อก่อนก็ตาม แต่ความน่ากลัวก็ยังคงอยู่ เขาเองก็ถึงกับตกใจสุดๆไปในทันที ที่สัตว์คู่ใจของตนยอมแพ้ก่อนที่จะได้เริ่มสู้เสียอีกซึ่งทำเอาเขาถึงกับสูญเสียความมั่นใจไปในทันที


โฮก!!!


ทันทีที่ราชาทมิฬคำราม แสงไฟสีดำลูกสว่างก็พุ่งออกมาเป็นแถบออกจากปากแล้วพุ่งตรงไปยังชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับ SS 


โล่ขนาดใหญ่ในมือของเขาปรากฏขึ้นมาในทันที เพื่อป้องกันแสงสีดำที่พุ่งเข้ามานั้น จากนั้นเขาจึงรีบคว้าตัวสัตว์คู่ใจของตนอย่างเจ้านกเผิงเหนี่ยว แล้วจึงบินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว


เขาจึงได้เข้าใจว่าถ้ามีราชาทมิฬอยู่ด้วย การที่จะฆ่าเจ้าพวกนั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ในตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็ถูกเย่ว จิงเข้าโจมตี แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็กำลังสู้กับมันอยู่


ความรู้สึกของการต่อสู้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามีนั้นและการแยกตัวออกมานั้นทำให้เขาเข้าใจถึงศาสตร์ของคุณลักษณะได้รวดเร็วขึ้น


การโจมตีจากคุณลักษณะทุกประเภทที่อยู่ในมือนั้นถูกนำออกมาใช้ในทันทีราวกับพลังที่มีไม่สิ้นสุด แต่ทว่าการโจมตีของเขานั้นกลับไม่พอที่จะทำให้เย่วจิงสะดุ้งสะเทือนเอาเสียเลย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็สร้างความประหลาดใจให้กับเย่วจิงได้อยู่ดี


เพราะตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ หลิน เฟิงได้ใช้พลังวิญญาณไม่ต่ำกว่าห้าประเภทแล้ว และเขาก็รู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าหลิน เฟิงกำลังฝึกฝนกับตัวเขาอยู่ แม้หลิน เฟิงจะได้รับบาดเจ็บไปทั่วตัว แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงตาย


เมื่อใดก็ตามที่เขาตั้งใจจะทำร้ายหลิน เฟิงให้ถึงตาย ก็จะมีกิ่งไม้สีทองมากมายจากที่คิ้วของเขาออกมากันพลังโจมตี พร้อมทั้งคอยแทรกแซงอยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อการโจมตีอยู่หลายครั้ง


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น