RC:บทที่ 298 เจ้าตัวเล็กทั้ง 3

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 298 เจ้าตัวเล็กทั้ง 3


 


“ฉันเสียใจด้วยจริงๆ! ฉันหวังว่าเธอเองก็จะหาคนที่ดีกว่าฉันได้ แล้วฉันก็หวังว่าเธอจะมีความสุข!” มันค่อนข้างจะใช้เวลานานกว่าหลินเฟิงจะยอมพูดสิ่งนี้ออกมา


 


“ฮ่ะๆๆ” ซูหว่านเอ๋อยิ้ม แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่นานจนกระทั่งเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้ว “โอเค ฉันดื่มกาแฟเสร็จแล้ว แล้วก็พูดในเรื่องที่ต้องพูดไปแล้ว เพราะงั้นถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วนะ”


 


ในทันทีที่เสียงของเธอเงียบลง ร่างของซูหว่านเอ๋อก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้าหลินเฟิงอีกต่อไป เหลือไว้เพียงแก้วกาแฟที่เธอดื่มเสร็จแล้วเท่านั้น นอกจากนั้นแล้ว มันก็ยังรู้สึกไม่ชัดเจนถึงสาเหตุที่เธอมาที่นี่ด้วย 


 


หลังจากที่ซูหว่านเอ๋อจากไปแล้ว หลินเฟิงก็มองไปยังตำแหน่งที่เธอเคยอยู่ด้วยความงุนงง จนกระทั่งผ่านไปครึ่งค่อนชั่วโมงเขาก็ค่อยๆดำดิ่งลงไปกับห้วงความรู้สึกพร้อมๆกับคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง 


 


“บอส...เปลี่ยนจากกาแฟเป็นไวน์ที ขออะไรที่มันแรงๆหน่อยน่าจะดี….”


 


ในตอนนั้น ซูหว่านเอ๋อยังไม่ได้ไปไหนไกล เธอแค่ลอยตัวอยู่บนอากาศและมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านกาแฟ เธอมองหลินเฟิงที่ดื่มจนเมามายในขณะที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลอยู่เต็มไปหมด 


 


ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลินเฟิงก็ได้ดื่มไวร์ขาวไป 7-8 ขวดแล้ว ในตอนนี้เขาได้เมาแบบสุดๆเรียบร้อย 


 


วันต่อมา เมื่อหลินเฟิงตื่นขึ้น เขาก็พบว่าตัวเขานั้นอยู่ที่บ้านตัวเองเสียแล้ว


 


“หือ? ไม่ใช่ว่าฉันดื่มอยู่ที่คาเฟ่เมื่อวานเหรอ? ทำไมฉันถึงกลับมาอยู่ที่บ้านได้?” หลินเฟิงสงสัย 


 


เขารีบวิ่งลงไปด้านล่างก่อนจะถามผู้เป็นแม่ และเธอก็มองเขาแปลกๆก่อนจะพูดขึ้น “ก็เมื่อวานไม่ใช่ลูกเหรอที่ส่งข้อความมาบอกหวังหานให้ไปรับน่ะ?”


 


“ผมเนี่ยนะส่งข้อความมาบอกให้หวังหานไปรับ?” หลินเฟิงต้องตกใจขึ้นอีกเมื่อได้ยินดังนั้น เขามั่นใจมากๆเลยว่าตัวเขานั้นไม่ได้ส่งข้อความกลับมาแน่ๆเมื่อวาน ถ้างั้นใครล่ะ? “หรือนี่เป็น...ฝีมือของหว่านเอ๋อเหร อ?”


 


กริ๊ง กริ๊ง


 


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และนั่นเป็นสายของตู๋กัง


 


“ฮัลโหล ตู๋กังเป็นยังไงบ้าง?” หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ เพราะถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตอนเช้าแบบนี้ ตู๋กังคงไม่โทรหาเขาแน่ 


 


“ไอ้เจ้าบ้า นายจำเอ้อโกวซือกับเจ้าลิงได้หรือเปล่า?” ปลายสายนั้นไม่รอช้ารีบเอ่ยถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที


 


“เอ้อโกซือกับเจ้าลิงเหรอ? แน่นอน จำได้สิ ฉันจำคนที่ดีที่สุดในหอพักทั้ง 4 คนได้นะ! จะให้ลืมได้ยังไงเล่า!” หลินเฟิงพูด แต่มันก็ยังมีอะไรแปลกๆอยู่ “แล้วว่าแต่จะถามถึงเอ้อโกซือกับเจ้าลิงทำไมน่ะ? คิดถึงเหรอ?” 


 


“มันไม่ใช่เพราะฉันคิดถึงพวกนั้นเฟ้ย! คืองี้นะ เอ้อโกซือกับเจ้าลิงน่ะ ติดต่อฉันมา แล้วก็ชวนฉันออกไปข้างนอกถ้าฉันมีเวลา แล้วก็นะ พวกเขาชวนนายด้วยให้ไปด้วยกัน!” ตู๋กังพูดอย่างมีความสุข 


 


ชันเจนเลยว่าคนๆนี้ตื่นเต้นมากๆที่จะได้เจอเพื่อนร่วมห้องเก่าอีกครั้ง หลินเฟิงเองก็รู้สึกเป็นสุขกับอีกฝ่ายไปด้วย


 


“งั้น วันนี้ยังมีเวลาอยู่ เอาเป็นว่านายเลือกเวลากับสถานที่มาแล้วนัดพวกเขา จากนั้นก็โทรเรียกฉันด้วยละกัน” หลินเฟิงนั้นไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้วในวันนี้ เพราะงั้นมันคงเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าจะไปเจอกับเหล่าเพื่อนเก่าทั้งหลายหน่อย


 


“ได้ งั้นก็ตามนั้น!” เมื่อได้ข้อสรุปแล้วตู๋กังก็วางสายไป 


 


หลังจากนั้น หลินเฟิงก็รีบลุกขึ้นมา หลังจากที่ล้างหน้าและแปลงฟันเสร็จแล้ว หลินเฟิงก็เดินออกไปยังภูเขาโฮวชานด้วยตัวคนเดียว 


 


ในตอนนี้เมื่อเทียบกับภูเขาลูกอื่น ภูเขาโฮวชานนั้นมีพื้นที่เกือบๆจะ 1800 ไมล์แล้ว ความเข้มข้นของพลังวิญญาณเองก็เพิ่มขึ้นถึง 5-6 เท่าจาก 3 เดือนก่อนซึ่งมันเริ่มจะเข้าใกล้ปริมาณของพลังวิญญาณที่เคยมีเมื่อ 100 ปีก่อนขึ้นทุกทีๆ 


 


ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ทั่วทั้งภูเขาโฮวชานเองก็เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชผักด้วย รวมไปถึงที่นี่เองก็ยังมีสัตว์วิญญาณอยู่อีกมากมาย และนอกจากนั้นพลังวิญญาณที่เข้มข้นบนเขาลูกนี้ ก็ยังคอยดึงดูดให้สัตว์วิญญาณตนอื่นๆเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย


 


ท่ามกลางพวกเขาเหล่านี้ มันมีผลไม้วิญญาณที่ถูกปลูกไว้อย่างนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นองุ่น แอปเปิ้ล ลูกแพและอื่นๆที่ซึ่งถูกหล่อเลี้ยงด้วยของเหลวที่มีพลังวิญญาณผสมอยู่ซึ่งหลินเฟิงได้สกัดมันเอาไว้ นั่นจึงทำให้ผลไม้เหล่านี้มีพลังวิญญาณอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด 


 


ในตอนนี้ผลไม้ของหลินเฟิง ไม่เพียงแต่จำหน่ายให้กับคนทั่วๆไปเท่านั้น แต่ยังถูกส่งไปยังพื้นที่ที่เหล่าผู้มีพลังต้องการจะเลื่อนขั้นอีกด้วย นั่นเพราะว่าในยุคนี้นั้นการมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นได้มันเป็นเรื่องยาก แม้แต่ตัวสัตว์วิญญาณที่เกิดใหม่เองก็แทบจะไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่แล้ว


 


โลกที่กำลังเสื่อมถอยลงทุกวันนี้นั้นทำให้เหล่าผู้มีพลังวิญญาณแทบจะกลายเป็คนธรรมดากันอยู่แล้ว รวมถึงพวกสัตว์วิญญาณก็เกือบจะกลายเป็นเพียงสัตว์ป่ากันไปหมด


 


แต่กระนั้น ผลไม้ของหลินเฟิง กลับมีพลังวิญญาณอัดแน่นอยู่ภายใน ซึ่งนั่นทำให้มันถูกเรียกว่า ผลไม้วิญญาณ มันราคาถูก และสามารถเพิ่มพลังวิญญาณให้แก่ผู้ที่กินมันเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์วิญญาณก็ตาม ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่มีพลัง 


 


แน่นอนว่าพวกเขาเองก็มีชื่อสำหรับกลุ่มของตนเอง นั่นคือ สมาคมมังกรดำ ประธานสมาคมก็คือหลินเฟิง และรองประธารก็คือหวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูนั่นเอง! 


 


ในตอนนี้หลินเฟิงกำลังเดินไปเดินมาอยู่ภายในภูเขาโฮวชาน เหล่าสัตว์วิญญาณทั้งหลายเมื่อมันเห็นหลินเฟิง พวกมันก็รีบเข้ามาเล่นด้วยอย่างเป็นมิตรทันทีซึ่งเป็นอะไรที่ดูน่ารักสุดๆ 


 


เพียงแค่เหลือบมอง หลินเฟิงก็เห็นได้เลยว่าที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์วิญญาณและผลไม้วิญญาณอยู่นับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้มันเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้อย่างดิบดี 


 


หากยึดตามสถิติของหวังหานแล้ว ที่แห่งนี้ มีองุ่นถูกปลูกไว้เกือบจะถึง 10,000 ต้นแล้วบนภูเขาลูกนี้และมันยังมีผลไม้กว่าอีกพันชนิดซึ่งมันสอดคล้องกับสัตว์วิญญาณที่อาศัยอยู่กว่า 3,000 ตัวซึ่งท่ามกลางสัตว์เหล่านี้จะมีส่วนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากๆ 


 


แต่ช่วงเวลานี้ สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเห็นจะเป็นหมีภูเขาทั้ง 2 ตัว แน่นอนว่ายังไม่รวมมังกรทมิฬน่ะนะ 


 


ในเวลาอันสั้น หลินเฟิงก็เข้ามายังใจกลางของภูเขาโฮวชานได้แล้ว ที่ๆซึ่งมีพลังวิญญาณเข้มข้นที่สุด และนี่ก็เป็นเหตุผลให้หลินเฟิงย้ายต้นไม้วิญญาณหลายต้นมาปลูกไว้ที่นี่ด้วย 


 


นอกจากนั้น ที่แห่งนี้เองยังเป็นที่รวบรวมเหล่าสัตว์วิญญาณไว้ด้วย เพราะงั้นมันเลยไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลยที่เมื่อหลินเฟิงเดินเข้ามาแล้วจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของพลังอันมหาศาล พลังที่เทียบเท่ากับหมีภูเขาทั้งสอง, น้ำเขียวเท้าปุย, ราชาหมาป่าขาว และตนอื่นๆอีกมากมาย


 


แต่กระนั้นมันก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ นั่นคือ งู7 สีเองก็อยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ในตอนนี้มันเติบโตจนมีหัวถึง 3 หัวแล้ว และหัวพวกนั้นต่างก็มีสีเป็นของตัวเองก็คือ แดง เหลือง แล้วก็น้ำเงิน นอกจากนั้นระดับพลังของมันก็เข้าสู่ระดับ A ไปแล้ว อัตราการเจริญเติบโตช่างรวดเร็วจริงๆ 


 


เมื่อเห็นหลินเฟิงเข้ามายังเขตนี้ งู 7 สีนั้นก็ไม่ได้แม้แต่จะสนใจเขา ซึ่งในตอนนั้นเอง หลินเฟิงก็เปล่งแสงที่เหนือคิ้ว ทันใดนั้นราชามังกรทมิฬก็บินออกมาพร้อมกับคำรามก้องฟ้าจนเหล่าบรรดาสัตว์วิญญาณที่พบเห็นต่างก็ต้องย่อตัวลงคุกเข่า ไม่เว้นแม้แต่งู 7 สีด้วยก็ตาม 


 


“ยินดีต้อนรับ องค์ราชา!” หมีภูเขาทั้งสองตัวเองก็คุกเข่าลงพร้อมตะโกนเสียงดัง 


 


หลินเฟิงไม่ได้สนใจพวกเขาเหล่านี้ แต่ยังทยอยปล่อยเหล่าสัตว์วิญญาณในมิติออกมาเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ปีศาจ มังกรแสง รวมถึงสุนัขนรกด้วย 


 


จากนั้นหลินเฟิงก็นั่งขัดสมาธิก่อนจะเริ่มฝึกฝนตน พลังวิญญาณ ณ ที่แห่งนี้มีมากมายและมันเป็นสิ่งที่ดีที่จะใช้ในการฝึกตนเพื่อเพิ่มพลัง 


 


เมื่อหลินเฟิงนั่งลงไปกับพื้นแล้ว มันก็ปรากฏเป็นเจ้าตัวเล็ก 3 ตัววิ่งมาจากไกลๆ เมื่อมันเห็นหลินเฟิง มันก็เข้ามาใช้หัวและตัวถูไปกับแขนของเขาในทันที 


 


และใครก็ตามที่รู้จักเจ้า 3 ตัวนี้อาจจะต้องตะลึงไปเลยก็ได้ 


 


เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ตัวหนึ่งคือ ยูนิคอร์นสีฟ้าที่รอบๆตัวนั้นห้อมล้อมไปด้วยรวดลายของน้ำ นี่คือยูนิคอร์นแห่งสายน้ำ 1 ในสัตว์โบราณที่หาได้ยาก 


 


ตัวที่สองคือสิงตัวตัวเล็ก มันมีสีทองอร่ามแถมสีทองเหล่านั้นยังเปล่งประกายแสงสีเดียวกันออกมาได้อีกด้วย ตัวมันเองถือเป็นสัตว์วิญญาณโบราณอีกตัวหนึ่ง


 


และตัวที่ 3 คืองูตัวเล็กที่ทั่วทั้งร่างถูกสร้างขึ้นมาจากหิน มันมีสีเทาสลับกับสีขาว และทั่วทั้งตัวก็ถูกล้อมรอบไปด้วยหิน เหมือนกับอุกกาบาตที่ล้อมรอบโลกอยู่ ถือเป็นเอเลี่ยนพันธุ์หนึ่งเหมือนกัน 


 


บางคนก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้มาจากไหน จริงๆแล้วสัตว์พวกนี้นั้นมาจากหินโบราณที่หลินเฟิงได้มาจากที่ทุ่งหินโบราณเมื่อครั้งก่อนนั่นเอง


 


แน่นอนว่าตอนที่ตัดออกมามันไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างแบบนี้ แต่ว่าออกมาเป็นชิ้นๆอย่างเช่น ลำตัว เกล็ด หรือแม้แต่เส้นขนก็ตาม


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น