RC:บทที่ 297 ลาก่อนซูหว่านเอ๋อ
หญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นบนฟากฟ้านั้น ด้านหลังของเธอมีปีกขนาดใหญ่ที่สร้างจากพลังวิญญาณอยู่ ด้านหนึ่งคือเปลวไฟสีแดงชาด ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นน้ำแข็งสีฟ้าอ่อน
เธอยังคงมองทั้งสองคนที่กอดกันอยู่เบื้องล่างเงียบๆ ความโกรธในดวงตาแปรเปลี่ยนมาเป็นความแข็งแกร่งและมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำหมัดนั้นยังคงกำแน่นขึ้นจนเล็บยาวๆเหล่านั้นแทงเข้าไปในฝ่ามือของตนเอง
“ฮ่ะๆๆ...แบบนี้สิดี...” ทันใดนั้น เหมือนหญิงสาวจะคิดอะไรออก เธอรู้สึกโล่งอกก่อนจะพูดขึ้น “ยังไงซะ ฉันก็มาที่นี่เพื่อจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว...”
เธอคนนี้ไม่ใช่ใคร นั่นคือ ซูหว่านเอ๋อ หญิงสาวผู้ที่หลงรักหลินเฟิงอย่างสุดหัวใจนั่นเอง
ซูหว่านเอ๋อคิดถึงว่า ไหนๆเธอก็มีชีวิตเหลือน้อยกว่า 10 ปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากจะกลับมาเพื่อบอกเลิกกับหลินเฟิง แล้วก็เพราะตัวเธอเองก็มีภารกิจอยู่ การที่เธอจะกลับมาอยู่กับหลินเฟิงได้นั้น มันไม่มีทางอีกต่อไปแล้ว
มองไปยังทั้งสองที่ยังคงกอดกันอยู่ด้านล่าง ซูหว่านเอ๋อก็ปาดน้ำตาก่อนจะหายไปในอากาศเลย
ในตอนนั้น หลินเฟิงเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นมาภายในใจ มันทำให้เขารีบหันมองไปยังท้องฟ้า แต่เขาก็ไม่เจออะไรแล้ว มีเพียงแสงจากฟากฟ้าและตะวันตกดินที่สวยงามเท่านั้น
“หลินเฟิง...ฉ..ฉันจะไปแล้วนะ!” เมื่อหลินเฟิงมองขึ้นไปยังฟากฟ้ากว้าง มู่ซินซินก็เอ่ยขึ้น
“โอ่ะ อะ ได้สิ!” หลินเฟิงตอบกลับไปแบบไม่ทันตั้งตัว
เขาค่อยๆปล่อยกอดออกจากมู่ซินซินและมองเธอเงียบๆ ไม่รู้ว่าทำไม ภายในใจหลินเฟิงกับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถพูดได้ว่าทำไม
‘หรือบางที หว่านเอ๋อจะกลับมาโกรธฉันเหรอ?’ หลินเฟิงคิด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากในเรื่องนี้
“อ-อืม….ถ้างั้น ไปแล้วนะ! บ๊ายบาย!” ไม่นานนัก มู่ซินซินก็โบกมือลาหลินเฟิง
หลังจากแยกย้ายกันกลับไปแล้ว หลินเฟิงก้ยังคงรู้สึกถึงบางอย่างนั่นอยู่ดี ความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ได้
เวลาผ่านไป หลินเฟิงก็กลับถึงบ้านในช่วงเย็น เขาเข้านอนหลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว
เช้าวันต่อมา เพียงแค่หลินเฟิงตื่นนอน เขาก็เห็นข้อความจากมู่ซินซินบนโทรศัพท์ของเขา ซึ่งบอกไว้ว่า “หลินเฟิง ฉันไปแล้วนะ! ฉันจะกลับไปหาครอบครัวที่ทางตอนเหนือน่ะ!”
เห็นดังนั้นเขาก็เหมือนโดนกระแทกด้วยแสงจากจอโทรศัพท์เลย ทั่วทั้งตัวมันรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
เมื่อวานน่าจะเป็นหว่านเอ๋อที่กลับมาจริงๆ แล้ววันนี้ดันกลายเป็นมู่ซินซินที่ไปจริงๆอีก ข่าวที่เข้ามากระทันหันราวกับสายฟ้าฟาดแบบนี้มันช่างรุนแรงกับเขาเหลือเกิน
“เมื่อวานมันไม่ถูกต้อง...ฉันไม่ควรคิดถึงหว่านเอ๋อตลอดเวลาแบบนี้ มันทำให้ฉันไม่ได้ฟังที่มู่ซินซินอยากจะพูดเลย!” หลินเฟิงโทษตัวเองว่าเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง
หลังจากที่คิดอยู่ครู่ใหญ่ หลินเฟิงก็ตอบกลับไป “โอเค กลับไปก่อน ถ้ายังไงมีเวลาฉันจะไปหา!”
ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับเขา “ดีเลย ฉันจะรอนะ!”
มองถ้อยคำที่ได้พูดคุยกับมู่ซินซิน หลินเฟิงก็ใจเย็นลงมาบ้าง แต่ครู่ต่อมา จากหัวใจที่เริ่มเย็นลงแล้ว มันก็ต้องกลับมากระสับกระส่ายใหม่อีกครั้งหนึ่ง นั่นก็เพราะว่าจู่ๆก็มีคนโทรเข้ามา และคนๆนั้นดันเป็น “หว่านเอ๋อ” เสียด้วย!
“ฮัลโหล!” หลินเฟิงรีบรับโทรศัพท์ด้วยเสียงที่แอบสั่นเทา
“นายพอจะมีเวลามั้ย? ออกมาเจอกับฉันหน่อยตรงที่ๆเราเจอกันครั้งแรก!” เสียงเยือกเย็นจากปลายสายพูดอย่างไม่รอช้า
“เข้าใจแล้ว!” หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากตอบคำถามดีๆ
ชั่วโมงต่อมา หลินเฟิงก็มาถึงตรอกมืด ที่ซึ่งเขาและซูหว่านเอ๋อเจอกันครั้งแรก
แต่ในตอนนี้ มันไม่ใช่ตรอกมืดอีกต่อไปแล้ว เพราะมันมีร้านกาแฟตั้งอยู่ใกล้ๆ ที่ซึ่งกิจการกำลังรุ่งเรือง
หลินเฟิงมองไปยังรอบๆตัว แต่เขาก็ไม่เจอใครทั้งสิ้น
“เธอคนนั้นไปแล้วเหรอ?” ในตอนนั้นเอง เสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” ไม่มีการหลอกล่อหรือทำอะไรให้ซับซ้อน หลินเฟิงหันไปตามเสียงและถามกลับไปตรงๆ
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าน้ำแข็งพร้อมกับมีผ้าคลุมหน้าจ้องมองมายังเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้อย่างชัดเจน หากแต่หลินเฟิงก็ยังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย
“ไม่ใช่แค่รู้ แต่เห็นด้วย” ซูหว่านเอ๋อตอบกลับอย่างใจเย็น
เมื่อมองผ่านผ้าคลุมหน้าไป หลินเฟิงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าใดๆบนใบหน้านั้นได้ เว้นแต่ดวงตาของเธอที่ซึ่งแสดงออกถึงความหวงแหนและมีคราบน้ำตาหลงเหลือไว้
หลินเฟิงขยับเดินไปข้างหน้าแบบอัตโนมัติแต่ทันใดนั้นซูหว่านเอ๋อก็พูดขึ้นก่อน “หยุด! อย่าเข้ามา!”
ขณะที่เธอพูดเช่นนั้น เธอเองก็ช็อกเหมือนกัน และนั่นมันทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่จากในตัวเธอออกมา แรงระเบิดนั้นมากพอที่จะพัดให้หลินเฟิงกระเด็นลอยออกไปเป็นระยะทางไกลได้เลย
เขามองเห็นแสงสีแดงและสีฟ้าสลับกันพวยพุ่งออกมา ความรู้สึกที่เย็นราวกับอยู่ในน้ำแข็งและร้อนราวกับอยู่บนเปลวไฟมันวิ่งพล่านไปหมด
หลินเฟิงช็อกมากๆ เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าตลอดเวลาที่จากกันไป ซูหว่านเอ๋อไปไหนมาบ้าง และเธอมีพลังแบบนี้ได้อย่างไร การระเบิดคลื่นพลังที่พัวผันเช่นนี้ออกมาของเธอทำเอาหลินเฟิงรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย
“หว่าน..หว่านเอ๋อ….” หลินเฟิงพยายามเปิดปากพูด แต่ท้ายสุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ลุกขึ้นมา แล้วพาฉันไปดื่มกาแฟซะ” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ความแข็งแกร่งของซูหว่านเอ๋อมันหายไปแล้ว เธอในตอนนี้ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป สายตาของเธอมองไปยังร้านกาแฟก่อนจะพูดกับหลินเฟิง
“ได้เลย!” หลินเฟิงพยักหน้าช้าๆก่อนจะเดินเข้าไปก่อนเป็นคนแรก จากนั้นก็พูดกับบอสของที่นั่น “บอส กาแฟ 2 แก้ว!”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ร่างของซูหว่านเอ๋อก็หายไปแล้ว และเมื่อเธอปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เธอก็ไปนั่งอยู่บนที่นั่งภายในร้านเรียบร้อยแล้ว เห็นดังนั้น หลินเฟิงก็แอบตกใจอยู่นิดหน่อย
เขาครุ่นคิดว่า อะไรที่ทำให้ซูหว่านเอ๋อมีพลังได้ในระดับนี้ สิ่งนี้มันเกินความรู้ความเข้าใจของหลินเฟิงมากๆ
ไม่นานนัก กาแฟก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้ทั้งหลินเฟิงและซูหว่านเอ๋อ ที่โต๊ะ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างก็ดื่มกาแฟเงียบๆ
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ซูหว่านเอ๋อก้ปลดผ้าคลุมหน้าออกเพื่อจะได้ลื้มลองกาแฟบ้าง ซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เห็นว่าเธอนั้นดูเศร้าหมองและเยือกเย็นขึ้นมานิดหน่อยด้วย ดูๆแล้วน่าสงสารสุดๆ
“ไม่ใช่ว่านายมีอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอ?” ซูหว่านเอ๋อพูดขึ้นขณะที่กำลังดื่มกาแฟ
“อ๊ะ ใช่! ฉันขอโทษ!” หลินเฟิงนั้นมีถ้อยคำนับพันที่อยากจะพูดกับเธอผู้อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ แต่เมื่อเขาได้พูด มันกลับเหลือเพียงไม่กี่คำเท่านั้นที่หลุดออกไป
“ไม่เป็นไร ฉันเห็นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นสวยมากๆเลยนะ แถมยังอ่อนโยนด้วย ไม่ได้ด้อยอะไรไปกว่าฉันเลย” ซูหว่านเอ๋อพูดอย่างเยือกเย็นเช่นเดียวกับใบหน้าของเธอ
มันยากสำหรับหลินเฟิงที่จะคิดดักว่าเธอตรงหน้านี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเขาสามารถกลับมาใจเย็นได้เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากในใจ
ผู้หญิงที่คอยจะเขินอายเวลาที่ฉันพูดหายไปไหนแล้วนะ? ทุกสิ่งอย่างบนใบหน้าของเธอนั้น เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วมันช่างต่างกันมากเหลือเกิน
ได้ยินคำพูดของซูหว่านเอ๋อ หลินเฟิงก็เงียบและไม่ได้พูดอะไร กลับกันเขากับจำใจดื่มกาแฟเข้าไปเรื่อยๆ จาก 1 ไป 2 แก้วแทน
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะทำให้ตัวเองมั่นใจน่ะ” เมื่อเห็นหลินเฟิงไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน ซูหว่านเอ๋อจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
หลินเฟิงมองไปยังหญิงสาวด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ตัวเองว่าสรุปแล้วเขารักเธอหรือกลัวว่าจะต้องเสียเธอไปกันแน่ น้ำตามันแอบไหลออกมาที่มุมตาแต่เขาก็รีบเช็ดมันออกไป
“โอเค เธอพูดมันออกมาได้เลย!” หลินเฟิงพูดกับเธออย่างใจเย็น
เขาไม่กลัวแล้วว่าเธอจะโกรธหรือเกลียดเขาอย่างไร ตอนนี้เขานั้นรู้สึกเสียใจมากๆกับการกระทำของตัวเองรวมถึงสำนึกผิดแล้วด้วย
“ในเมื่อนายมีแฟนใหม่แล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ถือว่าจบลง เพราะงั้น เราเลิกกัน” ซูหว่านเอ๋อพูดออกมาด้วยความใจเย็นสุดๆ ในแววตาของเธอนั้นไม่มีความลังเลอยู่เลย ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนว่าเธอนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆหลงเหลืออยู่ในความสัมพันธ์นี้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันเสียใจด้วยจริงๆ! ฉันหวังว่าเธอจะสามารถหาอะไรที่ดีกว่าฉันได้! ฉันหวังว่าเธอเองก็จะมีความสุข….”
0 ความคิดเห็น