RC:บทที่ 296 ‘ฉันกลับมาแล้ว’
ในเขตจิงเฟิง หลินเฟิงผู้ที่กำลังเล่นรถบั้มพ์กับมู่ซินซินอยู่นั้นเอง เขาไม่ได้รู้เลยว่าทำไมจู่ๆบางสิ่งบางอย่างภายในใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาทิ้งมันไปนานแล้ว สิ่งที่เผลอปล่อยให้หายไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มันกำลังกลับมา!
ในจังหวะต่อมา ร่างของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ซึ่งเธอนั้นดูอ่อนแอลงไปมาก เธอที่เป็นความทรงจำซึ่งหลงเหลืออยู่ภายในห้วงลึกของจิตใจของเขานั้น ทำให้เอาหลินเฟิงตกอยู่ในห้วงแห่งความมึนงงเลย
*โครม!*
อีกฟากหนึ่งของหลินเฟิงนั้น มู่ซินซินก็ได้ขับรถบัมพ์ของเธอเข้าปะทะกับรถของหลินเฟิงอย่างแรง และในตอนนั้นเองด้วยความที่หลินเฟิงยังเหม่อลอยอยู่ มันเลยทำให้เขากระเด็นและตกลงไปบนพื้นในทันที!
“อ๊ะ! ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายเจ็บนะ!” มู่ซินซินมองไปยังหลินเฟิงที่เธอเพิ่งกระแทกเขาจนร่วงลงไปกองกับพื้นซึ่งนั่นทำเธอเกิดเป็นทุกข์ขึ้นมาในทันที
“ไม่เป็นไรๆ ฉันสบายดี!” ถึงจะบอกไปอย่างงั้น แต่หลินเฟิงก็ยังมีอาการเหม่อลอยตกค้างอยู่
“ทำไมกันน่ะ...ทำไมจู่ๆถึงกลับมาคิดถึงเธอตอนนี้... เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือไง...” หลินเฟิงกระซิบกับตนเอง
“หลินเฟิง! หลินเฟิง! เฮ้! ฮัลโหล!” มู่ซินซินนั้นร้องเรียกหลินเฟิงอยู่ 2-3 ครั้ง และเมื่อเธอเห็นว่าหลินเฟิงไม่ตอบสนองอะไรเธอ เธอจึงเริ่มเขย่ามือหลินเฟิงที่อยู่ตรงหน้าในทันที
“อ่ะ--ธ-เธอเรียกฉันเหรอ?” ในที่สุด หลินเฟิงก็รู้สึกตัว
“ก็ใช่น่ะสิ! ฉันเรียกนายอยู่ตั้งนาน วันนี้นายเป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมถึงดูแปลกๆแบบนี้? หรือว่า...นายคิดถึงผู้หญิงอื่นนอกจากฉันเหรอ!” มู่ซินซินมองสีหน้าของหลินเฟิงก่อนจะใช้มือปิดปากตัวเองและพูดออกมาด้วยความไม่พอใจสุดๆ
“ไม่ๆๆๆ!” หลินเฟิงรีบยื่นมือออกไปอย่างร้อนรนขณะที่ดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นด้วย
ทางด้านของเด็กสาวที่ซึ่งตื่นขึ้นมาภายในหลอดทดลอง เธอต้องการจะออกไป มันทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่และพนักงานรอบๆรีบห้อมล้อมเธอไว้และพยายามจะหยุดเธอ แต่เมื่อเธอสะบัดมือเพียงครั้งเดียว เหล่าเจ้าหน้าที่และพนักงานเหล่านั้นก็ถูกยกขึ้นและซัดเข้ากับกำแพงจนลงไปนอนหมอบกันหมดเลย
“ฮึ่ม...”
หญิงสาวมองไปยังคนเหล่านั้นก่อนจะถอนหายใจ ร่างของเธอหายไปจากห้องแล็บก่อนที่วินาทีต่อมาเธอจะไปปรากฏตัวอยู่ภายในห้องควบคุมหลัก ซึ่งนั่นมันทำให้ด็อกเตอร์สูงวัยและชายชราเกิดอาการกลัวออกมาแบบมากๆ
“หว่านเอ๋อ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ด็อกเตอร์ชราภาพมองหญิงสาวและเอ่ยถาม
ด็อกเตอร์อายุมากคนนี้และซูหว่านเอ๋อนั้นอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน พวกเขานับเป็นเพื่อนกันได้เลย แต่ในตอนนี้ ภายในดวงตาของซูหว่านเอ๋อนั้นมีแต่ความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด และเธอนั้นจ้องมองมายังทั้งสองอยู่พักใหญ่ๆ
หลังจากที่มองสองเฒ่าอยู่ร่วมๆ 10 วินาที มันก็ดูเหมือนว่าเธอจะคิดหรือรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากนั้นเธอจึงเอ่ยขึ้น “ด็อกเตอร์ ฉันเหลือเวลาชีวิตอีกเท่าไหร่?”
ในทันทีที่ด็อกเตอร์ได้ยินดังนั้น เขาก็ช็อกไปเลย เขาไม่คิดว่าซูหว่านเอ๋อจะถามแบบนี้ขึ้นมาในทันทีที่เข้ามาถึงที่นี่ และมันทำให้เขาคิดไม่ออกว่าจะตอบเธออย่างไรดี
“ไม่ต้องกังวล แค่พูดออกมา ฉันไม่ทำอะไรหรอก...ขอแค่พูดเรื่องจริงออกมาก็พอ...” ซูหว่านเอ๋อพูด
“10 ปี...น้อยกว่า 10 ปี” หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ด็อกเตอร์ก็ดิ้นรนและบอกกับซูหว่านเอ๋อเรื่องนี้
“น้อยกว่า 10 ปีงั้นเหรอ?” ซูหว่านเอ๋อบ่นด้วยเสียงเบา
“ในกรณีที่เธอใช้พลังระดับ SSS นั่นนะ ทุกๆครั้งที่ใช้ ชีวิตของเธอจะลดลงไป 1 ปี แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ตระกูลของพวกเราพยายามจะหาอย่างอื่นมาเติมเต็มชีวิตเธอให้ได้!” ด็อกเตอร์พูดกำชับ
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก!” หลังจากนั้น ร่างของซูหว่านเอ๋อก็หายไป เหลือเพียงเสียงของเธอที่สะท้อนอยู่ในห้วงอากาศว่า “ฉันจะกลับบ้านก่อน จากนั้นช่วยส่งอะไรไปให้ที!”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ร่างๆหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือฟากฟ้า ณ เขตจิงเฟิง ในตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นทั่วทั้งจิงเฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทันที ทุกคนที่บรรลุระดับ S ขึ้นไปแล้วสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ มันช่างน่ากลัวมากๆ
แม้แต่หลินเฟิงและมู่ซินซินที่กำลังเล่นกันอยู่เองก็ยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของความน่ากลัวซึ่งทำให้ใจของทั้งสองเต้นระรัวไปพร้อมๆกัน
กรร!
ในตอนนั้น ภายในมิติของหลินเฟิง มังกรดำก็เกิดร้องเสียงยาวออกมา ดูเหมือนว่ามันจะตรวจจับอะไรบางอย่างได้
ตั้งแต่ที่มังกรดำนั้นงอกเกล็ดขึ้นมาใหม่ ความแข็งแกร่ง 1 ใน 10 ของเขาเองก็ฟื้นขึ้นมาในเร็ววันซึ่งส่งผลให้ตัวเขาเกิดการพัฒนาการอีกรอบ จากมังกรดำทั่วๆไป กลับกลายเป็นราชาแห่งมังกรทมิฬ ซึ่งนี่ทำให้ระดับความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบเคียงกับระดับ SS ได้แล้ว
“นายก็รับรู้ได้เหมือนกันสินะ? ราชาทมิฬ!” หลินเฟิงถาม
เมื่อเห็นแล้วว่ามังกรดำมีการกลายร่าง หลินเฟิงก็เปลี่ยนวิธีเรียกเป็นราชาทมิฬ หรือ ราชามังกรทมิฬแทนเพราะเนื่องจากอีกฝ่ายกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งขึ้นมาเสียแล้ว
“ขอรับนายท่าน! ข้ารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่น่าสยดสยองที่สูงระดับ SSS เลย แสดงว่าต้องมีคนที่แข็งแกร่งระดับ SSS มายังที่นี่แน่ๆ!” ราชาทมิฬพูดด้วยความตกใจ
“นายไม่รู้ฉันก็ไม่รู้ล่ะงานนี้!” หลินเฟิงพูดเพราะทำอะไรไม่ได้
“กลิ่นอายนี่มีร่องรอยอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยและไม่ชอบมาพากลติดมาด้วย หลังจากที่เวลาผ่านมากว่า 10 ปี ข้าเองก็ยังจำมันไม่ได้!” ราชาทมิฬคิดเรื่องนี้ซ้ำๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังคิดไม่ออก
“ไม่เป็นไรน่า ยังไงก็ตามดูเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะไม่ได้รับรู้ถึงพวกเรานี่ ใช่มั้ย?” หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ หลินเฟิงก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าฝ่ายนั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาหาพวกเขา
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ นั่นก็คือ สิ่งที่เขาคิดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขานั้น มันดันเกี่ยวข้องกับเขาเต็มๆ!
ขณะที่หลินเฟิงนั้นเตรียมจะเรียกมู่ซินซินให้กลับบ้าน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาที่ซึ่งทำให้หลินเฟิงผู้กำลังมีความสุขต้องหยิบขึ้นมาดู
แต่เมื่อเขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา มันก็มีข้อความขึ้นมาว่า “ฉันกลับมาแล้ว” ปรากฏอยู่
ข้อความง่ายๆเพียงแค่ 4 คำนี้มันทำให้ทั่วทั้งร่างของหลินเฟิงนิ่งสงัดราวกับโดนฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง เขาไม่รู้ว่าเวลาแบบนี้ควรจะมีความสุขหรือความทุกข์ดี
หลินเฟิงมองไปยังมู่ซินซินโดยไม่รู้ตัว ซึ่งในตอนนั้นมู่ซินซินก็มองไปยังเขาด้วย เธอดูเหมือนจะเห็นความผิดปกติในตัวของหลินเฟิง จึงตัดสินใจเอ่ยถาม “วันนี้นายเป็นอะไรไป?”
“อ่ะ ไม่! ไม่เป็นไร!” หลินเฟิงคิดถึงเรื่องนี้ แต่ท้ายสุดเขาก็ไม่ได้พูดออกไป
เขาไม่ต้องการที่จะทำร้ายจิตใจมู่ซินซิน เพราะยังไงซะเธอคนนี้ก็รักเขามากอยู่เหมือนกัน
“ซินซิน วันนี้น่ะ พวกเราเล่นกันมานานแล้วนะ กลับกันเถอะ!” หลินเฟิงพูด
“อืม เข้าใจแล้ว!”
มู่ซินซินมองไปยังท้องฟ้าแล้วก็พบว่านี่มันก็ล่วงเลยมาถึง 5 โมงแล้ว มันเกือบจะมืดแล้วในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า
“กอดฉันหน่อย!” เมื่อหลินเฟิงเตรียมที่จะเดินออก มู่ซินซินก็อ้าแขนกว้างและพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอเคๆ ได้เลย!” มองไปยังท่าทีที่น่ารักนั้น หลินเฟิงก็อ้าแขนแล้วเดินไปกอดเธอไว้
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงเข้ามากอดเธอแล้ว มู่ซินซินก็กระซิบข้างหูของเขา “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าวันนี้นายเป็นอะไรไป แต่ฉันหวังว่าฉันจะช่วยทำให้นายใจเย็นลงได้นะ!”
หลังพูดจบเธอก็หลับตาและกอดหลินเฟิงไว้เงียบๆ ซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงเกิดความสงบขึ้นมาในใจอย่างแท้จริง
หัวใจของเขาที่เคยร้อนรนก่อนหน้านั้นเริ่มเย็นลง พวกเขาทั้งสองกอดกันอยู่หลายนาที
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหลินเฟิงและมู่ซินซินต่างไม่ได้รู้เลยว่าในตอนนั้น บนฟากฟ้าเหนือพวกเขาทั้งสอง หญิงสาวคนหนึ่งได้จ้องมองลงมาอยู่เงียบๆมานานแล้ว
หญิงสาวคนนั้นกำหมัดแน่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาเรื่อยๆ น้ำตาเหล่านั้นไหลอาบแก้วและตกลงมาผ่านหน้าหลินเฟิงที่กำลังโอบกอดหญิงอื่นอยู่
หากมีใครซักคนได้เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้ล่ะก็ คนๆนั้นคงต้องตกใจ นั่นเพราะเธอกำลังร้องไห้ในขณะที่ทำหน้าเหยียดหยามไปด้วย ซึ่งในใจของเธอ มันคือความทุกข์ที่พูดออกมาไม่ได้
0 ความคิดเห็น