RC:บทที่ 294 หยูชิง
“อะไรนะ? เข้ามาก่อน ดูซิว่าครั้งนี้ใครโดนฆ่า ทำตามที่ฉันบอกซะ” ผู้นำตระกูลตงฟางเอ่ยด้วยความโกรธ
“ครับ!”
หลังจากที่จัดการเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ชายคนเดิมก็รีบรายงานผลขึ้นมา “นายท่านครับ ผมเจอแล้ว….”
เขาบอกผู้นำตระกูลเกี่ยวกับหลี่หยางและระดับ A อีก 1 คนที่ไปหมู่บ้านลั่วหยางด้วยกัน
หลี่หยางนั้นคือหลานของเขา เขาค่อนข้างจะมีตำแหน่งที่ดีในตระกูล และเขาถูกฆ่าด้วยเหตุผลบางอย่าง
“หา!? ฝีมือไอ้เจ้าหลินเฟิงอีกแล้วงั้นเหรอ! ทำไมเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้นะ! เจ้านั่นฆ่าคนจากตระกูลตงฟางของเราเป็นผักเป็นปลาเลยนะ! ฉันอุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจแล้วเชียว! ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้ที่อยู่ของนายแล้ว เพราะงั้นฉันจะส่งระดับ SS 2 คนไปและฆ่าปิดปากมันซะ!” ผู้นำตระกูลตงฟางพูดด้วยความโกรธ
“เดี๋ยวก่อน!” ทันทีที่เขาพูด ชายอีกคนในห้องก็เอ่ยขึ้น
“อ๊ะ! ยินดีที่ได้พบครับ ท่านผู้อาวุโส!” เมื่อข้ารับใช้คนนั้นเห็นชายชรา เขาก็รีบยกมือขึ้นทำความเคารพเลย
ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้นำตระกูลตงฟางได้ยินเรื่องที่อีกฝ่ายปราม เขาก็ดูเลิ่กลั่กก่อนจะพูด “ท่านจะทำอะไร?”
“ทุกอย่างมันเกินกว่ากำลังของเราแล้ว ส่งคนไปก็ไม่ต่างกับส่งพวกนั้นไปตาย อย่าไปยั่วยุเจ้านั่นอีกในอนาคตดีกว่า!” พอพูดจบ เฒ่าไป๋ก็หายไปเลย
“หา? นี่จะปล่อยให้คนในตระกูลตงฟางของผมตายไปโดยที่เราได้แต่ยืนมองอย่างเดียวงั้นเหรอ!!” เจ้าแห่งตระกูลตงฟางตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
“มีข่าวมารายงานครับ นายท่าน! คุณหยูชิง รองประทานสมาคมชิงหลงมาที่นี่ครับ!” ทันใด ข้ารับใช้ของเขาก็วิ่งกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับบอกข่าว
“อะไรอีก? หยูชิง? แล้วหมอนั่นจะมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ผู้นำตระกูลตงฟางที่กำลังอารมณ์เสียอยู่แล้ว ก็เกิดอารมณ์เสียขึ้นมากกว่าเดิมอีกเมื่อได้ยินข่าวจากคนรับใช้
“รองประธานสมาคมชิงหลง อยากจะเข้าพบเจ้าแห่งตระกูลตงฟางเสียหน่อย”
ก่อนที่เจ้าแห่งตระกูลตงฟางจะได้โต้ตอบอะไร ชายอีกคนก็เดินเข้ามา เขานั้นดูเศร้าโศก และรู้ได้เลยว่าเขาเองก็อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี
“โอ้ น้องหยูชิงไม่ใช่เหรอน่ะ? เหตุใดเหล้าจึงดูเศร้าได้ขนาดนั้น? เข้ามานั่งก่อน เห้ย ไปเตรียมชามาหน่อย! มาทางนี้เลย มานั่งก่อนๆ” แม้ว่าเขาเองจะอารมณ์เสียอยู่ ณ ตอนนี้ แต่เมื่อมีแขกเข้ามา เขาก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เหนือสิ่งอื่นใด ตระกูลตงฟาง และสมาคมชิงหลงนั้นต่างก็เป็นคู่หูกันมานานหลายปีแล้วด้วย
“ฮึ่ม...น้องชายของฉันที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลตงฟางตายแล้ว เพราะงั้นคิดว่าฉันควรทำหน้ายังไงดีล่ะถ้าไม่ให้เศร้า?” ใบหน้าของหยูชิงนั้นดูมืดสนิทราวกับถ่านชาร์โคลหลังจากได้ฟังคำทักทายจากเจ้าแห่งตระกูลตงฟาง
“อะไรนะ! น้องชายของนายไปตายที่ไหนน่ะ?” ผู้นำตระกูลตงฟางช็อกเพราะเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
“ใครดูแลเรื่องนี้อยู่น่ะ? ไปเรียกตัวมาหน่อย!” เขาแสร้งทำเป็นเดือดดาลและสั่งกับข้ารับใช้ในห้องนั้น
“ครับ นายท่าน!”
ไม่นานนัก ชายวัย 50-60 ก็เดินเข้ามา นั่นมัน...ตงฟางเหลียนไม่ใช่เหรอน่ะ?
“บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?” เจ้าแห่งตระกูลตงฟางตะโกนถาม
แต่กระนั้นตงฟางเลียนก็ไม่ได้พูดอะไร หากแต่ชายที่อยู่ข้างๆตงฟางเหลียนกลับเป็นฝ่ายเดินไปหาท่านเจ้าแห่งตระกูลและกระซิบกระซาบข้างๆหูเขาแทน
“นายท่าน น้องชายหยูชิงถูกหลินเฟิงฆ่าตายภายในป่าดั้งเดิมที่ซึ่งอยู่ภายใต้เขตแดนของเราครับ เราไม่สามารถตอบโต้อะไรหลินเฟิงได้เลยเหรอ? ถ้ายังไงบอกให้หยูชิงไปฆ่าหลินเฟิงดูไหมครับ?” ชายผู้มีสีหน้าน่ากลัวกระซิบกระซาบ
“เป็นความคิดที่ดีเลย!” หลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย เจ้าแห่งตระกูลตงฟางก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เขารีบไปบอกหยูชิงเรื่องที่น้องชายของอีกฝ่ายถูกฆ่าโดยฝีมือหลินเฟิงอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแต่งสีปรุงกลิ่นเพิ่มไปด้วย
คำพูดของเจ้าแห่งตระกูลตงฟางนั้นทำเอาหยูชิงโกรธจัดขึ้นมาเลย ในตอนนี้เขาอยากจะฆ่าหลินเฟิงขึ้นมาแบบมากๆแล้ว
“แต่ น้องชาย นายต้องระวังตัวให้มากๆนะ เพราะว่าบางทีมันอาจจะมีคนที่แข็งแกร่งระดับ S อยู่รอบๆตัวเจ้าเด็กนั่นก็ได้!” เจ้าแห่งตระกูลตงฟางเตือนหยูชิง
นั่นก็เพราะว่าการที่ใครซักคนจะสามารถฆ่าคนในตระกูลเขาได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีระดับ S ขึ้นไป ดังนั้นแล้วคนที่คอยช่วยหลินเฟิงอาจจะเป็นพวกนี้ก็ได้ อย่างน้อยๆพวกนี้ก็ต้องเริ่มต้นที่ระดับ S แน่ๆ
“ฮึ่ม พวกระดับ S ทั่วๆไปก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวดในสายตาฉันหรอก!” พูดจบหยูชิงก็เดินจากไป
“แบบนี้จะถือว่าส่งเขาไปตายฟรีหรือเปล่าเนี่ย ถ้าเขายังดูประมาทแบบนี้?” ชายข้างๆผู้นำตระกูลเอ่ยถาม
“ฉันไม่รู้ แต่ก็ไม่คิดอย่างงั้น เพราะคนๆนี้ต่างกับน้องของเขาอยู่มาก เขาร้ายกาจเอาเรื่องอยู่ ถ้าเป็นไปตามที่คนอื่นๆรายงานมา เขาน่ะ ไม่ง่ายเลยที่จะถูกฆ่า...”
ทางฝั่งของหลินเฟิงที่ซึ่งเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ผลอยหลับไปพักใหญ่เลย เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกจนกระทั่งเที่ยงของอีกวัน และตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้เลยว่ามีคนที่วางแผนที่จะฆ่าเขาอยู่
หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว หลินเฟิงก็มองไปยังภูเขา ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ โดยเฉพาะเมื่อเขาปล่อยมังกรดำไว้ ณ ที่แห่งนี้ มันก็ทำให้ไม่มีสัตว์วิญญาณตนใดกลาที่จะทำอะไรให้เป็นภาระเลย
นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีหมีภูเขาอยู่อีก 2 ตัว ซึ่งมันทำให้ทุกๆอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด
เวลามันผ่านไปรวดเร็ว 3 เดือนก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก
ภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังนั้นถูกปล่อยให้เช่าโดนหลินเฟิง ซึ่งตอนนี้มันมีพืชผักมากมายงอกเงยขึ้นมานับไม้ถ้วนแล้ว สัตว์ป่ามากมายต่างพากันเดินไปเดินมา รวมไปถึง ที่นี่ยังมีผลไม้มากมายและมีผลไม้เกือบทั่วทั้งโลกอีกด้วย! ในตอนนี้นั้นจากภูเขาที่ไม่มีอะไร มันเริ่มกลายเป็นป่าหนาทึมขนาดย่อมแล้ว
ธุรกิจของหลินเฟิงเองก็กำลังเจริญเติบโต หวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูนั้นได้ไปขยายกิจการที่เมืองทางใต้ และในทุกๆเขตก็มีโรงงานของพวกเขาเองตั้งอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ภายใน 3 เดือน หลินเฟิงก็สามารถซื้อโรงกลั่นน้ำขนาดใหญ่ในเขตชิงเฟิงได้ ซึ่งบริษัทนี้ พ่อของเจียงเสี่ยวไป่เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา
ในตอนนี้ อุตสาหกรรมของหลินเฟิงถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ นั่นก็คือ อุตสาหกรรมผลไม้ อุตสาหกรรมการปรับปรุงพันธุ์ และอุตสาหกรรมกลั่นไวน์
นอกจากนั้น ทีมผู้รับเหมาตู๋กังเองก็ยังเกือบจะสร้างสถานเก็บขยะทั้งร้อยแห่งรวมไปถึงบ่อบำบัดน้ำเสียที่สั่งไว้จนจะเสร็จอีกแล้วด้วย ซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงต้องวิ่งวุ่นไปจัดการกับพวกขยะและน้ำเสียอยู่เรื่อยๆพร้อมๆกับสะกัดออกมาเป็นสิ่งของด้วย
ธุรกิจของเขามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนในตอนนี้มีพนักงานมากมายที่สมัครเข้ามา คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเพิ่งจะมีความสามารถ และบางส่วนก็มีความสามารถอยู่แล้ว
แต่เดิมแล้ว ที่นี่มีเพียงคนงานไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลัง แต่ในตอนนี้มันมีมากกว่า 30 คนแล้ว
ภายในบรรดาคนเหล่านี้ มีมากกว่า 10 คนที่ก้าวข้ามระดับ B ไปแล้ว และอีก 20 คนนั้นอยู่ราวๆระดับ C เท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเองก็เพิ่งจะมามีพลังกันไม่นานนัก
สำหรับคนกลุ่มแรกที่ติดตามหลินเฟิงมานั้น พวกเขาแต่ละคนก็เข้าสู่ระดับ B กันไปหมดแล้ว ในขณะที่ตู๋กังและหวังหานเองก็ทะลุไปยัง A แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าระดับของหลินเฟิงจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับ A แต่ในเวลานี้ ลมหายใจของเขามันมั่นคงและหนักหน่วงมากขึ้น ซึ่งนี่เองที่ทำให้ความแข็งแกร่งตามธรรมชาติของเขามันสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ
ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทุกๆคนต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก ความรู้สึกนี้ เหมือนกับว่าแต่ละคนพากันเกิดใหม่เลย
และเนื่องจากธุรกิจของหลินเฟิงนั้นเติบโตและมั่งคั่งขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหลินเฟิงจึงซื้อห้องสูทภายในเขตนี้ไว้ให้มู่ซินซินด้วย เพื่อที่เธอจะได้อยู่ที่นี่ได้
วันนี้เป็นวันที่ไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก ดังนั้นหลินเฟิงจึงยังคงนอนอยู่จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา
“ฮัลโหล~~ นั่นใครน่ะ...” หัวของเขายังจมอยู่ในหมอนขณะแนบหูไปกับโทรศัพท์
“ตาเซ่อเอ้ย ตื่นได้แล้ว!” เสียงหวานเอ่ยกลับ
“โอ้ ซินซินเหรอ? ทำไมโทรมาเช้าจัง?” ได้ยินดังนั้นหลินเฟิงก็ถามด้วยเสียงงัวเงีย
ถึงแม้ว่าหลินเฟิงยังคงสับสนอยู่ในตอนนี้ แต่เขาก็สามารถได้ยินเสียงของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ก็คิดถึงนายนี่นา...” เสียงเป็นมิตรดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง
“อ๋อ ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน!” หลินเฟิงตอบไปแบบสบายๆ
“ฉัน...” ขณะที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ มู่ซินซินก็หยุดพูดไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร วันนี้ฉันคิดถึงนายมากๆเลย นายออกมาข้างนอกแล้วอยู่กับฉันได้ไหมวันนี้?” มู่ซินซินถาม
“วันนี้เหรอ? ได้สิ รอก่อนนะ...”
0 ความคิดเห็น