RC:บทที่ 290 การสะกัดกั้นตามที่คิดเอาไว้

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 290  การสะกัดกั้นตามที่คิดเอาไว้


 


ในไม่ช้า ทั้งหมดก็เดินออกจากตลาดมืดกันแล้ว และทุกๆสิ่งที่อยู่ที่นี่ก็เหมือนจะเปลี่ยนไป 


 


เพราะเพียงแค่พวกเขาเดินออกมา ตลาดมืดด้านหลังก็หายไปเลยราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน 


 


“เร็วเสียจริง!”


 


เพียงแค่ได้ยินเสียงของปรมาจารย์เทียนซิน หลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของคนอื่นที่กำลังจ้องมาที่เขา 


 


จากนั้นร่างหลายๆร่างก็พากันปรากฏขึ้นมา หัวหน้าของพวกเขาก็คือหลงเฉาเทียนก่อนหน้านี้ เขานั้นมองหน้าของหลินเฟิงด้วยความโกรธและเหยียดหยามสุดๆ 


 


ด้านหลังของเขานั้นยังมีคนอีกหลายคนที่ยืนอยู่ด้วย คนที่น่าจะจดจำได้มากที่สุดเห็นจะเป็นชายชราทั้ง 3 คนที่ยืนกันในตำแหน่ง 3 เหลี่ยม พวกเขานั้นปลดปล่อยพลังที่น่าอัศจรรย์ออกมาอยู่ตลอดเวลา 


 


ทางด้านซ้ายสุดเป็นชายผมสั้นที่ซึ่งผมของเขามีทั้งสีขาวและสีดำ สวมเสื้อโค้ทสีเทา สายตาดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ส่วนตรงกลางคือชายชราผมยาว เขามีผมสีขาวและดูเหมือนว่าจะแก่กว่าคนก่อนหน้านิดหน่อย แต่กระนั้นพลังของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งไม่แพ้กันเลย 


 


คนสุดท้ายเป็นชายที่มีจมูกโค้งงอเหมือนปากเหยี่ยว ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นชายชรา แต่เขาก็ยังไม่ได้แก่มาก แต่ก็ทำให้คนอื่นๆรู้สึกได้ว่าเขานั้นเป็นตัวร้ายที่ควรค่าแก่การยำเกรง มองกี่ทีก็ไม่รู้สึกสบายใจนัก 


 


ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีคนอื่นปรากฏตัวขึ้นมาอีก หลินเฟิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถรับรู้ได้ว่า นั่นคือคนที่แข็งแกร่งของตระกูลฮวงฟู ด้านหลังของคนๆนั้นยังมีคนที่แข็งแกร่งพอๆกันอยู่อีก 



 


ไม่คิดเลยว่าทั้งสองตระกูลนี้จะร่วมมือกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าไม่ใช่การที่ทั้งสองร่วมมือกัน แต่กลับเป็นการมาของผู้ที่แข็งแกร่งมากๆที่กำลังเข้ามาต่างหาก 


 


ตระกูลฮวงฟูนั้นมีความแข็งแกร่งระดับ SS 2 คน และทางตระกูลหลงมีความแข็งแกร่งระดับ SS 3 คน ดังนั้นแล้วตรงแถวที่มานี่จึงมีความแข็งแกร่งระดับ SS ถึง 5 คน นอกจากนั้นยังมีพวกระดับ S และ A อีกหลายคนเป็นผู้ติดต่ามอีกด้วย 


 


อีกฟากหนึ่ง ทางด้านหลินเฟิงและพรรคพวกของเขา ถึงแม้ว่ากลุ่มของเขาเองจะมาจาก 3 กลุ่มย่อย แต่ก็มีระดับ SS แค่ 3 คนเท่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่าไม่สามารถเอาปริมาณเข้าสู้ได้ 


 


“ทำยังไงล่ะ?” มู่หรงหลานเอ่ยถามด้วยความกังวลพร้อมกับขมวดคิ้ว 


 


เพราะไม่รู้ว่าจะให้เริ่มยังไง ดีงนั้นมู่หรงหลานจึงหวังพึ่งหลินเฟิงแบบไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าเธอเองจะเชื่อมั่นว่าหลินเฟิงนั้นจะพาทุกคนในที่นี้ให้รอดไปได้ 


 


“คิดว่าฉันจะทำอะไรได้บ้างล่ะ? แน่นอนว่ามันก็ต้องสู้อยู่แล้ว!” หลินเฟิงพูดโดยไม่ต้องคิดเลย 


 


“สู้เหรอ? สู้ยังไงล่ะ? อีกฝั่งมีระดับ SS ตั้ง 2 ฝั่งเลยนะ! ไม่ต้องเดานายก็น่าจะรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงน่ะ!” มู่หรงหลานกรอกตาไปมาและพูด 


 


“ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดเลยนี่? ใช่มั้ย น้องหลิน?” ในตอนนั้น ลั่วหยูเทียนก็เอ่ยขึ้น 


 


“ใช่แล้ว ยังไม่ได้เริ่ม ใครจะไปรู้ผลลัพธ์กันเล่า!” หลินเฟิงพูดแล้วยิ้มออกมา 


 


“พระชรา ท่านเองก็คงไม่อยากจะเข้ามาพัวพันกันเรื่องแบบนี้ใช่หรือเปล่า?” ชายผู้แข็งแกร่งจากตระกูลฮวงฟูมองไปยังปรมาจารย์เทียนซินก่อนจะพูดขึ้นมาโดยที่นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความกลัว 


 


“อามิตตาพุทธ! ท่านผู้มีพระคุณหลินท่านนี้กับพุทธศาสนานั้นมีสัมพันธไมตรีอันดีงามต่อกัน ดังนั้นแล้ว ต่อหน้าอาตมา ผู้มีพระคุณหลินจำต้องกลับไปกลับพวกเราโดยสวัสดิภาพ” ปรมาจารย์เทียนซินพูดอย่างใจเย็น


 


“หา แม่ป่วยหรือไงถึงต้องพากลับไปด้วยกันน่ะ? ถ้ายังไงเดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วจะเอาไปส่งเทียบท่าให้ละกันนะ!” หลงเฉาเทียนพูด


 


ในทันทีที่เขาพูดจบ เพียงแค่ปรมาจารย์เทียนซินเงยหน้ามอง แสงแห่งพระพุทธศาสนาก็พุ่งออกมาจากดวงตา มันทำเอาหลงเฉาเทียนกระอักเป็นเลือดออกมาและกระเด็นลอยไปไกลเลย


 


“กล้าดียังไงน่ะ เจ้าพระนี่!” เหล่าคนที่แข็งแกร่งระดับ SS ของตระกูลหลงนั้นเดือดดาลขึ้นมาและเข้าโจมตีไปยังปรมาจารย์เทียนซินทันที


 


“ท่านอาจารย์ ระวังนะครับ!” ศิษย์ทั้งสองของเขาเอ่ยเตือน 


 


“ไม่เป็นไร พวกเจ้าดูแลตัวเองอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ จะได้ไม่โดนลูกหลง” ปรมาจารย์เทียนซินเอ่ยอย่างใจเย็น แม้จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูถึง 3 คน แต่เขาเองก็ยังไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น


 


“สาวน้อยแห่งตระกูลมู่หรง ส่งเมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณนั่นมาซะ ครั้งนี้น่ะ ต่อให้เป็นคุณย่ายี่โหรวที่อยู่ด้านหลังเธอก็ไม่คณามือพวกเราหรอกนะ!” ชายที่แข็งแกร่ง 2 คนจากตระกูลฮวงฟูค่อยๆเดินเข้าไปหามู่หรงหลานช้าๆด้วยรอยยิ้ม 


 


“แค่ก--แค่ก--- ดูเหมือนฉันจะแก่เกินไปแล้วสินะ หรือว่าไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเฉยๆ?” ในตอนนั้น ชายชราแห่งไม้เท้าจากตระกูลชางกวนก็เดินมาข้างหน้าขณะที่ไออยู่ด้วย 


 


“ตาเฒ่า ถ้าไม่ได้เข้ามาจุ้นจ้านกับเรื่องนี้แล้วจะกลับไปใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไม่มีความสุขหรือไง? ถ้าไม่รีบกลับตอนนี้มันจะสายไปแล้วนะ” สมาชิกคนอื่นของตระกูลฮวงฟูพูด


 


“พูดไปก็เสียเวลา มาจัดการมันให้จบๆดีกว่า” ชายชราแห่งไม้เท้าหันไปบอกกับมู่หรงยี่โหรว 


 


“ดีเลย” ยี่โหรวที่อยู่ด้านหลังมู่หรงหลานเองก็ตอบรับด้วย


 


ทันใดนั้นเอง ทั้ง 3 ก็ได้เผชิญหน้ากับ 5 คนที่มาจากอีกฝั่ง และเมื่อดูจากจำนวน ทางฝั่งของหลินเฟิงนั้นยังไงก็เทียบไม่ติด 


 


อย่างไรก็ตาม ทางด้านปรมาจารย์เทียนซินนั้นสามารถหยุดทั้งสองคนได้โดยที่ไม่มีโอกาสที่สองคนนั้นจะเดินเข้ามาใกล้ได้มากกว่านี้ 


 


ส่วนชายชราแห่งไม้เท้าจากตระกูลชางกวนก็จัดการกับศัตรูที่มาคนเดียว เขานั้นแข็งแกร่งมากๆรวมไปถึงสามารถจัดการผู้นำแห่งตระกูลหลงลงได้ด้วย 


 


แต่ทางฝั่งของตระกูลมู่หลงหรานนั้น คุณย่ายี่โหรวเหมือนจะตกที่นั่งลำบาก เธอต้องต่อสู้เพียงลำพังกับศัตรูถึง 2 คน และเมื่อเธอพลาดท่า ร่างทั้งร่างของเธอก็ถูกกระแสลมพัดไปเลย 


 


“ฉันควรจะทำยังไงดีนะ...” มู่หรงหลานมองภาพตรงหน้าด้วยความกังวล 


 


“ออกมา มังกรดำ!” ตอนนี้ หลินเฟิงเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว 


 


กรร!!


 


ทันใดนั้น ทั่วทั้งสนามรบก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวกัดแซะเข้าไปถึงในกระดูกของแต่ละคน 


 


จากนั้นร่างสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของหลินเฟิงในทันที! 


 


ร่างสีดำที่เหมือนกับงูขนาดใหญ่ ร่างกายนั้นขดม้วนเป็นวงกลม มีหัวเหมือนวัว มีผิวสีดำเหมือนน้ำหมึก และมีเขามังกรมากมายอยู่บนหัวที่กระจายออกไปทั้งสองฝั่ง 


 


กรงเล็บแหลมเหมือนนกอินทรีย์ แต่คมกว่ามากๆราวกับตะขอ เกล็ดที่เหมือนปลา พวกมันทั้งใหญ่และหนากว่าเกล็ดปลาอยู่มาก แถมมันยังแข็งมากๆอีกด้วย 


 


สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น ดวงตาสีทอง คู่นั้นหรอก แสงสีทองเปล่งประกายออกมาเป็นออร่าจนไม่มีใครกล้าสบตา 


 


ความกลัวนั้นมีผลกับหลินเฟิงเองด้วย เมื่อเขามองไปยังมังกรดำ เขาก็รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังสั่น มันคือความกลัวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติยามที่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมังกรดำนั้นไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา 


 


ภายใต้การสังเกตุการณ์อย่างรอบคอบ หลินเฟิงก็พบว่า มันมีเขามังกรอยู่ 8 เขาบนหัวของมังกรดำ ซึ่งเขาพวกนั้นดำสนิทและเรียงสวยงามเป็นระเบียบ


 


“นี่พัฒนาจากมังกร 4 เขาเป็นมังกร 8 เขาแล้วเหรอ?” หลินเฟิงงุนงง เขารู้เพียงแค่ว่า มังกรดำนั้นพัฒนาเข้าสู่ระดับ S แล้ว ดังนั้นร่างกายจึงมีการเปลี่ยนแปลง จากแต่เดิมมีแค่ 2 เขา เมื่อตอนพัฒนาร่างก็ยังมีแค่ 4 เขาเอง


 


ไม่คิดเลยว่าเพียงชั่วครู่เดียว จะกลายมาเป็นมังกร 8 เขาซะแล้ว ร่างของมันนั้นยาวกว่า 30 เมตร มังกรดำแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าและคำรามออกมา เสียงคำรามของมังกรที่ก้องกังวาลนั้นแข็งแกร่งจนเหมือนจะทำให้ฟากฟ้าสั่นสะเทือนไปหมดเลย 


 


“สัตว์วิญญาณนั่นมันอะไรน่ะ...” การปรากฏตัวของมังกรดำนั้นทำเอาเหล่าผู้คนในสนามรบต่างพากันชะงักและหยุดไป 


 


ทุกสายตาจับจ้องไปยังมังกรดำตรงหน้า พวกเขามองร่างสีดำนั้นพร้อมๆกับร่างของตนที่ชะงักอยู่ 


 


แต่ละคนต่างก็สั่นกลัวกันหมด โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นเขาทั้ง 8 บนหัวของมังกรดำ มันก็ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงจนแสดงท่าทีที่น่าเหลือเชื่อออกมา 


 


“ลมหายใจ เขาทั้ง 8 ร่างของมังกรนี่ แล้วไหนจะดวงตาสีทองอีก….” ผู้ที่แข็งแกร่งระดับ SS ที่มีผมสั้นจากตระกูลหลงเอ่ยขึ้น 


 


“ใช่! ต้องเป็นเจ้านั่นแหละ!” ชายชราผู้ที่มีผมขาวตอบแบบสั่นๆ 


 


“ป-เป็นไปได้ยังไงกัน? ราชาทมิฬน่ะ ถูกฆ่าโดยคนที่เก่งกาจจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเมื่อ 30 ปีก่อนไม่ใช่เหรอ!?” ชายผู้ที่มีจมูกเป็นปากเหยี่ยวมองไปยังมังกรดำอยู่หลายครั้งด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ ก่อนจะพูดออกมาในท้ายสุด 


 


“ร-ราชาทมิฬฟื้นคืนชีพแล้ว!?”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น