RC:บทที่ 272 พบเจอเพื่อนเก่า
“คิดจะทำอะไรของท่านน่ะ?” เมื่อเห็นการโจมตีไปยังมังกรดำอย่างกระทันหันนั้น หลินเฟิงก็หันไปถามแบบไร้ความกลัวเลย
“นายกล้าพูดแบบนี้กับท่านผู้นำของเรางั้นเหรอ!” ผู้ประเมินมูลค่ารีบเดินเข้ามาและตะโกน
“ไม่เป็นไร ถอยกลับไปซะ!” ชายที่อยู่กลางอากาศโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆเข้ามาหาหลินเฟิงช้าๆ
เขาค่อยๆเดินลงมาจากอากาศราวกับเดินลงบันใดพร้อมๆกับมองหลินเฟิงด้วยความสนใจไปด้วย
ในสายตาของคนอื่นๆ ภาพในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยแสงจ้าที่ซึ่งไม่มีใครมองเห็นใบหน้าได้ชัด
“เจ้าหนู นายน่าสนใจมากๆ สัตว์เลี้ยงของนายก็เช่นกัน แต่วันนี้นายไม่มีทางจะได้จิตวิญญาณแห่งไฟไปอย่างแน่นอน!” เขาพูด
“ทำไมล่ะ?” หลินเฟิงถาม
“เพราะว่านายจะไม่สามารถเอามันออกไปได้ยังไงล่ะ! ต่อให้นายพยายามจะเอามันออกไปก็ตาม นายต้องเข้าใจเรื่องนี้ไว้ซะด้วย!” เขาพูดขณะมองขึ้นไปบนฟ้า มันใดนั้นดวงตาของเขาก็ลืมตื่นขึ้นและเปล่งแสงสว่างที่ดูน่ากลัวออกมา
“คนอื่นๆกำลังมองมาที่ฉันแล้ว!” หลินเฟิงตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายซ่อนไว้ แต่กระนั้น วินาทีต่อมาตาของเขาก็สว่างขึ้นและพูด “ฉันไม่กังวลเรื่องนั้นหรอกน่า เพราะยังไงฉันจะตัดสินใจการกระทำของฉันเอง! ดังนั้นช่วยประเมินราคาของหินโบราณของฉันให้ด้วย!”
“ไม่กลัวงั้นเหรอ เจ้าหนู? จิตวิญญาณแห่งไฟได้หายไปจากโลกใบนี้นานนับศตวรรษแล้ว และไม่มีรายงานถึงการเกิดขึ้นมาอีกของมัน เพราะงั้นตอนนี้มันเป็นของมีค่ามากๆ หลายคนเองต่างก็จับจ้องมันอยู่ การที่นายจะเอามันออกไปนั้นถือเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว!”
“นอกจากนั้นเจ้าสิ่งนี้น่ะยังทรงพลังมากๆ และมันเป็นอะไรที่ดึงดูดมากๆสำหรับบางอาชีพที่พิเศษกว่าอาชีพทั่วไป เหล่าคนแข็งแกร่งหลายคนรอการมาของมันเป็นเวลานาน เพราะฉะนั้น หากนายขายจิตวิญญาณแห่งไฟนี่ให้ฉัน ฉันจะซื้อมันในราคา 300000 หินวิญญาณ!” ชายปริศนามาหยุดต่อหน้าหลินเฟิงและพูด
ทันทีที่เขาพูดมันออกมา ทุกคนก็ต่างช็อคไปเลย เพราะราคามันสูงถึง 300000 หินวิญญาณ ราคาขนาดนี้ต่อให้อยากได้จริงๆก็ใจหวิวเหมือนกันนะ!
และนี่มันหมายถึงหลินเฟิงชนะการแข่งขันด้วย เนื่องจากไม่มีหินโบราณของใครก่อนหน้านี้ มีราคาแพงกว่าของหลินเฟิงแล้ว
“เอาไงดีล่ะมังกรดำ?” หลินเฟิงถาม
“นายท่าน เขาพูดถูกแล้ว พวกเรากำลังถูกจับจ้องโดยผู้คนมากมาย เพียงแค่ข้างนอกนั่น ข้าก็ได้กลิ่น 2 กลิ่นที่ทำให้ไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ อย่างน้อยๆพวกนั้นน่าจะอยู่ในระดับกลางถึงระดับ S กันเลย ดังนั้นมันจะยากในการที่เราจะออกไปจากที่นี่!” มังกรดำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
มังกรดำนั้นพิชิตจิตวิญญาณแห่งไฟได้แล้ว เพราะงั้นถ้าผนวกรวมกับจิตวิญญาณแห่งไฟ ความแข็งแกร่งของมันจึงเพิ่มขึ้นอีกมากๆ แต่มันคือทางออกสุดท้ายที่ไม่ใช่การยอมแพ้
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว!” หลินเฟิงมองไปยังผู้นำของทุ่งหินแห่งนี้ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
รอยยิ้มของหลินเฟิงนั้นทำเอาผู้นำของซุ้มหินนี้เกิดความสงสัยนิดหน่อย เขานั้นยังคงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่
“เรื่องขายไม่ขายนั่นไว้คุยกันทีหลังดีกว่า ตอนนี้น่ะ ช่วยบอกผลของการแข่งขันของฉันก่อนละกัน!” หลินเฟิงมองไปยังผู้นำแห่งทุ่งหินโบราณ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน แต่เขาก็ยังใจเย็นและหนักแน่น
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจ! เอาล่ะ ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้คือไอ้น้องชายตัวเล็กนี่! และคนอื่นๆอีก 3 คนก็จะต้องขึ้นตรงต่อน้องชายคนนี้ ส่วนผู้ที่ได้ของมูลค่าต่ำสุดก็คือหลงเชา ดังนั้นหลงเชาจะต้องจ่ายหินวิญญาณแทนทั้ง 3 คนนี้! แบบนี้โอเคหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนมองหลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอเค แต่ฉันอยากจะได้เจ้านั่นก่อนที่จะคุยเรื่องนี้กับนายน่ะ“ หลินเฟิงพูด
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นความคิดที่ชั่วร้าย!” ผู้เป็นใหญ่แห่งที่นี้ยิ้มและส่ายหน้า
จากนั้นเขาก็หยิบเอาของที่แต่ละคนได้มา แต่พอมาถึงจิ้งจอกสาวเธอกลับไม่ยอมที่จะให้ดวงตารัตติกาลนั้นแก่อีกฝ่าย
“ฉันจะให้หินวิญญาณนาย 2 แสนแทน”เธอกล่าวกับหลินเฟิง
“ให้หินวิญญาณฉัน 2 แสนเหรอ?” หลินเฟิงคิดและลังเล
ดูเหมือนว่าดวงตาทมิฬนั่นจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่สินะ ดูจากท่าทีของเกลียวน้ำวนสีดำที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ๆ
“ไม่ ตั้งแต่ที่ฉันได้จิตวิญญาณแห่งไฟมา สิ่งนี้ก็เป็นของฉันแล้ว! ฉันจะตัดสินใจยังไงก็ได้ แต่คนตัดสินใจนั้นต้องไม่ใช่เธอ! ท่านผู้นำ เธอคนนี้มีปัญหา!” หลินเฟิงหันไปบอกกับชายวัยกลางคน
“นายเป็นหนี้บุญคุณฉันแล้วนะไอ้หนู!” พูดเสร็จ ผู้นำแห่งทุ่งหินโบราณนี้ก็โบกมือ และทันใดนั้นมือขนาดใหญ่ก็มาจับตัวจิ้งจอกสาวไว้ก่อนที่ไข่มุกสีดำนั้นจะค่อยๆลอยออกมา
“เอาล่ะ ตอนนี้จะพูดถึงเรื่องจิตวิญญาณนั่นได้หรือยัง?” เขาส่งเจ้าสิ่งนั้นให้หลินเฟิงและพูด
“ขอบคุณมากท่านผู้นำ เราพูดเรื่องนี้กันเลยก็ได้ แต่ฉันคิดว่า 3 แสนนั้นน้อยเกินไป!” หลินเฟิงพูด
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมา ภาพตรงหน้าก็เหมือนกับจะระเบิดออกมาเลย ไม่ว่าจะเป็นนักตัดสาวหรือปรมาจารย์แห่งการประเมินมูลค่าซึ่งอยู่ใกล้นั้นเกือบจะพุ่งมาฆ่าหลินเฟิงในทันทีทันใดเลยด้วย
ผู้นำของพวกเขาช่วยหลินเฟิงไว้แท้ๆ แต่เขากลับไม่สำนึก แถมยังกล้าที่จะบอกว่ามูลค่าที่เสนอให้นั้นน้อยเกินไปอีก!
“ฮ่าๆๆ แล้วนายอย่างได้เท่าไหร่ล่ะถึงคิดว่าเหมาะสม?” เขาเอ่ยถาม
“ฉันคิดว่าถ้าฉันหยิบมันขึ้นมาและตะโกนขายในราคา 8 แสน หรือไม่ก็ 1 ล้าน มันต้องมีใครซักคนที่พุ่งเข้ามารับซื้อไว้แน่ๆ!” หลินเฟิงจับปลายจมูกแล้วพูด
ทันทีที่หลินเฟิงพูดออกมา ทุกๆคนต่างพากันหัวเราะยกเว้นชายวัยกลางคนนั้นที่ไม่ได้หัวเราะอะไร นั่นเพราะว่าเขารู้ดีว่าหลินเฟิงนั้นพูดถูก และเขารู้ราคาของจิตวิญญาณแห่งไฟนี่อยู่แล้ว
ไฟนี่ถ้าได้มาก็จะเสริมกำลังเขาได้อีกเยอะเลย หากหลินเฟิงนำมันไปประมูล ค่าของมันต้องไม่ต่ำกว่าหินวิญญาณ 1 ล้านก้อนแน่ๆ
“นายกล้าไม่เบาเลยนี่ที่จะเสนอ แต่มันมากเกินไป ฉันให้ได้ 5 แสน สุดๆแล้ว” ชายวัยกลางคนพูด
“5 แสนเหรอ...ได้ โอเค!” หลินเฟิงคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด
“แต่นายต้องให้ฉันหยิบหินโบราณ 3 ก้อนจากนายนะ! และมันต้องมี 1 ก้อนที่มาจากบนนั้น!“ หลินเฟิงคิดและพูดเสริม
“เอาสิ!” ฟังคำขอของหลินเฟิง ผู้นำแห่งทุ่งหินโบราณก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งนั่นทำให้เขามีความสุขมากๆ
“ดีล!”
หลังจากนั้น หลินเฟิงก็เก็บหินโบราณขึ้นมาอีก 2 ก้อนในชั้นนั้น จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปและหยิบมาอีก 1 ก้อนก่อนจะให้มังกรดำปล่อยจิตวิญญาณแห่งไฟไป
“ขอบคุณมาก!” หลังจากมอบจิตวิญญาณแห่งไฟให้กับผู้นำแห่งทุ่งหินโบราณแล้ว หลินเฟิงก็หันหน้าและเดินออก
แต่เมื่อเขาเดินมาถึงประตู เขาก็ถูกหยุดโดยจิ้งจอกสาวที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
“ฉันช่วยอะไรเธอได้หรือเปล่า คุณผู้หญิง?” หลินเฟิงถาม
“คืนเจ้านั่นมาให้ฉัน แต่เดิมแล้วมันอยู่คู่กับองค์กรมืดของพวกเรา ถ้านายไม่คืนมาล่ะก็ นายจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ!” เธอกล่าว
“โอ้? ปัญหาใหญ่งั้นเหรอ? อะไรล่ะ?”
ในตอนนั้น หญิงสาวอีกคนก็เดินมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หญิงสาวผู้สวมหน้ากากขาวสนิทไม่มีลวดลายใดๆ
และที่ด้านหลังของเธอก็มีเด็กสาวโผล่ออกมาด้วย เมื่อหลินเฟิงเห็นพวกเธอ เขาก็จำได้ในทันที
“มู่หรงหลาน?”
เมื่อหลินเฟิงจำพวกเธอได้แล้ว เขาก็มีความสุขมากๆ คนพวกนี้เป็นเพื่อนเก่าของเขาเลย และเขากับเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว ตอนนี้เขาจึงดีใจและตื่นเต้นมากๆที่ได้เจอกันอีก
“ตระกูลมู่หรงงั้นเหรอ!?” จิ้งจอกสาวเมื่อได้เห็นมู่หรงหลานเธอก็แสดงความรู้สึกอะไรบางอย่างออกมา ก่อนจะถอนหายใจและรีบออกไปในทันที
“ใช่แล้ว ไม่เจอแป๊ปเดียวกลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วเหรอนายน่ะ...”
0 ความคิดเห็น