RC:บทที่ 268 ชั้น 2

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 268 ชั้น 2 


 


“ให้เขาดูมั้ย? นายอยากจะขอยืมไอ้นี่เหรอ?” หลินเฟิงหันไปถามหวังฮ่าวเหมิงเพราะว่าตัวเขาเองนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนิกชนมากนัก 


 


“ให้เขายืม! พุทธศาสนิกชนน่ะซื่อตรงกับโชคชะตาเพราะงั้นพวกเขาจะไม่ขโมยเจ้าสิ่งนี้ไปแน่ ฉันเชื่อแบบนั้น!” เติ้งเทียนฟูพูด 


 


“โอเค งั้นนี่!” หลินเฟิงพูดพร้อมอัดพลังลมปราณเข้าไปภายในประคำเศียรพระพุทธเจ้าก่อนจะโยนให้พระเหล่านั้น 


 


การที่เขาอัดพลังปราณเข้าไปภายในนั้น ก็เพราะว่าเขาเองก็อยากจะทดสอบถึงพลังของคนที่ถูกเรียกว่าพุทธศาสนิกชนอยู่เหมือนกัน 


 


“อามิตาพุท!” พระทั้งสองรูปนั้นยืนตรงหน้าหลินเฟิงพร้อมทำความเคารพ จากนั้นก็ยื่นมือไปและรับประคำนั้นมาด้วย 2 นิ้ว 


 


“แข็งแกร่งมาก!” หลินเฟิงเกิดตื่นเต้นขึ้นมาในใจ 


 


พระเหล่านี้ดูแล้วน่าจะอายุราวๆ 20 ปีได้ ดูๆแล้วไม่น่าจะห่างจากหลินเฟิงมากนั้น แต่ความแข็งแกร่งนั้นทำเอาหลินเฟิงอึ้งไปเลย 


 


ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาเพื่อทดสอบในครั้งนี้ แต่กำลังของเขาก็สูงกว่าคนทั่วๆไปในระดับเดียวกันอยู่แล้ว ถึงอย่างงั้นพระเหล่านี้ก็ยังอุตส่าห์รับการทดสอบของเขาได้อย่างสบายๆ


 


“ขอบคุณท่านมาก ท่านผู้มีพระคุณ!” พระทั้งสองรูปนั้นยิ้มให้หลินเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาเองก็รู้ว่าหลินเฟิงอยากจะทดสอบพวกเขาเฉยๆ หาได้ปองร้ายอะไรไม่ 


 


หลังจากที่รับประคำเศียรพระพุทธเจ้าทองคำมาแล้ว ทั้งสองก็ศึกษาและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่สร้างทำได้อย่างไร มันถึงมีเงาเศียรของพระพุทธเจ้าอยู่บนประคำนี้ได้ 


 


“อา-มิต-ตา-พุท-! องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า!” เสียงของ 2 นักบวชดังกระหึ่มราวกับนี่ไม่ใช่ของจริงซะอย่างนั้น 


 


“ใช่แล้วล่ะ นี่คือประคำเศียรพระพุทธเจ้าโบราณลูกสุดท้าย” พระรูปหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น 


 


“ท่านผู้มีพระคุณ ประคำเศียรองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าลูกนี้สำคัญต่อพวกเรามาก ได้โปรดมอบให้เราเพื่อสันติภาพและความรัก และเราขอสัญญาว่าจะตอบแทนท่านในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน!”


 


พระทั้ง 2 เดินเข้ามายังหลินเฟิงและก้มโค้งให้เขาก่อนจะพูดขึ้นมา 


 


“นี่คืออะไรน่ะ? ขอร้องเหรอ?” หลินเฟิงพูดด้วยเสียงเบา


 


“ชู่วววว! เสี่ยวเฟิง! ถ้าพวกเราเดาไม่ผิด พระ 2 รูปนี้น่าจะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เทียนซิน ไร้กังวล กับ ไร้เมตตา!” หวังฮ่าวหมิงกระซิบกับหูของหลินเฟิง 


 


“ไร้กังวลกับไร้เมตตา? ทั้ง 2 รูปนี้เป็นพระที่มีชื่อเสียงเหรอ?” หลินเฟิงถามกลับ 


 


“ไร้กังวลกับไร้เมตตา ทั้งสองเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เทียนซิน พวกท่านมีความสามารถเรียกได้ว่าสูงและได้เรียนเกี่ยวกับแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยล่ะ!” หวังฮ่าวหมิงพูด 


 


“ใช่แล้วล่ะ องค์ที่ชื่อไร้เมตตานั้นฝึกฝนวิธีเดียวกับที่คิงคองใช้ปราบปีศาจ ถ้าจะพูดง่ายๆคือ ท่านบรรลุระดับสูงสุดแล้ว ระดับที่อยู่ใกล้เคียงกับ ‘อนัตา’ เพราะงั้นไม่มีใครสามารถหยุดท่านได้ทั้งสิ้น!”


 


“แล้วก็องค์ที่ชื่อไร้กังวลนั่นน่ะ แข็งแกร่งกว่าอีกนะ ท่านฝึกฝนจิตใจจนถึงระดับสูงสุด ทำให้สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่! เพราะงั้นระวังเอาไว้ พวกเขาสามารถกระซวกหัวใจนายได้ง่ายๆเลย!” เติ้งเทียนฟูพูด 


 


“ไม่หรอก ท่านผู้มีพระคุณนี้พิเศษสำหรับพวกอาตมามากๆ เช่นนั้นแล้วไม่มีการกระซวกหัวใจนั่นหรอก” ในตอนนั้น พระไร้กังวลได้เอ่ยขึ้นมากับทั้งสาม 


 


“ค-เค้าได้ยินพวกเราได้ยังไงน่ะ!?” หลินเฟิงตกใจมากๆ เพราะเขามั่นใจว่าเสียงของเขานั้นเบามากๆ แต่กระนั้นพระรูปนั้นยังอุตส่าห์ได้ยิน! 


 


“ท่านไม่ได้ได้ยินเราหรอก แต่ท่านน่าจะอ่านใจฉันไปแล้ว อย่างที่ฉันบอกนายไปไงเล่า!” เติ้งเทียนฟูอ้อมค้อมและพูดไปตรงๆ 


 


“ส่งประคำนั่นให้ทั้งสองเถอะ เราทำได้แค่ยอมรับ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์!” เติ้งเทียนฟูพูด 


 


“ก็ได้ๆ นี่ของพวกท่าน!” หลินเฟิงมองไปยังประคำก่อนจะพูดขึ้น 


 


“ขอขอบคุณท่านมาก ท่านผู้มีพระคุณ หากท่านประสบพบปัญหาที่ยากลำบากในภายภาคหน้า อาตมาและไร้เมตตาจะเข้าช่วยเหลือท่านด้วยกำลังทั้งหมดเอง!” พูดจบพระทั้งสองก็กระโดดขึ้นไปและหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนโดยไม่คาดคิดเลย ราวกับว่าพวกเราไม่ได้เจอกันมาก่อน


 


“ดีจริงๆ เสียเวลาชะมัด!” หลินเฟิงถอนหายใจก่อนจะพูด “ฉันคิดว่าฉันจะได้หินวิญญาณซัก 10000 ก้อนแท้ๆ ใครจะไปคิดว่าต้องมายกของแบบนั้นให้คนอื่นกันน่ะ?”


 


“อย่าถอนหายใจไปน่า นายสามารถอยู่คู่กับศาสนาพุทธได้ นั่นมันมีค่ามากกว่าหินวิญญาณ 10000 ก้อนอีกนะ! แล้วก็ที่นี่น่ะยังมีหินดิบอยู่อีกมากมาย นายสามารถหาเพิ่มก็ได้ บางทีนายอาจจะได้ของดีๆชิ้นอื่นอีกนะ!” หวังฮ่าวหมิงพูด 


 


“ลืมมันไปซะ ที่นี่น่ะไม่มีของดีๆอยู่แล้ว อย่างน้อยสุดก็จากที่เดินหาๆมา!” หลินเฟิงนั้นสามารถมองทะลุหินเหล่านี้ได้มานานแล้ว 


 


“งั้นไปชั้นบนกัน หินดิบข้างบนน่ะคือสิ่งที่น่าเสี่ยงดวงของจริง แต่ละชิ้นนั้นราคาไม่ต่ำกว่าหินวิญญาณ 10000 ก้อนทั้งนั้นเลย” หวังฮ่าวหมิงชี้ไปทางบันไดและพูด 


 


“ข้างบน? ยังมีชั้นบนอีกเหรอ?” หลินเฟิงประหลาดใจ 


 


“ใช่แล้ว ชั้นแรกน่ะเราจะเริ่มกันที่ราคา 1000 หินวิญญาณ ชั้นที่สองจะเริ่มที่ 10000 หินวิญญาณและชั้นที่ สามจะเริ่มที่ 100000 หินวิญญาณเลยล่ะ!” หวังฮ่าวหมิงพูด 


 


“งั้นพวกเรา...” ก่อนที่หวังฮ่าวหมิงจะพูดจบ หลินเฟิงก็วิ่งนำไปที่บันไดแล้ว 


 


เมื่อหลินเฟิงขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาก็พบว่าชั้นนี้นั้นคนน้อยลงไปครึ่งต่อครึ่งเลย มันน่าจะมีราวๆ 100 คนได้ และดูไม่วุ่นวายเหมือนข้างล่างด้วย


 


ทันทีที่ขึ้นมาข้างบน พวกเขาก็ได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังตื่นเต้นกัน โดยไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งสิ้น หลินเฟิงปรับสายตาของเขาและมองไปยังหินดิบโบราณเหล่านั้นและรีบเข้าไปเก็บมันขึ้นมาเลย


 


ผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างพากันช็อกเมื่อเห็นหลินเฟิลเข้ามาในทันทีเช่นนี้ 


 


“ทำไมถึงมีเข้ามาเพิ่มอีก 1 ล่ะ? ไม่ใช่ว่านายบอกไว้ว่ามีรายใหญ่ 3 คนและรายเล็ก 1 คนเหรอ? หรือว่าเราเปลี่ยนเป็น 4 คนกันแล้ว?” บางคนที่สงสัยได้เอ่ยขึ้น 


 


“ฉันไม่รู้ ดูไปก่อนเถอะน่า!”


 


หลินเฟิงนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเขาได้เข้ามาทลายกฏการแข่งขันของคนอื่นๆและได้กลายมาเป็น 1 ในพวกเขาเสียแล้ว 


 


ในตอนนั้นมันมีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่อยู่ภายในทุ่งหินขนาดใหญ่ ส่วนคนอื่นๆนั้นเพียงแค่ดูอย่างเดียว 


 


หลินเฟิงมองไปยังหินเหล่านั้นและตรวจสอบคุณภาพและมูลค่าของพวกมันแทบทั้งหมด และมันเป็นเรื่องจริงที่ว่าหินที่อยู่ในชั้นนี้นั้นดีกว่าข้างล่างอีกหลายเท่าเลย หลังจากที่ได้รับรู้ถึงฟังก์ชั่นของเกลียวน้ำวนสีดำนี่ หลินเฟิงก็เห็นว่าของที่อยู่ภายในหินพวกนี้นั้นมีมูลค่าของมันเอง 


 


หินดิบโบราณเหล่านี้มีทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งเริ่มต้นจากราคา 10000 หินวิญญาณและพวกราคาสูงๆนั้น มันมีมูลค่าสูงกว่าหินวิญญาณ 100000 ก้อนเสียอีก 


 


“หมอนั่นเป็นใครน่ะ? ไม่ใช่ 1 ใน 3 คนของฝั่งเราใช่หรือเปล่า?”


 


ภายในทุ่งหินโบราณนั้น ชายที่สวมหน้ากากมังกรสีเขียวเอ่ยถามขึ้น แต่เขาทำได้เพียงแค่มองและไม่ได้ใส่ใจมากเนื่องจากกำลังง่วนอยู่กับการเลือกหินโบราณอยู่ 


 


อีก 2 คนเองก็รับรู้แล้วเช่นกันว่าหลินเฟิงนั้นได้เข้าร่วมด้วยแบบกระทันหัน แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ทำอะไรและก้มหน้าก้มตาเลือกหินโบราณของตัวเองต่อไปเนื่องจากการแข่งขันนี้มีเวลาจำกัด 


 


ไม่นานนักทั้งสามก็ได้หินโบราณของตนเองและเดินไปยังแท่นตัดของชั้นนั้นแล้ว 


 


ในชั้นที่ 2 นี้ผู้ที่ทำการตัดหินเป็นผู้หญิง หญิงสาวที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเฟิง เธอเป็นคนที่สวยมากๆ ไม่ว่าจะทั้งด้วยหน้าตาหรือเสน่ห์ที่ดึงดูดคนอื่น 


 


“อ๋าๆๆ นายตรงนั้นน่ะ หมดเวลาแล้วนะ ถ้านายยังไม่กลับมา นายจะถือว่าสละสิทธิ์แล้วนะ!”


 


เมื่อหลินเฟิงนั้นง่วนอยู่กับการเลือกหินดิบอยู่ 2 ก้อน เสียงของสาวงามที่เป็นผู้ตัดหินก็เอ่ยขึ้นมา 


 


“หมดเวลา? สละสิทธิ์? นี่มีจับเวลาด้วยเหรอ?”


 


หลินเฟิงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจรีบเลือกหินที่ดีที่สุดมาก้อนหนึ่งและเดินไปยังที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว 


 


หลังจากที่หลินเฟิงมาแล้ว เขาก็ยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามผู้ที่กำลังมองเขาอยู่ในตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกแปลกไม่น้อยเลย 


 


“มองอะไรกันน่ะ? ไม่เคยเห็นคนหล่อกันเหรอ? ที่นี่ไม่มีคนหล่อแบบฉันหรือไง?”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น