RC:บทที่ 267 เศียรพระพุทธเจ้าโบราณ
หลินเฟิงฟังคำพูดของชายชราด้วยสีหน้าที่ใจเย็น โดยที่ไม่มีความผิดหวังหรือความเศร้าใดๆ กลับกันเขาค่อยๆเดินเข้าไปหาชายชราทีละก้าวๆก่อนจะยื่นมือไปหาอีกฝ่าย
“หมายความว่าอย่างไรกันล่ะพ่อหนุ่ม?” ชายชราไม่เข้าใจถึงสิ่งที่หลินเฟิงกำลังทำอยู่
“ก็หมายความว่าจะขอยืมมีดนั่นหน่อยยังไงล่ะ ฉันว่าจะตัดมันด้วยตัวเองน่ะ!” หลินเฟิงพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ยิ่งแสดงออกชัดเจนแบบนี้ ชายชราก็ยังไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก นี่ความสามารถในการเข้าใจอะไรง่ายๆมันง่อยตามอายุไปแล้วหรือไงน่ะ?
“ไอ้เจ้าคนดื้อดึงนี่! นายสงสัยในฝีมือของปรมาจารย์เบนผู้นี้งั้นเหรอ! หรือว่านายคิดว่าคนอย่างฉันจะแอบเอาของๆนายไป!”
ได้ยินดังนั้นชายชราก็พูดออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับปลดปล่อยความแข็งแกร่งระดับ A ออกมาเลย
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น นายพูดเองเออเองทั้งหมดเลย ให้ทุกคนในนี้เป็นพยานเลยก็ได้!” หลินเฟิงยังคงพูดอย่างใจเย็น
“ฮึ่ม ลืมมันไปซะ! เอานี่ไป!” ชายชราพูดก่อนจะส่งมีดให้กับหลินเฟิงพร้อมกับส่งหินดิบที่ตอนนี้เหลือก้อนเล็กมากแล้วให้เขาไปด้วย
“ฉันจะรอดูว่านายจะตัดแล้วได้อะไรออกมา!”
ชายชราผู้นี้ตัดหินมาอย่างช่ำชองกว่าทศวรรษและด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เขามีคนนับหน้าถือตาเยอะ ดังนั้นหากเขาบอกว่ามันไม่มี คนอื่นก็จะคิดว่ามันไม่มี
แต่กระนั้นหลินเฟิงก็ยังยิ้ม เขารับมีดมาและหยิบเอาหินก้อนเล็กๆนั้นมาจากชายชราด้วย
“ดู!” หลินเฟิงขยิบตา ถึงแม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากอยู่จนทำให้ไม่เห็นใบหน้า แต่ใบหน้าของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความยั่วยุ
หลังจากที่หลินเฟิงหยิบมีดมาแล้ว เขาก็เริ่มตัดหินโบราณของเขาทีละนิดๆ ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พากันตื่นเต้น ทุกคนมองไปยังความตั้งใจของหลินเฟิง ซึ่งเขาดูมั่นใจมากๆ นี่เขาคิดว่ามันมีอะไรอยู่จริงๆงั้นเหรอ?
ทั้งนี้ทั้งนั้น หลินเฟิงเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตัด เพราะงั้นการขยับของเขาจึงช้ามากๆ แต่มันก็มั่นคงมากๆเช่นกัน
ไม่นานนัก หลินเฟิงก็ตัดจนหินก้อนนั้นเหลือประมาณเท่าหัวนิ้วโป้ง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังไม่มีอะไรออกมาอยู่ดี
“เฮ้ ไอ้หนู นายคิดจะมาสร้างปัญหาหรือไงกันน่ะ? มันไม่มีอะไรทั้งนั้นในหินนี่ ออกไปได้แล้ว!”
“ใช่ๆ! นายจะตัดให้หินนี่เล็กเท่าฝุ่นเลยหรือไง? ฮ๋าๆๆๆ”
“ไอ้หมอนี่มันก็แค่ตัวปัญหา ยาม! มาเอาตัวหมอนี่ออกไปที เสียเวลา!”
…
ครู่หนึ่ง เมื่อความสงสัยและความเยาะเย้ยมันเปล่งออกมาและผ่านไป แต่กระนั้นหลินเฟิงก็ยังคงตัดหินของเขาอย่างใจเย็น
“เสี่ยวเฟิง นาย เอ่อ...นายมั่นใจเหรอ? ถ้านายแค่คิดว่าไม่มั่นใจ พวกเราจะจบไม่สวยกันเอานะ!” หวังฮ่าวหมิงกระซิบข้างๆหูหลินเฟิง
“ไม่ต้องกังวล ฉันเคยทำอะไรเพราะความไม่มั่นใจด้วยเหรอ? เดี๋ยวจะแสดงอะไรดีๆให้ดู!” หลินเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้หนู นายปกติดีหรือเปล่าเนี่ย? นายไม่ควรจะมาทำตัวมีปัญหาทีนี่นะ รู้หรือเปล่าว่าจะมีผลอะไรตามมา?” ชายชราขมวดคิ้วพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องห่วง ไม่เห็นเหรอว่าฉันเจออะไรบางอย่าง?” หลินเฟิงพูดกับชายชราขณะที่หินโบราณของเขานั้น จากขนาดเท่านิ้วโป้ง ในตอนนี้มันเล็กเท่าลูกประคำแล้ว
“หา? พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?” ชายชรารู้สึกสงสัยมากๆ เหมือนว่าเขาจะหูฝาด เพราะในตอนนี้ หลินเฟิงมีเพียงหินสีน้ำตาลเทาในมือเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้ว
“ฮ่าๆๆ ดูเอา!”
หลินเฟิงส่งลูกกลมๆไซส์พอๆกับนิ้วโป้งด้วยการใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งของเขาหยิบมันมาและวางลงบนมือขวาของเขา เจ้าลูกกลมๆลูกนั้นกลิ้งไปมาและแสดงให้เห็นถึงรอยแตกเล็กๆ
อย่างไรก็ตามที่รอยแตกนั้นปรากฏขึ้น แสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากรอยเล็กๆนั้นในทันที! มันระยิบระยับและสว่างสไวไปหมด
หลินเฟิงช็อกนิดหน่อย จากนั้นเมื่อเปลิอกด้านนอกสุดของมันแตกออก มันก็เผยถึงสิ่งที่อยู่ด้านในซึ่งเป็นลูกประคำสีทองสว่างสไวที่ขนาดเท่ากับหัวนิ้วโป้งเท่านั้น!
“นี่มันคืออะไรน่ะ?” 1 ในเหล่าผู้ที่คอยเฝ้าดูท่ามกลางความแออัดเอ่ยถามขึ้นในตอนนั้น
“มันระยิบระยับและลอยขึ้นไปในอากาศ นี่ต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาๆแน่ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรก็จริงแต่เหมือนว่าไอ้หนุ่มนี่จะทำเงินมหาศาลเข้าให้แล้ว!” คนอื่นๆที่เห็นเริ่มจะพูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงมั่นใจขนาดนี้ตอนลงมือตัด เพราะเขารู้ว่ามีเจ้าสิ่งนี้อยู่นี่เอง ว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่ามีอะไรแบบนี้อยู่ข้างใน?” บางคนก็เริ่มสงสัยบ้างแล้ว
ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ แสงที่ส่องสว่างก็ค่อยๆหรี่ลงและนั่นมันทำให้รูปร่างที่แท้จริงของเจ้าสิ่งนี้กันเสียที
มันมีรวดลายถูกสลักไว้บนประคำทองคำลูกนี้ที่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวมนุษย์ หลินเฟิงนั้นอยู่ใกล้ที่สุด ดังนั้นเขาจึงเห็นรายละเอียดชัดเจนที่สุด
บนไข่มุกสีทองนั้นมีภาพวาดของหัวอยู่ ที่ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเป็นเศียรพระพุทธเจ้าที่ดูสมจริงมากๆ ทั้งงดงามและดูมีเมตตา
“นี่เป็นไข่มุกเศียรพระพุทธเจ้าโบราณ ไม่คิดเลยว่าจะมาโผล่ที่นี่!” เมื่อชายชราได้เห็นเจ้าสิ่งนี้ เขาก็กระโดดเข้ามาด้วยความตื่นเต้นเลย
“งั้นเหรอ?” หลินเฟิงรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็วและมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูด “นายจะเอาอะไรเนี่ย?”
“ใช่แล้ว เฒ่าชราอย่างนายคิดจะมาปล้นของจากเราไปงั้นเหรอ!” หวังฮ่าวหมิงแผ่ความแข็งแกร่งระดับ A ออกมาเพื่อขู่อีกฝ่าย
“โอ่ะ ขอโทษจริงๆ ฉันก็แค่อยากจะตรวจสอบใกล้ๆว่านี่ใช่เศียรพระพุทธเจ้าจริงๆหรือเปล่า!” ชายชรากล่าวขอโทษ
“ดี ถ้างั้นก็เชิญตรวจสอบได้เลย!” หลินเฟิงยื่นไข่มุกพระพุทธเจ้าให้อีกฝ่าย แต่ขณะที่ยื่นมือไป เขาก็ขมวดคิ้ว
“โอ้ โอเคเลย ฉันจะรีบดู!” ชายชราพูดอย่างระมัดระวังก่อนค่อยๆเข้าไปดูอย่างรอบคอบก่อนจะแสดงสีหน้าและน้ำเสียงช็อกออกมา “จริงๆ...นี่มันเป็นเศียรพระพุทธเจ้าจริงๆ! คนๆนี้ได้ไข่มุกเศียรพระพุทธเจ้าโบราณ!”
“อีกรอบซิ?” ทันทีที่ได้ยินดังนั้น หลินเฟิงก็เหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่าง
“ใช่แล้ว ฉันเคยเจอแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นได้มาจากพระในศาสนาพุทธด้วยราคาที่สูงลิ่วเลย! แขกผู้มีเกียรติของฉัน นายอยากจะขายไข่มุกเศียรพระพุทธเจ้านี่ให้พวกเราหรือเปล่า? เราจะจ่ายนายในราคาสูงเลย!” ชายชรามองไปยังหลินเฟิงด้วยความกระตือรือร้น
‘ในเมื่อนี่เป็นเศียรพระพุทธเจ้า มันคงจะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าอยู่ในมือของพุทธศาสนิกชน ไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน เพราะง้นขายเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณมากๆดีกว่า แต่นี่ฉันเพิ่งจะได้มันมาเอง เก็บไว้ศึกษาก่อนดีกว่า!’ หลินเฟิงคิดเรื่องนี้อยู่ภายในใจก่อนจะพูดออกไป
“ไม่ขาย! ฉันจะเก็บไว้เอง” เขาพูด
“แขกผู้มีเกียรติ นี่เป็นประคำเศียรพระพุทธเจ้า นายต้องรู้ถึงวิธีที่จะใช้เจ้าสิ่งนี้ และตอนนี้ก็มีเพียงแค่ชาวพุทธเท่านั้นที่รู้วิธีใช้งาน!” ชายชราพูด
“ฉันไม่เอาไปดีดเล่นเป็นลูกแก้วหรอกน่า! เรื่องนี้รู้ๆกันอยู่แล้ว!” หลินเฟิงกรอกตาไปมาต่อหน้าชายชรา
หลินเฟิงยังจำได้แม่นถึงความหยิ่งยโสของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เพราะงั้นเขาจึงไม่ขายสิ่งนี้ให้ชายชรา
“โอ้ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆเกี่ยวกับการกระทำของฉันก่อนหน้านี้รวมถึงน้ำเสียงที่พูดกับนาย นายช่วยพิจารณาเรื่องขายประคำเศียรพระพุทธเจ้าให้เราอีกครั้งได้หรือไม่?” ชายชรายังไม่ยอมแพ้
“ไม่ขาย…”
*ตึง ตึง!*
ขณะที่หลินเฟิงกำลังพูดออกไป มันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นตรงหน้าเขา และทันใดนั้นร่าง 2 ร่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า!
ทั้งสองนั้นเป็นชายหัวล้านที่ซึ่งทั้งโล่งเตียนและเงาวับ ตรงหน้าผากนั้นมีจุดกลมๆอยู่ 6 จุด และบริเวณหัวไหล่นั้นถูกพับไว้ให้โผล่มาแค่ครึ่งเดียว
“อามิตาพุท!” ทั้งสองทิ้งดิ่งลงมาตรงหน้า มือหนึ่งก็ตั้งท่าพนมมือไว้ที่หน้าอกก่อนจะกล่าวเปิด
“เห้ยๆ ทำไมถึงมีพระที่เหมือนจะหลุดมาจากวัดเส้าหลินในทีวีมาอยู่ที่นี่ได้กันล่ะ?” หลินเฟิงกระซิบ
“เสี่ยวเฟิง นี่น่ะคือพุทธศาสนิกชนนะ ถึงในทีวีจะเป็นเรื่องโกหก แต่นี่น่ะของจริงเลย!” เติ้งเทียนฟูพูดกับหลินเฟิง
“กล่าวสวัสดีท่านผู้มีพระคุณ ขอท่านให้เรายืมประคำในมือของท่านได้หรือไม่...”
0 ความคิดเห็น