RC:บทที่ 230 มุ่งหน้าสู่ป่าดึกดำบรรพ์

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 230 มุ่งหน้าสู่ป่าดึกดำบรรพ์


ตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อของคุณลักษณะกับพลังวิญญาณขึ้นมาเป็น 97 จะว่าไปคนที่ได้พลังที่มากกว่า 80 คือคนที่เก่งแล้ว และในหมื่นคนแทบจะหาไม่ได้สักคนเลยด้วย หรือจะกล่าวได้ว่ามีคนเพียงน้อยนิดที่จะไปถึง 90 แต่ค่าคุณลักษณะของตู๋ กังนั้นกลับไปถึง 97 ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกเอามากๆ


ในตอนนี้ หลิน เฟิงกับหวัง หานจึงได้เข้าใจว่าทำไมตู๋ กังถึงเกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ แถมความสามารถของเขาเองก็สูงลิ่ว


ตราบใดที่ได้ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณทรงพลังที่มีระดับเลือด SSS ล่ะก็ ตู๋ กังก็จะกลายเป็นที่คนทรงพลังเหนือใครๆไปอีก และพลังระดับ SSS ก็จะดีกว่าหวัง หานอีกด้วย


“ยอดเลย ตู๋กัง นายนี่มันคนจริงเลยว่ะ เอ้ย ไม่สิ ต้องเรียกว่าอัจฉริยะเลยล่ะ ความสามารถไม่เหมือนใครเขาเลย” หลิน เฟิงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น


“ค่าคุณลักษณะสัมพันธ์ได้มากกว่า 90 นายจะต้องหาสัตว์วิญญาณที่มีเลือดระดับ SSS เพื่อให้นายปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่” หลิน เฟิงกล่าว


“แต่พี่เฟิง ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีสัตว์วิญญาณที่มีระดับเลือด SSS เลยนะครับ ต้องไปหาสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังแบบนั้นให้พี่ตู๋กังกันเองแล้วล่ะครับงานนี้” หวัง หานเอ่ย


จริงๆแล้ว ที่ของหลิน เฟิงนั้นไม่มีสัตว์วิญญาณระดับเลือด SSS หรอก รวมถึงสัตว์คู่หูของหลิน เฟิงเองก็ด้วย การหาสัตว์วิญญาณอันทรงพลังให้กับตู๋ กังนั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ


“นายมั่นใจได้เลยว่าจะต้องมีสถานที่แบบนั้นอยู่แน่ๆ เดี๋ยวพวกนายสองคนเตรียมตัวตามฉันมาแล้วกัน” หลิน เฟิงเอ่ย ก่อนจะพาทั้งสองคนออกไปจากหมู่บ้านลั่วหยาง


ในช่วงเวลาสั้นๆ คนทั้งสามคนก็ขึ้นมาโผล่บนท้องฟ้า และในตอนนี้ พวกเขาต่างก็กำลังขี่อยู่บนหลังมังกรดำของหลิน เฟิง ก่อนจะบินไปบนท้องฟ้า หายเข้าไปในกลีบเมฆ ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ


“พระเจ้าช่วย สัตว์วิญญาณมีความสามารถพิเศษแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย บินได้แถมซ่อนตัวตอนที่อยู่บนพื้นได้ด้วย แถมยังกลืนเมฆทั้งก้อนและคายออกมาเป็นหมอกได้อีก แถมไม่มีใครทำอะไรได้ด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่ตู๋ กังได้บินขึ้นมาบนฟ้าด้วยสัตว์วิญญาณ เขาจึงรู้สึกทึ่งอย่างมาก


เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นตกใจของตู๋กังแล้วนั้น หวัง หานก็หัวเราะพลางกล่าวขึ้น “นี่ยังมีสัตว์วิญญาณที่มีความสามารถพิเศษอีกเยอะเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็จะได้รู้”


“แต่ว่า พี่เฟิง นี่พวกเรากำลังจะไปไหนกันหรือครับ” คนหลายคนที่นั่งอยู่บนหลังมังกรดำมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วนั้น ด้วยความเร็วของมังกรดำ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องข้ามไปอีกไกลแค่ไหน


“ไปจังหวัดที่อยู่ถัดไปอย่างจังหวัด Y ยังไงล่ะ เป็นที่ที่ป่าดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่และมีทะเลสาบที่ชื่อว่าจิ้นกวงแห่งป่าดึกดำบรรพ์อยู่ด้วย” ในขณะเดียวกันนั้นเอง ดวงตาของเขาก็ประกายไปด้วยความคาดหวัง


“จังหวัด Y งั้นหรือ ทะเลสาบจิ้นกวงแห่งป่าดึกดำบรรพ์ ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับป่านี้มาก่อนทางทีวี เห็นบอกว่าเป็นป่าที่ปกป้องสัตว์ป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์และป้องกันไม่ให้พวกมนุษย์รุกล้ำเข้าไป แล้วพวกเราจะเข้าไปได้หรือครับ” หวัง หานว่าขึ้น


“เหอะ ปกป้องสัตว์ที่เป็นอันตรายงั้นหรือ ก็แค่ข้อแก้ตัวของพวกตระกูลใหญ่เท่านั้นแหละ จุดประสงค์ของพวกนั้นก็คือผูกขาดป่าแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียวนั่นล่ะ เพื่อที่จะให้ตัวเองมีสัตว์วิญญาณพอที่จะทำพันธสัญญากับครอบครัวตัวเองด้วย พวกนั้นก็เลยกันไม่ให้คนนอกเข้ายังไงล่ะ”


“แม้เราจะเข้าไปโต้งๆไม่ได้ แต่เราสามารถเข้าไปเงียบๆได้ตราบใดที่เรายังไม่โดนเจอตัว” หลิน เฟิงว่ากระซิบ


หลังจากผ่านไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง มังกรดำที่บินมานานก็ได้มาถึงจึงหวัด Y ในที่สุด


พวกเขามายังสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากรอบนอกของป่าแห่งทะเลสาบจิ้นกวงก่อนจะหยุดลงที่นั่น


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาจึงปล่อยให้มังกรดำได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณก่อน เพราะมันต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการบินมาและยังเป็นการกินพลังวิญญาณมากอีกด้วย นอกจากนี้ พวกเขาต้องคอยสังเกตพื้นที่ที่นี่และผู้คนที่คอยตรวจตราและอื่นๆอีก


หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว พวกเขาก็ได้เห็นว่ามีคนหนึ่งหรือสองคนกำลังตรวจตราบริเวณโดยรอบอยู่เรื่อยๆ


เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็รู้เลยว่าคนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ระดับพลังแค่ระดับ C กระจอกๆแบบนี้หลิน เฟิงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าไม่ ก็พยายามหลบเข้าไปในป่าแห่งทะเลสาบจิ้นกวงเพื่อไม่ให้พวกนั้นเห็นเท่านั้นเอง


หลังจากสังเกตการณ์เป็นเวลาครู่หนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกโล่งอกเมื่อมั่นใจว่าข้างนอกนั้นไม่มีพลังอื่นแล้ว


“ออกมา ต้นไม้ปีศาจ ออกมาจากต้นไม้ร้อยปีแล้วเปลี่ยนร่างเป็นลำต้นปีศาจ แล้วช่วยเข้าไปสอดแนมในนั้นให้พวกเราที” หลิน เฟิงสั่ง พลางปลดปล่อยต้นไม้ปีศาจนั่นออกมา


“ขอรับ นายท่าน” เมื่อได้รับคำสั่ง ต้นไม้ปีศาจก็ออกมาจากต้นไม้ร้อยปีที่ตนแฝงอยู่ ก่อนจะกลายเป็นร่างหุ่นไม้ตัวเล็กๆวิ่งเข้าไปในป่า


หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว


“นายท่าน มานี่เถอะครับ ที่นี่ไม่มีคนที่มีพลังแกร่ง แต่ว่าต้องหลบเวลาที่พวกระดับ C ทั้งสองคนมองมาเท่านั้นเอง”  ต้นไม้ปีศาจว่าในสิ่งที่ตนเห็นกับหลิน เฟิง


สัตว์วิญญาณเมื่อทำพันธสัญญากับเจ้านายของมันแล้วนั้น การสื่อสารด้วยคำพูดไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพราะแค่นึกความคิดก็ปรากฏขึ้นมาได้แล้ว


“โอเค หวัง หาน ตู๋ กัง ตามพวกเรามา เดี๋ยวพวกเราจะลงมือเลย หวัง หาน ดูแลตู๋กังให้ดีด้วยนะ” หลิน เฟิงกล่าว


หลิน เฟิงและพวกเขาค่อยๆเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์แห่งทะเลสาบจิ้นกวง ในตอนนั้นเอง มีผู้มีพลังระดับ C ทั้งสองคนกำลังลาดตระเวนไปมาตรงหน้าพวกเขา เดินไปๆมาๆเพื่อคอยหาคนที่เดินผ่านไปมา 


ไม่นาน พวกเขาก็เข้ามาใกล้คนสองคนนั้น ห่างเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น แต่เพราะพละกำลังของพวกตนนั้นแข็งแกร่งกว่าทั้งสองมาก พวกนั้นจึงไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของหลิน เฟิง


“เอ่อ พี่ชาย เห็นพี่บอกว่าพวกเราต้องคอยคุ้มครองป่าสับปะรังเคนี่เป็นเวลาครึ่งปีเลยสินะ แถมพวกเราเองก็ยังไม่เห็นมีใครเข้ามาเลยด้วย ครอบครัวนี้เขาคิดมากเกินไปหรือเปล่าเนี้ย” ในขณะที่พวกเขาเดินกลับไปกลับมา หนึ่งในนั้นก็กล่าวขึ้น


“ใช่ ฉันก็คิดว่าคงไม่มีใครมาที่นี่หรอก และพวกเราก็ยังไม่เห็นแม้แต่แมลงวันสักตัวเข้ามาในนี้ตั้งครึ่งปีแล้วด้วย” ชายคนดังกล่าวกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจนัก


“เฮ้ พี่ชาย เมื่อคืนนี้ผมเฝ้านานแล้วครับ แล้วก็เหนื่อยมากเลยเนี่ย ไหนๆก็ไหนๆ พี่เองก็ดูคนเดียวได้เนอะ ผมขอตัวหลับก่อนล่ะครับ แล้วผลัดต่อไปพี่ค่อยไปพัก ส่วนผมจะคอยดูเอง น่าจะดีนะพี่” ชายคนที่มีนัยน์ตาสีดำว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงอิดโรย


“โอเค งั้นไปนอนไป เฝ้ามาครึ่งปีละ คงไม่มีใครโผล่มาแล้วล่ะ ไว้เดี๋ยวถ้ามีอะไรฉันจะเรียกนายเอง” อีกคนตอบไป


“โอ ขอบคุณครับพี่ งั้นเดี๋ยวผมไปนอนก่อนนะครับ” จากนั้น ชายคนที่มีนัยน์ตาสีดำก็ล้มตัวนอนก่อนจะส่งเสียงกรนออกมา


“ไอ้หมอนี่ หลับเร็วอะไรจะปานนั้น แม่งเอ้ย อยากหลับเหมือนกันวุ้ย เอาล่ะ คงไม่มีใครมาตรวจหรอก ขี้เกียจสักวันสองวันคงไม่มีใครรู้หรอกนะ” ชายคนดังกล่าวว่าขึ้นก่อนจะล้มตัวนอนใต้ร่มไม้


“โชคช่วยจริงๆ ไปกันเถอะ” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงได้โอกาสเหมาะที่จะบุกเข้าไปเงียบๆ


ในตอนแรก พวกเขาต่างคิดวิธีที่จะเข้าไป แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือชายสองคนนี้กลับขี้เกียจมากจนไปนอนกัน


หลังจากเข้ามาบริเวณรอบนอกแล้ว ทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงจึงปลดปล่อยพลังเพื่อค้นหาบริเวณโดยรอบและเขาก็ไม่พบว่ามีใครแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงเดินต่อไปอย่างช้าๆ ก่อนจะมองหาสัตว์วิญญาณข้างในไปด้วย


พวกของหลิน เฟิงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาในป่า นี่พวกเขาจะเจอสัตว์วิญญาณสักหนึ่งหรือสองตัวไหมนี่ และพวกมันส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำทั้งนั้นเลยด้วย แต่ละตัวไม่มีตัวไหนที่มีระดับเลือดสูงกว่านี้เลย


“นายท่าน เราอย่าเสียเวลาไปกับบริเวณรอบนอกนี้เลยครับ พวกสัตว์วิญญาณที่มีเลือดระดับสูงน่ะอย่างน้อยก็ต้องอยู่พื้นที่ใจกลางป่าครับ บริเวณรอบนอกแบบนี้พวกมันไม่มาอยู่หรอกครับ”


“อืม งั้นต้องเร่งมือตามหาแล้วล่ะ” เมื่อได้ฟังในสิ่งที่มังกรดำพูด หลิน เฟิงและพวกเขาก็รีบเร่งเข้าไปข้างในโดยไว


ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาจึงได้เข้าใกล้เขตจงเหว่ยแล้ว


“นายท่าน ระวังตัวนะครับ...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น