RC:บทที่ 229 ความสามารถของตู๋ กัง
“ไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ” หลิน เฟิงเอ่ยพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
ความสูงของตู๋ กังนั้นสูงมากกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรจนเกือบจะสองร้อยเซนติเมตรอยู่แล้ว และด้วยร่างกายที่แข็งแรงแบบนี้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกขนลุก
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพลังที่ตู๋กังมีอยู่ในตัวเอง พละกำลังของเขานั้นช่างน่ากลัว ทั้งๆที่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนธรรมดาๆ แต่ทว่าร่างกายและพละกำลังของเขานั้นช่างแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังระดับ C ทั่วๆไปอีก
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหลิน เฟิงจึงไม่ได้มองหาสัตว์วิญญาณที่จะให้ตู๋ กังทำพันธสัญญาด้วย เพราะไม่มีสัตว์ตัวไหนที่ดูเหมาะสมเลย การที่จะหาสัตว์ที่มีความสามารถไม่ถึงกับความสามารถอันเก่งกาจของเขานั้นเป็นเรื่องที่เสียเวลา
แต่ถ้าเราเจอสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังและเหมาะสม และเมื่อใดก็ตามที่ตู๋กังมาเป็นผู้มีพลังและได้ทำพันธสัญญาล่ะก็ พละกำลังของเขาก็จะก้าวกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องที่จะข้ามขั้นระดับไปเลยคงเป็นไปไม่ได้
ในตอนนี้เอง แม้แต่หวัง ซื่อ หวัง หานและจื้อเฉิงเองก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของตู๋ กังเลย
“ไม่เชื่อหรอก ลองดูเถอะ” หวัง ซื่อกล่าวขึ้นก่อนจะก้าวตรงไปยังตู๋กังพลางกวักมือ
“อ่าฮะ งั้นก็เข้ามา ฉันเองก็ไม่ได้ขยับเนื้อตัวมาเป็นเวลานานแล้วด้วย เส้นยึดไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” ตู๋ กังก้าวไปข้างหน้าก่อนจะบิดคอไปมา แล้วทันใดนั้นเอง เขาก็ทำเสียงกร๊อบแกร๊บ ก่อนจะเดินไป
นอกจากนี้ ในตอนที่เขาขยับมือและเท้าไปมานั้น ก็จะเกิดเสียงเสียดสีกันตลอด และเมื่อหวัง ซื่อเห็นแบบนั้น เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย
“กลัวก็กลัว แต่ฉันก็มีพลังนะตอนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ทักษะกับสัตว์วิญญาณ แต่ฉันต้องทำได้ดีกว่าคนธรรมดาสิ”
“เอาล่ะ เข้ามา” ตู๋ กังเอ่ยขึ้นหลังจากยืดเส้นยืดสายแล้ว
“อืม ผมก็กำลังไป” หวัง ซื่อตอบกลับไปบ้าง พลางสาวเท้าตรงไปยังตู๋ กังอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูงสุด
ในขณะที่ตู๋ กังนั้นกลับยืนนิ่งอยู่อย่างงั้นเพื่อรอการโจมตีที่จะเข้ามาจากหวัง ซื่อ
เพียงแค่พริบตาเดียว หวัง ซื่อก็มาถึงตัวตู๋กังแล้ว เขาเคลื่อนไหววนไปรอบตัวตู๋ กังอยู่สองรอบก่อนจะปล่อยหมัดออกไป
ตู๋ กังได้แต่ยืนตีมึนอยู่อย่างงั้นจนเมื่อหวัง ซื่อขยับตัวเข้ามา เขาก็จัดการปล่อยหมัดสวนไปที่หวัง ซื่อเช่นกัน
ผัวะ!
หมัดของทั้งสองกระทบกันดังลั่น แต่ตัวตู๋ กังกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด มีแต่หวัง ซื่อเท่านั้นที่ถอยไปเสียหลายก้าว จนเมื่อตั้งตัวติด เขาก็สะบัดมือไปมาพลางรู้สึกนั่นไม่ต่างอะไรกับการต่อยแผ่นเหล็กเลย
“โคตรแข็งแกร่งเลย ทำไมถึงทรงพลังแบบนี้กันนะ หรือว่าเป็นผู้มีพลังด้วยเนี่ย” หวัง ซื่อกล่าวขึ้นอย่างอึ้งๆ
“ไม่เลย ตู๋กังก็แค่คนธรรมดา” หลิน เฟิงกล่าว
“คนธรรมดาๆจะไปมีพลังขนาดนั้นได้ยังไงกัน ไม่อยากจะเชื่อเลย ไหนลองอีกทีซิ” หวัง ซื่อรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แล้วนี่จะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าตัวเองจะแพ้คนธรรมดาๆ
เมื่อได้เห็นเขาพุ่งตัวมาอีกครั้ง เขาจึงเอาส้นเท้าแตะพื้น โดยทิ้งรอยเท้าลึกลงไปสามเซนติเมตร ก่อนจะกระโดดสูงขึ้น แล้วถีบเข้าที่ตัวตู๋ กัง
แต่แม้จะเห็นแบบนั้น ตู๋ กังก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน แถมยังรอให้หวัง ซื่อโจมตีเข้ามาอีก
ในครั้งนี้หวัง ซื่อพยายามได้ดีที่สุดแล้ว ขาที่ลอยขึ้นของเขานั้นเป็นท่าโจมตีที่ดีในสายตาของหลิน เฟิง แต่ในเวลาต่อมา ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างขึ้น
ส่วนตู๋ กังนั้นเริ่มจะถอยเป็นครั้งแรก ก่อนที่ทุกสัดส่วนจะเริ่มมีปฏิกิริยาซึ่งไม่ต่างกับร่างบรรจุพลังงานเคลื่อนที่เลย และเมื่อหวังซื่อเตะลงมา เขาก็ต่อยกลับไป
เมื่อผู้คนเห็นแบบนี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าตู๋กังมีสัมผัสที่ไวมาก แรงส่งอันทรงพลังนั้นทำให้คนถึงกับช็อคไปตามๆกัน ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องรู้สึกแบบนั้น
ผัวะ!
เสียงดังก้องไปทั่ว ตู๋ กังก้าวถอยกลับมาสามก้าวหลังจากโดนต่อยไปสองครั้งและเตะกันอีกคนละที ในขณะที่หวัง ซื่อปลิวกระเด็นตกกระแทกพื้นอย่างแรง พลางกุมขาของตนไว้ก่อนจะร้องลั่น
“คนอะไรโคตรจะถึกเลย ขาฉัน” หวัง ซื่อร้องครวญครางลั่นก่อนจะกุมขาของตน
“ไม่เอาน่า อย่าตะโกนแบบนั้นสิ นายไม่น่าเจ็บอยู่แล้วนี่ ครั้งนี้ตู๋กังเขาไม่ได้ใช้มือนี่ และเขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเลยนะ หรือไม่งั้นก็นายนั่นแหละที่อ่อนเอง” หลิน เฟิงว่า
“ขี้โกงอ่า” หวัง ซื่อว่าพลางลุกขึ้นยืน
“ขอโทษนะ พอดีออกแรงมากไปหน่อย” ตู๋กังว่าขึ้นพลางแตะศีรษะของหวัง ซื่อ
“ไม่เลยไม่ ขอบใจนะ พี่ฝึกไปเถอะ ส่วนผมขอตัวไปพักก่อนล่ะ” หวัง ซื่อดูเศร้าไปเลยซึ่งนั่นทำให้หลิน เฟิงหัวเราะไปครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ จื้อเฉิง นายไปส่งเขาไป ส่วนหวัง หานอยู่ที่นี่ก่อน พวกนายสองคนมากับฉัน” หลิน เฟิงเรียกตู๋ กังกับหวัง หานให้มาใกล้ๆตน
“พี่เฟิงมีอะไรงั้นหรือครับ” หวัง หานเอ่ยถาม
“นายเล่าให้ตู๋กังฟังเรื่องผู้มีพลังสิ ส่วนฉันจะไปเอาลูกบอลทดสอบคุณสมบัติที่เข้ากันได้มาให้ตู๋กังเพื่อให้ทดสอบดู จากนั้นเราค่อยหาสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังให้กับเขา” หลิน เฟิงสั่ง
“โอเคครับ”
หลังจากที่หลิน เฟิงออกไปจากตรงนั้นได้พักนึง หวัง หานจึงเล่าให้ตู๋ กังฟังเกี่ยวกับเรื่องของผู้มีพลัง หลังจากที่ได้ฟัง ตู๋ กังจึงตระหนักได้ในทันทีว่าเขาเองก็เคยรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถเหมือนมีเวทย์มนตร์ของหลิน เฟิงเหมือนกัน และพอมาครั้งนี้ เขาก็เลยเข้าใจในที่สุด
“มังกรดำ นายแน่ใจไหมว่าป่าของจังหวัด Y จะมีสัตว์วิญญาณเก่งๆที่เหมาะสมกับตู๋กังอยู่น่ะ” ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงจึงมาพร้อมกับลูกบอลคริสตัลมายังตู๋ กังที่อยู่ในสนามหลังบ้านกับหวัง หาน
“ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่ามันจะมีที่เหมาะไหมนะ เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าคุณลักษณะของตู๋ กังคืออะไร แต่มั่นใจได้เลยว่าจะต้องมีสัตว์วิญญาณระดับเลือดดีๆอยู่ที่นั่นแน่ แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับเลือด SSS ก็เถอะ ที่ครั้งหนึ่งข้าเคยสัมผัสได้” มังกรดำว่า
“แต่อย่างแรก ท่านต้องดูคุณลักษณะสัมพันธ์ของตู๋ กังเขาก่อน ถ้ามันไม่สูงนัก การไปทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งก็ถือว่าเสียเวลาเปล่า แบบนั้นก็เลือกให้เขาจากที่หลังบ้านสักตัวดีกว่าครับ” มังกรดำกล่าว
“ได้สิ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าความสามารถของตู๋ กังนั้นต้องไม่เหมือนใครแน่นอน” หลิน เฟิงว่าขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ข้าคิดว่าเรื่องที่จะอธิบายให้เขาฟังเรื่องโครงสร้างเวทย์มนต์และพลังที่ติดตัวมาไม่น่าเป็นไปได้นะครับ” มังกรดำว่า
“อ่า นี่ อย่าพูดแบบนั้นเลย ไปทดสอบกันเถอะ นายอาจจะไม่รู้อะไรเลยก็ได้”
จากนั้นหลิน เฟิงจึงเดินมาหาตู๋ กังก่อนจะกล่าวขึ้น “แล้วนี่หวัง หานเล่าให้นายฟังเรื่องผู้มีพลังหรือยัง”
“บอกแล้วล่ะ เห็นบอกว่าโลกนี้มีแต่สิ่งมหัศจรรย์เต็มไปหมด รวมถึงพวกสัตว์ก็ด้วย ดูเหมือนว่าตำนานโบราณจะไม่ใช่เรื่องโกหกสินะ” ตู๋กังเองก็ถึงกับตกใจมาก
“ใช่แล้วล่ะ งั้น ขอทดสอบคุณลักษณะของนายหน่อยสิ” หลิน เฟิงหยิบเอาลูกบอลคริสตัลออกมาก่อนจะยื่นไปให้ตู๋กัง
ตู๋กังยื่นมือออกมาก่อนจะวางมือไปบนลูกบอลคริสตัลนั้นเบาๆ
ทันใดนั้นเอง ลูกบอลคริสตัลก็ค่อยๆเปล่งแสงขึ้นอย่างช้าๆ เป็นแสงสีเหลืองระยิบระยับออกมา แล้วแสงดังกล่าวก็ค่อยๆสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ หลิน เฟิงกับหวัง หานเองก็ถึงกับอึ้งไป เพราะแสงดังกล่าวกลับสว่างกว่าตอนที่หวัง หานทดสอบเสียอีก
“สีเหลือง ก็แสดงว่าเป็นคุณสมบัติของดิน แถมคุณลักษณะสัมพันธ์ของตู๋กังเองก็สูงลิ่วเลยแฮะ” หลิน เฟิงกล่าว
พวกเขาต่างไม่มองหน้ากัน พลังในกายของตู๋กังนั้น ทั้งหลิน เฟิงกับคนอื่นๆรู้กันว่าคุณลักษณะของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย
“แสงนี่พอๆกับแสงที่ผมทดสอบได้เลยนะครับเนี่ย แต่แรงส่งของมันนั้นมากกว่า” หวัง หานว่า
“ตู๋ กังนี่เก่งเหมือนกันนะเนี่ย” หลิน เฟิงเอ่ยอย่างพอใจ
แต่ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ เขาก็นิ่งไป เพราะแสงจากลูกบอลคริสตัลนั้นยังไม่หยุดเปล่งแสง แต่กลับจ้าขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้นเพียงครู่ แสงจากลูกบอลคริสตัวก็หยุดลง พร้อมกับตัวเลขที่หวัง หานและหลิน เฟิงก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อ
0 ความคิดเห็น