RC:บทที่ 228 งานใหญ่ของทีมตู๋ กัง
“ใช่ไหมล่ะ ด้วยเหตุนั้นหมู่บ้านพวกนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะต้องโดนตรวจสอบอีกเป็นครั้งที่สอง และในตอนนี้ จะไม่ใช่ทีมพวกเราที่เข้าไปตรวจแล้ว อีกอย่างไม่ใช่แค่พวกเขานะที่จะโดนถอดออกจากตำแหน่ง แต่พวกเราก็จะโดนไปด้วย ฉันก็เลยเอาเบอร์ของนายให้พวกเขาไป ฉันหวังนะว่านายจะช่วยพวกเขาจัดการเรื่องนี้ได้” ผู้นำซ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ท่าน ตราบใดที่พวกเขามาหาผมแล้ว ผมจะดำเนินการเรื่องหมู่บ้านเก้าแห่งนี้ให้เร็วที่สุดครับ” หลิน เฟิงว่าพลางตบอกของตน
“โอเค แบบนั้นแหละๆ” จากนั้นท่านผู้นำซ่งก็วางสายไป
หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็ได้รับสายอีกหลายสาย โดยที่แต่ละสายบอกว่าพวกตนคือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ ทั้งหมดเก้าแห่งตามที่ท่านผู้นำซ่งบอกไว้ว่ามีหลายคน
หลิน เฟิงยังสัญญากับพวกเขาไว้ด้วยอีกว่าจะไปหาพวกเขาในอีกไม่กี่วันและจะพยายามทำให้สภาพแวดล้อมของพวกเขาพร้อมรับกับการตรวจสอบในระยะเวลาไม่นาน
หลังจากพูดคุยกับคนพวกนั้นเสร็จ หลิน เฟิงก็รู้สึกล้าเสียแล้ว เพราะต้องคอยรับฟังคนถึงเก้าคน เล่นเอาแบตมือถือเขาแทบหมด และอาจต้องชาร์จเป็นเวลานานเลยด้วย
ต่อมา หลิน เฟิงก็ได้โทรหาตู๋ กังอีกครั้ง เพราะตู๋ กังเองก็เคยช่วยเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีทีมของตู๋ กัง แล้วหลิน เฟิงจะไปจ้างใครมาจัดการกับสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านชนบทแบบนี้กันล่ะ
“ตู๊ด ตู๊ด” หลิน เฟิงต่อสายถึงตู๋ กัง
“ว่าไง เจ้าบ้า คราวนี้พวกเรานะ ต้องตกแต่งที่ตรงนั้น ที่เก็บขยะหรือไม่ก็บ่อบำบัดของเสียกันล่ะ” ทันทีที่ตู๋ กังเห็นว่าคนที่โทรมาคือหลิน เฟิง เขาก็รู้เลยว่าธุรกิจอะไรที่กำลังจะเข้ามา
เพราะทุกครั้งที่หลิน เฟิงจะตกแต่งหรือต่อเติมอะไรบางอย่าง หลิน เฟิงก็จะหาตัวเขาหรือไม่ก็เขานี่ล่ะที่จะไปหาหลินเฟิงเอง ไม่อย่างงั้นแล้ว หลิน เฟิงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกับเขาเลย
“ก็มีบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องหาตัวนายนี่ล่ะ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะบอกนาย” หลิน เฟิงกล่าว
“อ๋อหรอ ถ้ามีอะไรก็พูดมาเลยสิ ถ้ามีอะไรก็พูดมาเลยตรงๆ แล้วฉันจะสนองให้นายอย่างไม่รีรอ” ตู๋กังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขาเป็นคนหุนหันแบบนี้ ไม่ชอบอ้อมค้อม แค่บอกไปเลยว่าต้องการอะไร
“ได้ งั้นฉันจะบอกนาย ฉันขอให้ทีมของนายมาทำงานให้ฉันได้ตลอดเวลาเมื่อฉันมีงาน และบางครั้งนายต้องเข้ามาคุมงานด้วย เพราะตอนนี้ฉันไม่เห็นใครแล้ว ซึ่งมันก็เป็นปัญหาใหญ่ด้วย ฉันก็เลยอยากซื้อทีมของนายในนามของฉันเพื่อทำงานให้ฉัน”
“ทุกๆเดือนจะต้องมีค่าจ้างประกันขั้นต่ำ นายขึ้นค่าจ้างประกันขั้นต่ำนั่นได้เองเลย ตราบใดที่ไม่สูงมากนัก และไม่ว่าจะมีโครงการหรือไม่ และถ้ามี ก็จะได้เงินเพิ่มอีก นายคิดว่าไงล่ะ” หลิน เฟิงพูดถึงสิ่งที่เขาต้องการในรวดเดียว
“ขอให้ทีมเราไปทำงานให้นายงั้นหรือ” เมื่อตู๋ กังได้ยินแบบนั้นเข้า ก็รู้สึกตกใจมากเพราะทีมของเขานั้นมีคนสิบยี่สิบกว่าคน แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการจ่ายกลุ่มคนพวกนี้ทุกๆเดือน เขาน่ะรู้ดีที่สุด
“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันมีโครงการมากมายเลย และก็ต้องการทีมสักทีมมาทำงานให้ฉัน และในอนาคตข้างหน้าก็จะมีโครงการอีกมากมายด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ฉันนึกถึงก็คือทีมนายนี่ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เราต่างก็เป็นคนรู้จักกันด้วย” หลิน เฟิงว่า
ทีมของตู๋ กังนั้นมีพี่น้องของเขาหลายคนเป็นคนก่อตั้งขึ้น ในตอนแรก มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีคน 20กว่าคนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก
คุณภาพงานของพวกเขาเองก็ดีมากๆเช่นกัน อย่างเช่นงานก่อสร้างของหลิน เฟิง ต่อเติมบ่อขยะ บ่อบำบัดของเสีย ฯลฯ แล้วผลงานของเขาก็ออกมาดีมากๆซึ่งน่าเชื่อถือมากกว่าทีมงานของบริษัทใหญ่ๆบางที่เสียอีก และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลิน เฟิงถึงขอให้พวกเขาเป็นคนทำ
“แต่ฉันไม่ได้ทำงานคนเดียวนี่สิ ฉันต้องปรึกษาคนอื่นๆด้วย ไว้เดี๋ยวฉันตอบไปทีหลังได้ไหม” ตู๋ กังว่า
“ได้สิ ไปคุยกันก่อนก็ได้ แต่นายต้องตัดสินใจวันนี้เลย เพราะถ้าหลังจากวันนี้ไปแล้ว ฉันจะหาทีมงานอื่นนะ และฉันเองก็เป็นคนแรกที่อยากให้นายมาร่วมด้วยเพราะเห็นแก่พี่ๆน้องๆนายน้า” หลิน เฟิงกล่าว
หลิน เฟิงรู้มาว่าแม้ทีมงานของตู๋ กังจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่งานของเขานั้นเชื่อถือได้และการันตีได้ถึงคุณภาพจากโครงการต่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงเองก็รู้มาว่างานที่เข้าทีมงานพวกเขาในช่วงนี้ไม่ดีนัก และแทบไม่ได้งานเลย และดูจะไม่ได้รับงานใหญ่ๆเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว พวกเขาอยู่บ้านตลอด และบางครั้งก็ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวอีก
ดังนั้น หลิน เฟิงจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตู๋ กังและทีมงานของเขานั้นจะต้องเห็นด้วยแน่ เมื่อพูดถึงเรื่องเงินเดือน
และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหลิน เฟิงและตู๋ กังนั้น หลิน เฟิงก็ไม่เคยดูแลทีมงานของพวกเขาไม่ดีเลย และอย่างน้อย เงินเดือนก็ไม่ต่ำไปกว่าบริษัทอื่นๆเลยด้วย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงกำลังนอนอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่สั่นขึ้น เขาก็แทบไม่ต้องคิดอะไรเลย
หลิน เฟิงจึงหยิบมือถือขึ้นมา และเขาก็คิดถูกเสียด้วย มือถือโชว์ชื่อของตู๋ กัง หลิน เฟิงรับสายก่อนจะพูดขึ้น “ว่าไง ตู๋ กัง ทีมงานของนายว่ายังไงบ้าง”
“เจ้าบ้าเอ้ย ลองคิดดูสิว่าจะยังไง ก็ทีมทำงานของฉันน่ะช่วงนี้กรอบเลยล่ะ ก็เลยเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายหมดเลย แต่เงินเดือนประกันของทุกคนจะอยู่ที่ 4000 ส่วนของผู้จัดการเราจะอยู่ที่ 5000 แล้วถ้ามีงานหลายๆงาน พวกเราก็จะขอขึ้นอีกหน่อย” ตู๋ กังอธิบาย
“ได้สิ ไม่มากเกินไปหรอก ราคาสมน้ำสมเนื้อดีด้วย นายจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวมาเลยพรุ่งนี้ บอกได้เลยว่าสองเดือนที่จะถึงนี้นายจะต้องยุ่งแน่ๆ” หลิน เฟิงว่า
“ตกลงตามนั้นนะ เยี่ยมเลย ฉันไม่ได้ออกแรงมาครึ่งเดือนแล้ว และในที่สุดก็ได้งานทำเสียที” จากนั้นตู๋ กังก็พูดออกมาอย่างสุขใจก่อนจะวางสายไป
หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็กลับไปที่บ้านก่อนจะนอนหลับไป วันต่อมา ตู๋ กังกับทีมงานของเขาก็มาที่บ้านของหลิน เฟิง แม่จึงเรียกเขาออกมา
เมื่อหลิน เฟิงตื่นขึ้น เขาก็ได้เจรจาถึงเรื่องสำคัญๆกับคนหลายคนที่ต้องทำงานอย่างเช่น ตู๋ กัง ก่อนจะให้เซ็นสัญญา จากนั้น หลังจากที่หลิน เฟิงจัดการเรื่องที่พักให้พวกเขาได้แล้วนั้น ฟลิน เฟิงก็เลยบอกให้พวกเขาไปพักผ่อนก่อนหนึ่งวันก่อนจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้
“คนอื่นๆไปพักได้ แต่นายต้องมากับฉัน” หลิน เฟิงพาตู๋ กังไปที่หลังบ้านของเขา
หลังจากนั้นเพียงครู่ พวกเขาก็มาถึงสนามหลังบ้าน และทันทีที่พวกเขามาถึง ตู๋ กังกลับสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของตรงนี้ แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าทำไม
“พี่ตู๋กัง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” จากนั้นก็มีเสียงทักดังขึ้น
ตู๋ กังจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง หวังหาน หวังซื่อและจื้อเฉิงอยู่ที่นี่กันหมด โดยการจัดการของหลิน เฟิง
“ผ่านไปไม่นาน แค่ครึ่งเดือนเองนะเนี่ย แต่พวกนายทุกคนดูดีจัง แล้วนี่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพวกนายสามคนดูต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลยแฮะ” ตู๋กังว่าอย่างสงสัย
ก่อนหน้านี้ หวัง หาน หวัง ซื่อและจื้อเฉิงตอนที่เขาเห็นตอนนั้น ในสายตาของเขานั้นมีร่างกายอ่อนแอ แต่ตอนนี้ท่าทางของพวกเขาดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆ พี่คิดว่าเราต่างจากเดิมงั้นหรือ” หวัง ซื่อกล่าว
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วนี่พวกนายไปทำอะไรกันมาหรือเปล่าเนี่ย ดูเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะ” ตู๋กังรู้สึกงงสุดๆ
“พี่ต้องถามพี่เฟิงแล้วล่ะ เพราะพี่เฟิงเป็นคนจัดการทุกอย่าง” หวัง หานว่าพลางยิ้มๆ
“หลิน เฟิง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย” ตู๋ กังจ้องไปที่หลิน เฟิงก่อนจะถามขึ้น
“ไว้ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้นายฟังทีหลังนะ ตู๋ กัง นายสู้กับหวัง ซื่อทีสิ อยากดูว่านายจะใช้ทักษะวิญญาณไม่ได้หรือเปล่าและก็ไปสู้กับสัตว์คู่หูเพื่อดูว่าใครจะแกร่งกว่ากันและใครที่อ่อนแอกว่ากัน” หลิน เฟิงกล่าว
“นั่นล่ะประเด็น และผมจะต้องชนะให้ได้” หวัง ซื่อกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ไม่น่าจะ...”
0 ความคิดเห็น