RC:บทที่ 226 เกราะรบระดับต่ำ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 226 เกราะรบระดับต่ำ


“แต่ว่าคุณจะทำให้เร็วขึ้นได้ไหม เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ผมต้องการมันเร็วๆ เพื่อให้ผมได้อนุมัติได้ไวขึ้น” การเช่าที่ผืนนั้นสำหรับหลิน เฟิงไม่ต้องใช้เงินมากนัก เพราะภูเขาลูกดังกล่าวถึงเป็นภูเขาที่แห้งแล้งแต่ก็มีต้นไม้


หลังบ้านของหลิน เฟิงดูจะเล็กลงไปถนัดตาเลยในตอนนี้ ต้นองุ่นหนึ่งหรือสองร้อยต้นก็กินพื้นที่เต็มแล้ว ไหนจะต้นไม้อื่นๆอีก ไหนจะพวกสัตว์ พื้นที่หลังบ้านจึงดูเล็กเกินไปแล้ว


“ไม่น่าใช่เรื่องยากอยู่แล้ว แล้วเธออยากจะเช่าภูเขาสักกี่ลูกกันล่ะ” ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้น 


“มาดูเถอะครับ” ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงจึงนำแผนที่ที่เขาเป็นคนวาดเองออกมา แม้จะดูเรียบง่ายและหยาบไปบ้าง แต่ทว่าผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ที่นี่มามากกว่าสิบปี เขารู้จักพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของที่นี่เป็นอย่างดีเพียงเห็นแค่แวบเดียว


ในขณะเดียวกันนั้น บนแผนที่มีวงกลมสองวง วงหนึ่งใหญ่ วงหนึ่งเล็ก โดยที่วงกลมวงใหญ่วงล้อมรอบวงกลมเล็ก


“เห็นวงกลมวงเล็กนี้มั้ยครับ นี่คือสถานที่ที่ผมอยากจะเช่าในตอนนี้ และที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่ด้วย เหมาะเลยที่จะต่อยอดการพัฒนาของผมในตอนนี้” หลิน เฟิงว่า


สถานที่ที่อยู่ในวงกลมเล็กนั้นจริงๆคือส่วนหลังบ้านของครอบครัวหลิน เฟิง ถัดออกไปอีกไม่กี่ไมล์นั้นคลอบคลุมพื้นที่ภูเขาไปมากกว่าสิบลูก รวมถึงหุบเขาราชาหมาป่าซึ่งราชาหมาป่าขาวเคยอาศัยอยู่


“ใหญ่ขนาดนั้นเชียว” ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกแปลกใจ เขาคิดว่าสถานที่ที่หลิน เฟิงจะเช่านั้นเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าสถานที่ที่หลิน เฟิงต้องการจะเช่านั้นกลับใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้เป็นสิบเท่า


“ใช่ครับ ก็ใหญ่อยู่” หลิน เฟิงยืนยัน


“งั้น วงกลมนั้นมันหมายความว่ายังไง” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามอีกครั้ง


“วงกลมใหญ่นั่นคือส่วนที่ผมจะหาเงินมาได้อย่างเพียงพอในอนาคต ผมจะเช่าในขอบเขตของวงกลมใหญ่นี้” แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงกลับมีแผนการใหญ่อยู่ เมื่อใดที่เขาไปถึงจุดที่แน่นอนแล้ว เขาก็จะเริ่มดำเนินการเลย


“จะทำได้ยังไง ที่ออกจะใหญ่แบบนั้น ไม่ต้องบอกเลยว่าทางในเมืองจะอนุมัติหรือเปล่า และแม้แต่ทางจังหวัดเองอาจจะไม่เห็นด้วยด้วยซ้ำ และในวงกลมที่เธอวาดเนี่ยยังมีหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน รวมถึงครอบครัวคนอื่นๆเขาอีก เช่าไม่ได้หรอก” ผู้ใหญ่บ้านวิเคราะห์ 


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับชาวบ้านอยู่แล้ว บางทีผมอาจจะกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านก็ได้ แล้วคุณยังจะคิดว่าการเช่าพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนั้นจะเป็นไปไม่ได้หรือครับ” ดวงตาของหลิน เฟิงเป็นประกาย ในตอนนี้นั้น ผู้ใหญ่บ้านเองก็รู้สึกได้ว่าหลิน เฟิงไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา แต่ทว่าเรื่องภูเขายังไงก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้


“ฮ่าๆ ผมพูดเล่นหรอก ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราไม่อาจคาดเดาได้อยู่แล้ว ไว้พูดกันทีหลังแล้วกันนะ แล้วว่าแต่ ในวงกลมเล็กๆนี่ คุณสามารถทำเรื่องได้นานแค่ไหน” หลิน เฟิงถามขึ้น


“สักสัปดาห์หนึ่ง สัปดาห์หนึ่งนี่เร็วสุดแล้ว ช้าสุดก็คงครึ่งเดือน” ผู้ใหญ่บ้านคิดก่อนจะว่าขึ้น


“อืม เวลาเกือบจะเท่ากับที่ผมคิดไว้เลย เอาตามนั้นครับ”


“คนทั้งสองคนนี้คือผู้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้แก่หมู่บ้านลั่วหยาง หลิน เฟิง เขาจบจากมหาวิทยาลัย วิชาเอกวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ผู้ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจในการต่อเติมบ้านหลังจากเรียนจบแล้ว... หลิว หยวนจี้ ผู้ใหญ่บ้าน เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านคนดีที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคนในหมู่บ้าน...” เพียงหลังจากที่บทสนทนาระหว่างหลิน เฟิงและผู้ใหญ่บ้านจบลง พวกเขาก็ได้ยินคำพูดแนะนำตัวหลิน เฟิงและผู้ใหญ่บ้านจากในทีวี


“เอ่อ จะแนะนำตัวกันมากเกินไปหน่อยล่ะนั่น” หลิน เฟิงพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่


 “สมแล้วที่เราจะพูดได้ว่าหลิน เฟิงนั้นมีความรู้อย่างมืออาชีพในกระบวนการการบำบัดทางสิ่งแวดล้อม ทั้งโรงงานบำบัดขยะและบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูลของเขานั้นได้แก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในหลายๆหมู่บ้านได้เป็นผลสำเร็จ เช่น หมู่บ้านจิ้งชุ่ย ที่ที่หกคือหมู่บ้านผิงหยาน และหมู่บ้านอื่นๆ ทุกอย่างนี้ล้วนแต่เป็นความอนุเคราะห์อันแสนยิ่งใหญ่จากหลิน เฟิง...”


“ฮ่าๆๆ ดูสิ นายดังใหญ่แล้วนะ” ผู้ใหญ่บ้านขำลั่น


“เป็นคนดังอะไรกันล่ะ เป็นคนดังที่จัดการกับพวกขยะงั้นหรือ” หลิน เฟิงยิ้มฝืนๆ


“เอ่อ เสี่ยวเฟิง ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อนนะ ต้องไปทำเรื่องติดต่อกับเบื้องบนน่ะ เพราะเดี๋ยวฉันก็ต้องไปทำงานในเมืองแล้ว ฉันเองก็จะคอยช่วยงานนายอยู่ แต่ว่าเช่าพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนั้นก็ต้องใช้เงินเยอะอยู่นะ” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว


“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ผมคิดถึงปัญหาพวกนี้ไว้แล้ว” หลิน เฟิงว่าขึ้น


“งั้นฉันขอกลับก่อนล่ะ ลันลันลา ลันลันลา” ผู้ใหญ่บ้านเดินจากหลิน เฟิงไปพลางทำตัวเหมือนกับเด็กๆ


หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านกลับไป หลิน เฟิงจึงไปที่ที่เก็บขยะและบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูล


ในตอนนี้ ที่เก็บขยะนั้นมีขยะสะสมอยู่มากมาย รมถึงบ่อบำบัดของเสียเองก็มีสิ่งปฏิกูลสั่งสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเพียงพอต่อการสกัดเอาน้ำยาวิวัฒนาการและน้ำยาเติบโตออกมาได้อีกเยอะเลย


เมื่อหลิน เฟิงเดินเข้าไป เขาก็ได้เห็นคนงานมากมายกำลังทำงานอยู่ โดยเมื่อพวกเขาเห็นหลิน เฟิงเข้ามา แต่ละคนจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานมากขึ้น


จนตอนนี้ ที่เก็บขยะที่ได้รับการสร้างนั้นมีขนาดใหญ่มาก โดยจะแบ่งเป็นสี่ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือที่สิ่งปฏิกูล ส่วนที่สองคือที่เก็บพวกแก้ว ส่วนที่สามคือที่เก็บพวกผักและเปลือกผลไม้และส่วนที่สี่คือที่เก็บพวกเศษกระดาษ


ที่หลิน เฟิงรู้สึกแปลกใจก็คือ เขายังเก็บกองผ้าเก่าๆซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าสิบตันไว้ด้วย


หลิน เฟิงเองด้วยความอยากรู้ เขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาพลางชี้ไปที่กองผ้านั่น


“ติ๊ง คุณพบเศษผ้า ต้องการจัดการกับมันไหม”


“จัดการซะ”


ช่วงเวลาต่อมา


“ติ๊ง เศษผ้านั้นสกัดออกมาได้ 13 ตัน ได้เป็นเกราะระดับต่ำ เอาหรือไม่”


“เกราะสงครามระดับต่ำงั้นหรือ” หลิน เฟิงแปลกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า


หลิน เฟิงมองไปที่หน้าจอก่อนจะดูของใหม่ที่ว่านั่น มันเป็นเสื้อที่มีลักษณะแปลกๆ ดูเหมือนกับชุดเกราะที่ใช้ในการรบ แต่กลับนุ่มและไม่แข็งเท่ากับเกราะที่ใช้ในสนามรบจริงๆ


เกราะชิ้นนี้นั้นสกัดออกมาจากกองเศษผ้าซึ่งทำให้หลิน เฟิงเข้าใจหลุมดำในมือถือของเขาได้ลึกขึ้น


เศษปฏิกูลจะถูกแปรรูปเป็นน้ำยาวิวัฒนาการและน้ำยาเติบโต ในขณะที่แก้วจะแปรรูปออกมาเป็นแหวนมิติ ส่วนผลไม้กับผักนั้นสามารถสกัดออกมาเป็นผลไม้หรือเมล็ดพันธุ์และอื่นๆ


ตอนนี้ การบำบัดขยะเหลือใช้อย่างเสื้อผ้านั้นก็ได้ออกมาเป็นชุดเกราะลักษณะแปลกๆ


หลิน เฟิงจ้องไปที่ชุดนั้นในมือถือของเขาก่อนจะใช้มือออกคำสั่งมัน


“ติ๊ง ชุดเกราะระดับต่ำ โดยชุดเกราะสามารถเปลี่ยนเป็นเกราะใช้รบได้โดยการใช้พลังวิญญาณ และไม่สามารถทำลายได้ จะเอาหรือไม่” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์


“เปลี่ยนเป็นชุดเกราะ” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจก่อนจะรับมันมา


จากนั้นชุดเกราะก็ปรากฏขึ้นก่อนจะหล่นมาที่มือของหลิน เฟิง พลันเขาก็รู้สึกได้ถึงชุดเกราะที่นิ่มมาก และดูไม่เหมือนชุดเกราะที่จะกันพลังโจมตีใดๆได้เลย


“ชุดนี้สามารถเปลี่ยนเป็นชุดเกราะพร้อมรบได้โดยการใช้พลังวิญญาณ งั้นก็ลองดู” จากนั้นหลิน เฟิงจึงส่งพลังวิญญาณลงไปบนเกราะ พลันชุดเกราะนั้นก็หายไปในทันที


เมื่อชุดเกราะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันก็มาอยู่บนตัวหลิน เฟิงแล้ว ในตอนนี้ จากชุดเกราะแสนนุ่มนิ่มกลับกลายเป็นแข็งกระด้างราวกับเสกได้


“ชุดเกราะเวทย์มนต์อะไรกันนี่” หลิน เฟิงว่าอย่างประหลาดใจ


จากนั้นเขาจึงใช้พลังของตนโจมตีเกราะนี้ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดราวกับว่ามันได้ดูดซึมพลังนี้เข้าไป


หลังจากนั้น พละกำลังก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ต่อมา จึงรู้สึกเริ่มเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย


“เกราะนี้จะทนกับพลังได้มากสุดที่ระดับ C แต่อาจป้องกันระดับ B ได้ไม่ดีนัก” หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง หลิน เฟิงจึงเอ่ยขึ้น


“แต่นี่เป็นแค่เกราะระดับต่ำ แต่ถ้าเป็นเกราะระดับกลางล่ะก็ จะต่างออกไปไหมนะ” หลิน เฟิงคิดจากนั้นร่างทั้งร่างก็สั่นไปด้วยความตื่นเต้น


“ดูเหมือนว่าการก่อสร้างที่เก็บขยะจะต้องขยายขึ้นแล้ว แต่ขยะที่เราส่งออกในหมู่บ้านพวกนี้มันเยอะเกินไป ดูแล้วคงต้องดูพื้นที่อื่นไว้ด้วย” หลิน เฟิงคิดในใจ


กริ๊งๆ กริ๊งๆ


ทันใดนั้นเอง มือถือของหลิน เฟิงก็ส่งเสียงขึ้น และเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น