RC:บทที่ 101 ต้นกำเนิดมังกรดำ
“มังกรดำ เคารพนายท่าน ต้องขอบคุณนายท่านที่ได้ให้โอกาส ข้าได้กลายร่าง!”
เมื่อหลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองมังกรดำที่บินอยู่บนอากาศ เขาก็พูดขึ้นมาทันทีทั้งที่อยู่ใต้หัวของมัน
“มังกรดำงั้นหรือ? มังกร?” เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของมังกรดำ หลินเฟิงมองดู มันเหมือนมังกรที่เป็นสัญลักษณ์ในตำนานของจีน
มีเรื่องเล่าว่า งูตัวหนึ่งสามารถที่จะกลายร่างเป็นงูหลามได้หลังจากการฝึกฝนตนหลายๆ ปี งูหลามเองก็สามารถที่จะกลายร่างเป็นมังกรวารีได้จากการฝึกฝนตนหลายๆ ปีเช่นกัน และมังกรวารีสามารถที่จะกลายร่างเป็นมังกรจริงๆ ได้หลังจากการฝึกตนเป็นเวลาหลายพันปี มันก็เป็นเรื่องจริง
ในเวลานี้ มังกรดำนั้นลอยอยู่เบื้องหน้าของหลินเฟิง มันช่างน่าเหลือเชื่อ
เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่งามสง่าของมังกรดำแล้ว หลินเฟิงก็เอื้อมมือไปสัมผัสมังกรดำอย่างไม่รู้ตัว
โฮ!
มังกรดำร้องออกมาด้วยเสียงของมังกร และบินหนีไป มันบินวนรอบหลินเฟิงอยู่หลายครั้ง จากนั้นมันก็ใช้ร่างที่ยาวกว่าสิบเมตรของมันรัดหลินเฟิงไว้ตรงกลางและแผ่หัวออกมาตรงหน้าของหลินเฟิง
มือของหลินเฟิงสัมผัสกับแก้ม หนวด หงอน และส่วนอื่นๆ ของมังกรดำ และรู้สึกได้ถึงผิวสัมผัสที่ขรุขระของมัน
“จริงๆ ด้วย นี่มันคือมังกรดำนี่นา ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตำนานจะเป็นจริงได้!” ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะเริ่มยอมรับได้แล้วว่ามีมังกรอยู่จริงบนโลกนี้
แต่เมื่อเห็นเข้าจริงๆแล้ว มันกลับเป็นคนละความรู้สึกซึ่งมันน่าตกตะลึงมาก
ดวงตาที่ดูมีอำนาจนี้ คนทั่วไปคงไม่กล้าที่จะมองมัน และยังเต็มไปด้วยพลังที่กดขี่ของมังกรสูงส่ง มันยังคงกดขี่เสี่ยวเฮ่ยและซานหลงที่อยู่บนพื้นดิน
“สวัสดี พวกเราจะได้เป็นคู่หู ให้ฉันเรียกนายว่า เสี่ยวหลงก็แล้วกัน!” หลินเฟิงกล่าว
“ขอบคุณที่ตั้งชื่อให้ข้า!” มังกรดำกล่าวและก้มหัวลง
“ฉันขอแนะนำพวกเขาให้นายได้รู้จัก สองตัวนี้เป็นคู่หู่ของเรา นี่คือเสี่ยวเฮ่ยและนี่คือเสี่ยวเจี๋ย!” หลินเฟิงกล่าว
เสี่ยวเฮ่ยนั้นเป็นชื่อที่หลินเฟิงตั้งให้เมื่อครั้งที่มันยังไม่ได้เป็นสัตว์วิญญาณ เพราะว่าร่างกายทั้งหมดของมันนั้นเป็นสีดำ!
ส่วนเสี่ยวเจี๋ยนั้นเป็นชื่อที่หลินเฟิงเคยใช้เรียก มังกรเกราะ ซานหลง เพราะซานหลงนั้นตัวใหญ่
โฮก!
ทันใดนั้น ก็เกิดอาการบางอย่าง ซานหลงคำรามเหมือนเสียงเสือกึ่งมังกรดังขึ้น
มันดูหมือนจะโกรธ
กรงเล็บด้านหน้าทั้งสองข้างของซานหลงจิกลงกับพื้นดิน ราวกับว่ามันกำลังพยายามที่จะหนีจากพลังของมังกรสีดำ
“เกิดอะไรขึ้นกับมันอย่างนั้นหรือ?” หลินเฟิงถามขึ้นอย่างสงสัย
“ทำไม เจ้าถึงได้ต่อต้านอำนาจของข้า!” มังกรดำก็ประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อแสงสีดำจากตาของมังกรดำส่องไปที่ร่างของซานหลง ร่างของซานหลงที่ผุดขึ้นมาก็ถูกกดลงไปที่พื้นดินโดยทันที
“ข้ารู้แล้ว นายท่าน เพราะซานหลงมีสายเลือดมังกรอยู่ในร่าง แต่เป็นสายเลือดมังกรตะวันตก มันจึงขัดขืนอำนาจของมังกรอย่างข้า” มังกรดำกล่าว
“แต่เลือดของสายพันธุ์นี้ไม่บริสุทธิ์ หรือมันต้องการที่หยุดพลังมังกรของข้า!” มังกรดำตัดสินออกมา
“อะไรคือเลือดไม่บริสุทธิ์?” หลินเฟิงยังคงไม่เข้าใจ
“เลือดบริสุทธิ์ นั่นก็คือ พ่อแม่เป็นมังกรแท้ เลือดของซานหลงกลายพันธุ์ได้ข้ามสายพันธุ์มาหลายรุ่นแล้ว และไม่เคยถูกปลุกขึ้นมา จนบัดนี้ ตัวที่ตื่นขึ้นมานี้เป็นสายเลือดไม่บริสุทธิ์” มังกรดำกล่าว
“แล้วฉันต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้มันบริสุทธิ์ได้?” หลินเฟิงถามขึ้นอีกครั้ง
“มันก็ขึ้นอยู่กับการตื่นขึ้นของการกลายพันธุ์ และน้ำยาวิเศษที่ได้รับมาจากนายท่านก็จะสามารถอัพเกรดมาสู่ระดับนั้นได้ ถ้ามันสามารถที่จะพัฒนาได้ในอนาคตมันก็จะกลายเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์” มังกรดำดูเหมือนจะรู้ทุกสิ่งซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เลือดของเจ้าบริสุทธิ์หรือเปล่า?” หลินเฟิงคิดถึงปัญหาขึ้นมาทันที
“แน่นอน แต่เลือดของข้านั้นมันยังไม่ถูกปลุกขึ้นอย่างเต็มที่!” มังกรดำตอบ
“เลือดของเจ้าบริสุทธิ์งั้นหรอ? พ่อแม่ของเจ้าเป็นมังกรแท้ๆ หรือไม่? แต่ลูกมังกรก็ควรจะต้องเป็นมังกรไม่ใช่หรือ? แต่เจ้ากลับเหมือนกับงูเลยนะในตอนแรก!” หลินเฟิงรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“นายท่านได้พูดถูกต้องแล้ว แต่สถานการณ์ของข้านั้นมันไม่เหมือนกัน ข้าเป็นเพียงแค่งูแต่เลือดของข้านั้นมันเป็นเลือดมังกร!”
“นี่เจ้าหมายถึงอะไรกัน!”
“ข้ามันก็แค่งูธรรมดาตัวหนึ่ง แต่ถูกกลุ่มมนุษย์จับเอาไปทำการทดลองและได้ฉีดเลือดมังกรแท้ให้กับพวกเรา มีหลายตัวที่ไม่สามารถทนทานต่อความรุนแรงของเลือดตระกูลมังกรได้!”
“และข้าก็เป็นเพียงหนึ่งในลูกงูจำนวนนับโหลที่เกือบจะตายและมีชีวิตรอด โดยการหลอมรวมเลือดนี้ให้เกิดภูมิปัญญาและส่งต่อความทรงจำของมังกร ดังนั้นข้าจึงหนีมาได้!”
“แต่ข้าก็ยังไม่ใช่มังกรที่แท้จริง แม้เลือดสายนี้สามารถหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นข้าถึงยังคงอยู่ติดอยู่ในช่วงสัตว์กึ่งวิญญาณมาตั้งนานหลายปี ต้องขอบคุณน้ำยาวิเศษของนายท่านที่ทำให้ข้าสามารถพัฒนาเป็นสัตว์วิญญาณที่แท้จริงได้!”
เมื่อหลินเฟิงได้ฟังดังนั้น เขาก็เข้าใจในคำพูดของมังกรดำได้ทันที สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลาดใจก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของมังกรดำ
แต่เมื่อหลินเฟิง ได้ถามเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์ได้จับพวกมันไว้เพื่อทำการทดลอง มังกรดำไม่ยอมปริปากแต่พูดเพียงแค่ว่ามันเป็นองค์กรก่อการร้ายที่เลวร้ายมาก และหลินเฟิงก็ไม่อาจที่จะไปแตะต้องมันได้ อย่างไรก็ตาม ในจินตนาการของหลินเฟิงนั้น สิ่งที่พวกมนุษย์ได้ใช้เลือดมังกรเพื่อทำการทดลองนั้นมันทำให้รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก มันคงไม่ดีที่จะให้มังกรดำรื้อฟื้นเรื่องนี้ ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่ถามอีกต่อไป
หลังจากนั้นหลินเฟิงได้บอกให้มังกรดำเก็บพลังลงไป เสี่ยวเฮ่ยและซานหลงจึงได้ลุกขึ้นยืน
ทั้งสองมองไปที่เจ้ามังกรสีดำและสายตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวเฮ่ยซึ่งพวกมันไม่อาจต่อต้านได้เลย
พวกมันมีพลังสัตว์วิญญาณอยู่ในระดับต่ำเหมือนกัน แต่ช่องว่างนั้นช่างใหญ่นัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของสายเลือด
“เจ้าช่างตัวใหญ่นัก ยาวสักสิบเมตรได้มั้ง มันดูน่ากลัวเล็กน้อย ลองตัวเล็กกว่านี้หน่อยไหม” เมื่อมองไปที่ร่างสีดำที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตร หลินเฟิงเองก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
“ขอรับ นายท่าน!”
ร่างของมังกรดำบินขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่บินวนอยู่หลายรอบ ตัวมันก็เล็กลงอย่างถนัดตา จนในที่สุดมันก็มีขนาดเพียงเท่าฝ่ามือและจากนั้นก็บินเข้าไปในหว่างคิ้วของหลินเฟิง
“อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น?” หลินเฟิงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นายท่าน นี่เป็นพื้นที่สำหรับสัตว์นักสู้และสัตว์วิญญาณที่ย่อส่วนได้ทุกตัวนั้นสามารถที่จะเอาจิตวิญญาณเข้ามาในนี้ได้!”
เสียงของมังกรดำกังวานขึ้นในใจของหลินเฟิง
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฟิงจึงจำได้ทันทีว่าเมื่อเขากำลังต่อสู้กับหว่อหยูนั้น ค้างคาวผีของเขานั้นได้บินออกมาจากตรงหว่างคิ้วของเขา และในตอนนั้นหลินเฟิงก็คิดว่ามันแปลก จนในตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว
ภายใต้คำแนะนำของมังกรดำ หลินเฟิงยังคงพยายามที่จะนำเสี่ยวเฮ่ยกับเสี่ยวเจี๋ยเข้าไปและนำพวกมันออกมา และจากนั้นเขาก็กลับไปนอน
เสี่ยวเฮ่ยและเสี่ยวเจี๋ยถูกหลินเฟิงปล่อยให้อยู่ที่สนามหลังบ้านเพื่อเฝ้าองุ่นและไก่ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนอน
วันต่อมา หลินเฟิงก็ตื่นสายอีกแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้เขาเหนื่อยมาก เขาฝันอีกแล้ว และเป็นความฝันแบบเดิมเขาจึงหลับจนถึงเที่ยง
หลังจากที่ตื่นขึ้นและแต่งตัวแล้ว เขาได้ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าออกไป วันนี้เขากำลังไปที่ตัวอำเภอเพราะว่ามีนัด
แต่ก่อนที่จะไปถึงนัดเขาคิดจะแวะซื้อเสื้อผ้าที่ดูเหมาะสม เพราะเขาไม่สามารถที่จะสวมเสื้อผ้าที่เก่าเป็นผ้าขี้ริ้วไปตามนัดได้เพราะมันช่างดูน่าอับอาย
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็มาถึงตัวอำเภอ เขาจอดรถและเขาก็พบว่ามีร้านขายเสื้อผ้าอยู่มากมาย
0 ความคิดเห็น