CF:บทที่ 664 อันตราย
อักขระ อู๋ฮ่าวเหรินพบอักขระบนเครื่องดังกล่าวที่ซึ่งไม่ได้ใช้พลังงานไปจนหมด
ตาของเขาเปิดกว้าขณะจ้องมองไปยังคำๆนั้น มันรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ สติเขาก็กลับมาอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าคำตรงหน้านี่คืออะไร หดหู่จังแฮะ”
แต่เมื่อคิดถึงโลกอนาคตที่ซึ่งผู้คนต่างเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีจนไปถึงระดับสุดยอด และเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะต้องเรียนเกี่ยวกับอักขระของโบราณสถานแห่งนี้ด้วย ดังนั้นแล้วอู๋ฮ่าวเหรินจึงรีบเอาอักขระดังกล่าวใส่เข้าไปในกลุ่มซองแดงทันที
“ดูนี่ นี่คือข้อความที่ชาวอารยธรรมทิ้งไว้ มันแปลว่าอะไรน่ะ?”
“นักวิจัยน่าจะมีข้อมูลเรื่องนี้นะ” นักธุรกิจพลังงานพูด
“รอก่อนนะ จะตรวจสอบให้….อ๊ะ เหมือนฉันจะเข้าไม่ถึงแฮะ เดี๋ยวจะลองให้อาจารย์ของฉันดูให้ละกัน”
“ดี ถ้ารู้แล้วบอกด้วยล่ะ”
หลังจากออกมาจากกลุ่มซองแดงอู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าหลูวหยู่นั้นยืนอยู่หน้าเครื่องมือนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าหญิงสาวตัวเล็กนี้กำลังค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างบนโบราณสถานแห่งนี้อยู่ ท่าทางตัวตนของเธอคงไม่ใช่ชนชั้นผู้น้อยแล้วสิ
แล้วก็นั่น อูริส ดูเหมือนว่าเขากำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ เขาเอาทุกอย่างที่เขาต้องการและหยิบขึ้นมาซ้อนๆกันไว้
“ดูแล้วนายน่าจะมีหลายอย่างที่อยากได้สินะ แล้วจะเอาออกไปยังไงล่ะ”
“ก็ใช่...ฉันเองก็ไม่รู้จะเอาออกไปยังไงเหมือนกัน” อูริสพูดด้วยสีหน้าเศร้า
จากนั้นเขาก็เข้าไปคุ้ยหาของที่ซ้อนๆไว้ว่าพอจะมีสิ่งไหนออกอกไปได้บ้าง
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหน้า ของพวกนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ถ้าจะเอาออกไป บางทีอาจจะพอขายให้กับพวกที่ชอบสะสมของจากโบราณสถานได้
“ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรที่พอใช้ได้ที่นี่แล้ว ไปต่อแล้วดูกันว่ามีอะไรรออยู่อีก”
ทั้งสามเดินไปยังด้านหน้าและตรงไปยังแก่นกลางของโบราณสถานที่แท้จริง ซึ่งที่นั่นมีสิ่งดีๆมากมายรออยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของอู๋ฮ่าวเหรินในตอนนี้ก็คือเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ส่วนสิ่งของอย่างอื่นก็ค่อยมาดูทีหลัง หลังจากที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
“ฮึ่ม...”
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสามเองก็มองเหนือโบราณสถานขึ้นไป แสงสีฟ้าสว่างโล่ขึ้นบนท้องฟ้า
“นั่นมัน...สมบัติเหรอ?” อูริสอุทาน
“นั่นไม่ใช่สมบัติ นั่นคือการโจมตีที่มาจากโบราณสถาน ระวังตัวด้วย บางคนคงจะตายจากการโจมตีนี้ เห็นชัดเลยว่าโบราณสถานแห่งนี้ยังไม่ปลอดภัยนัก”
สถานการณ์แบบนี้ มันไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่คนพวกนั้นให้มา ให้ได้ชัดเลยว่านี่คงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านพลังงานตามกำหนดของที่นี่แล้ว
ในตอนนั้น ณ จุดที่แสงสีฟ้าปรากฏ ผู้คนมากมายไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้วิ่งหนีได้
แสงดังกล่าวทอดตัวขึ้นไปสูงกว่า 10 เมตร ราวกับเป็นหอคอยแสงก็มิปาน รอบๆหอคอยแสงนั้นจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีคนมากมายที่ยังคงเข้าไปดูมันอยู่
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นดูเหมือนถูกแช่แข็งไปแล้ว ไม่มีใครขยับ ทั่วทั้งร่างนิ่งสงัดเหมือนรูปปั้น
ใช่แล้ว พวกเขาได้ตายไปแล้ว และสิ่งที่ฆ่าพวกเขาก็คือแสงสีฟ้านั่นแหละ
ภายในหอคอยแสงนั้นมีปราการทรงคล้ายบ้านอยู่ และทางเข้าบ้านหลังนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับหอคอยแสงนั้นด้วย
ในการที่จะเข้าไปภายในห้องนั้น พวกเขาต้องฝ่าหอคอยแสงเข้าไป นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนพวกนั้นถึงกลายเป็นรูปปั้น แต่ยังไม่รู้ว่าทำไมพอโดนแสงนั่นถึงกลายเป็นรูปปั้นได้
มองแสงสีฟ้าที่หายวับไปอู๋ฮ่าวเหรินและพรรคพวกก็รีบเดินทางไปและไปหยุดอีกทีหลังจากผ่านมาไม่ไกลนัก
“ข้างหน้าอันตราย”
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังเหตุกาณณ์ตรงหน้า เรียกแผนที่จากอนาคตออกมาและหยุดพวกเขาไว้
จากนั้นเขาก็ใช้อาวุธในมือโจมตีเข้าไปสิ่งที่ดูสูงใหญ่ตรงหน้าเขา
ทันใดนั้นกระสุนพลังงานที่เล็กพอๆกับนิ้วมือก็ถูกยิงออกมาจากรอบๆวัตถุนั้นอย่างรวดเร็ว
“ดูๆแล้วมันก็ไม่ได้อันตรายมากนะ แสงนั่นก็ดูไม่เท่าไหร่”
อูริสมองไปยังกำแพงที่โดนกระสุนลำแสงนั้นโจมตี ที่ดูไม่มีริ้วรอยอะไรเลยก่อนจะพูดขึ้น
อู๋ฮ่าวเหรินหยิบเอาชิ้นส่วนของอุปกรณ์ของเขาซึ่งเป็นเหล็กหนาออกมาและโยนเข้าไปภายในนั้น
ในจังหวะที่อุปกรณ์ชิ้นนั้นได้สัมผัสกับลำแสง อูริสก็ตาโตรวมไปถึงจังงังไปในทันที
“น..นี่มันแกร่งสุดๆเลยนี่หว่า โชคดีที่ฉันไม่ได้เดินเข้าไป ดีไม่ดีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองก็ป้องกันการโจมตีประเภทนี้ไม่ได้ด้วย”
อุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กหนานั้นหายวั้บไปกับตาด้วยการโจมตีของรังสีพลังงานทันทีที่อะไรก็ตามเข้าไปในนั้น
แสงนั่นก็ดูไม่ทรงพลังจริงๆนั่นแหละ...แต่เหมือนว่ามันจะคอยย่อยทุกสิ่งอย่างที่เข้าไปเลยมากกว่า
“แล้วคราวนี้จะทำยังไง? เราต้องเข้าไปในนั้นและการที่จะเข้าไปต้องผ่านทางนี้เท่านั้น”
อู๋ฮ่าวเหรินมองขึ้นไปด้านบน ในความเป็นจริงเขารู้อยู่แล้วแหละว่าการที่จะเข้าไปในอนาคตก็คือรอให้พลังงานมันหมดก่อนก็จะสามารถเข้าไปได้อย่างปลอดภัย
เพราะงั้นแล้ว ตราบใดก็ตามที่โบราณสถานแห่งนี้ยังมีพลังงานเหลือเพียงพอ ก็จะมีผู้คนล้มตายเรื่อยๆจนไม่สามารถสำรวจโบราณสถานได้สำเร็จแน่ๆ
แน่นอนว่าเพราะหลายสิ่งหลายอย่างยังทำงานปกติ ทำให้ระบบการป้องกันตัว ณ โบราณสถานแห่งนี้มันต่างออกไปกับตอนที่ไม่มีพลังงานอยู่แล้วมากๆ
หลายสิ่งหลายอย่างที่จะถูกทำลายไปด้วยพลังงานอวกาศหลังจากที่พลังงานของโบราณสถานแห่งนี้หมดไปเมื่อมันไปอยู่ในจักรวาลอื่นๆ
“มีคนกำลังมา” หลูวหยู่เตือน
อู๋ฮ่าวเหรินตกใจและหันกลับไปมอง ซึ่งมันก็มีใครเข้ามาจริงๆและเขาไม่สามารถหาที่ซ่อนได้ในเวลานั้น
คนพวกนั้นเคยเจออู๋ฮ่าวเหรินแล้วที่ด้านนอก และดูเหมือนว่าทางที่พวกนั้นเลือกจะไปต่อไม่ได้ ดังนั้นเลยต้องกลับมาทางนี้
หลายๆคนมองไปยังอู๋ฮ่าวเหรินและเมื่อพวกเขามองไปยังอูริส ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมียักษ์ใหญ่แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เท่ากับมีอูริส
“โชคดีของพวกนาย 3 คนจริงๆ ดูจะเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดีนะ”
ทั้งสามที่มานั้นดูไม่ได้สนใจพวกเขานัก เพียงแค่ยืนเฉยๆและมองกลับมาเท่านั้น
บางทีพวกเขาอาจจะระวังตัวอยู่ คนเหล่านี้ไม่ได้พูดกับอู๋ฮ่าวเหรินก่อนจะเดินไปข้างหน้า
“มันจะดีกว่าถ้าไม่ไปข้างหน้านะ ไม่งั้นอาจจะตายก็ได้นะ”
“นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดี” เขาพูด
“หา นายพูดอะไรน่ะ?”
“มีอันตรายอยู่ตรงหน้า”
“ก็รู้ว่าอันตราย อันนี้รู้อยู่แล้ว พวกเราเจออันตรายมามากมายตลอดทาง และเรายังรอดมาได้จนถึงตรงนี้ ถ้านายไม่เข้า พวกฉันจะเข้าไป แล้วอย่ามาโทษว่าเราขโมยไปล่ะ”
“ถ้าคิดว่าเข้าได้ก็เชิญเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินหยุดอูริสไว้และพูดกับพวกนั้น คนเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
โดยเฉพาะ การที่นัยน์ตาของ 1 ในคนเหล่านั้น ถึงแม้จะหลบซ่อนได้ดีขนาดไหน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่ที่แสดงความโลภออกมาเมื่อเห็นอูริส
อูริสมองไปยังพวกคนที่เดินเข้าไป เขาอยากจะเตือนอีกครั้งแต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ห้ามเขาไว้ก่อน
“พวกโง่ 3 คนนั้นคงไม่รู้ว่าจะเข้ามายังไง พวกนั้นคงแค่โชคดี เอาแต่กลัวอันตรายเล็กน้อยแล้วจะไปหวังหาสิ่งดีๆได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าการที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่มีค่าน่ะมันก็ต้องกล้าเสี่ยงกันบ้าง และแน่นอน เหมือนพวกเรายังไงล่ะ ระวังตัวเองด้วยล่ะ”
“ตาย”
“ตายอะไร?”
“นายกำลังจะตาย!!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อเห็นว่าแขนของชายที่เข้าไปคนแรกกำลังละลายเหมือนน้ำแข็งและหายไปอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสามที่กำลังเข้าไป ถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้เขารอดจากการโจมตีนั่นได้ แม้จะต้องเสียเขนไปข้างหนึ่งก็ถือว่าดีกว่าเสียไปทั้งตัว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“ฉันเตือนนายแล้วว่าข้างในมันอันตราย และพวกนายก็เพิ่งจะเข้าไปกัน แล้วตอนนี้พวกนายก็กลายเป็นพวกที่กลัวที่จะตายกันแล้วสินะ”
ทั้งสามคนที่รอดมาได้นั้น ยามได้ฟังคำพูดของอูริสก็รีบมองมาที่เขาทันที
“มานี่”
มองไปยังทั้งสามที่ยกอาวุธขึ้นและชี้ไปยังตัวพวกเขาเอง ซึ่งนั่นทำให้ตัวอูริสชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธแทน
0 ความคิดเห็น