CF:บทที่ 651 เผชิญหน้า
จากห้องเก็บอุปกรณ์ อู๋ฮ่าวเหรินก็เดินทางต่อด้วยความระมัดระวัง
“แปลก ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันต้องมีหุ่นยนต์มากกว่านี้”
“ไร้สาระน่า จุดต่อไปนั้นต้องเป็นใจกลางของโบราณสถานแล้ว แน่นอนว่ามันมีหุ่นยนต์อยู่เป็นจำนวนมาก เพราะงั้นแล้วเราสามารถดูระดับอารยธรรมได้จากความแข็งแกร่งของหุ่นยนต์พวกนั้นเลยนะ”
ชายชุดเกราะพูด “คนที่สร้างหุ่นพวกนี้ไม่ได้มีความสามารถสูงนัก นายก็เห็นใช่ไหม? ว่าพวกมันทำงานตามคำสั่ง แถมยังดูงุ่มง่ามอีกด้วย แต่เรื่องนั้นน่ะไม่มีอะไรหรอก สิ่งที่น่าสนใจคือวัตถุดิบที่สร้างมันต่างหาก มันน่าจับตามองมากๆเลย ดูท่าว่าในสมัยที่มันยังรุ่งเรืองอยู่ ที่นี่น่าจะเป็นที่ที่ร่ำรวยในระดับหนึ่งเลย”
“ใช่แล้ว หุ่นยนต์พวกนี้จะแข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีกถ้าฉันสร้างให้ใหม่นะ น่าเสียดายจริงๆที่ตอนนี้มันก็เป็นได้แค่ของเหลือ วัตถุดิบดีๆทั้งนั้น” นักธุรกิจพลังงานพูดเสริม
ชัดเจนเลยว่าคนพวกนี้ไม่ได้รู้สึกเดือดดาลเลยที่เอาวัตถุดิบชั้นยอดเหล่านี้มาสร้างหุ่นยนต์กากๆ
“มันช่วยไม่ได้นี่ ในยุคนั้นวัตถุดิบที่เอามาทำหุ่นยนต์พวกนี้มันแทบจะเป็นของที่หาได้ทั่วไปเลย ผู้คนที่อยู่ในยุคนั้นเองก็คงจะไม่ได้เรียนการสร้างและออกแบบสิ่งที่สวยงามด้วย เอาจริงๆฉันเองก็ไม่คิดว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในยุคนั้นจะดีเลิศนักหรอก”
มันไม่ใช่ความเรื่องไร้สาระหรอก เพราะตลอดทางที่เขาระวังตัวเองมากๆ เขาสังเกตุหุ่นยนต์ทั้งหมดที่ได้พบแล้วว่า พวกมันส่วนใหญ่ก็แค่รับคำสั่งไปเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ดูเหมือนกับหุ่นยนต์ที่อยู่บนโลกสุดๆ
ยิ่งสำหรับหุ่นยนต์แบบมี AI เป็นของตัวเอง เขาไม่ได้เจอมันเลยในที่แห่งนี้ มันน่าแปลกที่ ที่แห่งนี้นั้นเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมายซึ่งแต่ละชิ้นก็จัดว่าอยู่ในระดับสุดยอด ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมถึงมีแต่หุ่นยนต์ทั่วๆไปในนี้
นีกวิจัยพูดขึ้นมา “นายคงยังไม่ได้เรียนเกี่ยวกับข้อมูลของโลกโบราณสินะ ถ้ายังไงช่วยเลิกพูดเรื่องนี้ซักที โชคดีนะที่นายไม่ได้อยู่ในกลุ่มนักวิจัยเช่นพวกเรา ไม่เช่นนั้นนายกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว”
“พูดอย่างงี้แสดงว่านายรู้สินะว่าทำไม”
“นั่นเป็นเพราะสงคราม นายต้องรู้ว่าถ้าเกิดทุกอารยธรรมใช้หุ่นยนต์ AI ในสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอารยธรรมจักรกล นายคิดว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้นกันล่ะ? เพราะฉะนั้นในโบราณกาล ผู้คนจึงไม่ได้สนใจที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ที่มี AI กัน เอาจริงๆเรียกว่าไม่เต็มใจพัฒนาเลยก็ได้”
“นั่นแหละคือสิ่งที่กังวลกัน เป็นเหตุผลว่าทำไมไม่รีบพัฒนาหุ่นยนต์ AI ในยุคนั้น นายน่าจะเห็นแล้วใช่ไหม ว่า AI ทั้งหลายพัฒนาและกระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของอวกาศเลย”
“อธิบายง่ายๆเลยนะ ในยุคของพวกเรานั้นไม่มีอารยธรรมจักรกลอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกังวลปัญหาที่เคยเกิดในยุคโบราณ คือในความเป็นจริง AI ที่พวกเราใช้มันก็มาจากโบราณสถานอารยธรรมจักรกลนั่นแหละ”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม หากอารยธรรมพวกนี้สามารถควบคุม AI ได้ล่ะก็ มันคงเป็นอะไรที่น่ากลัวมากแน่ๆ
คุณรู้อะไรหรือเปล่า ว่าแอพพลิเคชั่นอัจฉริยะที่พวกเราใช้ๆกันอยู่ทั่วจักรวาลเนี่ย ถ้าเกิดว่าทุกคนสามารถควบคุมมันได้ มันสามารถทำให้จักรวาลเกิดความโกลาหลได้ในทันทีเลยนะ
หลังจากเดินมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็หยุดและมองไปตรงหน้าด้วยความตกใจ
ใครบางคน ไม่สิ กลุ่มคนบางกลุ่มกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่บริเวณห้องที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกลออกไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมถึงมีคนอยู่ที่นี่?”
เมื่อผู้คนในกลุ่มซองแดงรู้สถานการณ์ทางฝั่งเขา มันก็ทำให้พวกเขาเกิดตกใจขึ้นมาเหมือนกัน
“ฉันควรจะทำยังไงดี? ถ้าเกิดเข้าไปจะต้องทำให้พวกนั้นรู้ตัวแน่ๆ หรือว่าควรจะหาทางอื่น?”
“ควรจะเป็นอย่างหลัง แต่เส้นทางอื่นก็ไกลจากนี่อยู่นะ แถมไม่ปลอดภัยซักเท่าไหร่ด้วย”
กลุ่มคนที่อู๋ฮ่าวเหรินเห็นนั้นกำลังจัดการภารกิจของพวกเขาเองตามที่ได้ข้อมูลมาจากตัวโบราณสถาน
พวกนี้คือกลุ่มที่นับว่าเจ๋งกลุ่มนึงที่ได้เข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้ เพราะว่าพวกเขาเพิ่งจะจัดการภารกิจแรกเสร็จและในตอนนี้พวกเขากำลังดำเนินภารกิจที่ 2 กันอยู่
ในห้องนั้น คนพวกนี้กำลังดูภารกิจที่มอบหมายอยู่อย่างเคร่งครัด โดยปราศจากลังเลรวมไปถึงตื่นเต้นด้วย
นั่นเพราะว่าในภารกิจแรก พวกเขาได้ผลประโยชน์จากโบราณสถานแห่งนี้ช่วยไว้ และรอบนี้ภารกิจนั้นเชื่อมโยงไปถึงอาวุธ แสดงว่าสิ่งที่จะได้ตามมาต้องเกี่ยวข้องกับอาวุธแน่ๆ
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไปยุ่งย่ามกับทีมอื่นหรอก นั่นเพราะเห็นแล้วว่ามีบางส่วนถูกทดสอบและฆ่าทิ้งโดยโบราณสถานแห่งนี้
และคนเหล่านี้ก็ยังไม่รู้ว่ามีคนที่อยู่ใกล้ๆพวกเขา ไม่ห่างออกไป เป็นผู้แหกกฏทุกอย่างของโบราณสถาน...ผู้ที่กำลัง ถูกจ้องมองจากยานเหาะเหนือหัวพวกเขา
“ถ้านายเปลี่ยนเส้นทางล่ะก็ นายต้องโดนเจ้ายานนั่นยิงจนพรุนเป็นรังผึ้งแน่ๆ แต่ในกรณีที่เข้าไปใกล้จุดนั้นมากๆ นายก็อาจจะโดนจับได้เหมือนกัน”
เป็นที่รู้กันว่าฟังก์ชั่นของยานเหาะนั่นคือการตรวจตรา แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่อยากจะเสี่ยง เวลานี้ปัญหาเกิดขึ้นกับเขาแล้ว มีคนอยู่ที่นี่ และทำให้เขาต้องตามไปทีหลัง
หากจะโจมตียานเหาะแล้วแสร้งทำเป็นอุบัติเหตุ โอกาศที่จะได้เข้าไปในห้องนั้นอาจจะน้อยกว่าเดิมอีก
“ถ้างั้นลองใช้อาวุธระยะไกลก่อน แต่ถ้าไม่ได้ ก็เอาหุ่นยนต์เข้าไปโจมตีระยะประชิดเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้าและนำเจ้ายักษ์ออกมาจากที่เก็บของ จากนั้นก็ให้พวกมันสนับสนุนจากระยะไกล
มิสไซล์แรงอัดพลังงานถูกยิงออกมาตามคำสั่งที่มอบหมายไว้
นาทีต่อมาก็เกิดแสงสว่างว่าบขึ้น มิสไซล์พวกนั้นเข้าเป้าที่เป็นยานเหาะแล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน โล่พลังงานปัดป้องมิสไซล์เหล่านั้นให้ระเบิดไปก่อนจะเข้าโจมตีได้
อย่างไรก็ตาม การโจมตีนั้นมันก็ทำให้คนที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ภายใต้ยานเหาะนั้นต้องตกตะลึงไปตามๆกัน
“ชิทท!! ฉันไม่ได้ทำพลาดนะ! ดูเหมือนว่าจะมีคนโจมตียานด้านบนอยู่ตอนนี้!”
“ใช่ ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น! ให้ตายเถอะ เจ้าบ้านั่นตายรึยังนะ?”
นึกย้อนกลับไปนิดหน่อย ตอนที่มีคนทำลายยานเหาะแล้วก็โชคร้ายถูกฆ่าไปด้วย
พวกเขารู้ว่าตราบใดก็ตามที่ยานเหาะถูกทำลาย คนที่อยู่ละแวกนั้นก็จะโดนกำจัดไปด้วย มันเป็นอะไรที่ไม่มีเหตุผลสุดๆ ไม่มีเหตุผลที่จะพูด…
“บ้าเอ้ย เราต้องรีบๆทำแล้วรีบๆไปต่อแล้วล่ะ!”
ซักคนในกลุ่มเริ่มจะเร่งเร้าแล้ว เพราะในเมื่อมีใครเปิดฉากโจมตีด้านบนแล้ว เพราะงั้นพวกเขาต้องรีบปิดฉากภารกิจให้ทันก่อนที่ยานจะถูกทำลายและรีบๆไปจากจุดหนีเสียที
ไม่งั้นแล้ว ถ้ายานถูกทำลายก่อน พวกเขาก็จะถูกกำจัดตามไปเหมือนกลุ่มอื่นๆ…
“ให้ตายสิ ไม่เอานะ! ฉันยังไม่อยากตาย!!”
“แล้วทำไมไอ้คนที่โจมตีนั่นไม่โดนโบราณสถานนี่เขี่ยทิ้งล่ะ?”
“ถ้าอยากรู้นายจะลองดูก็ได้นะ”
“เห้ย! ก็แค่สงสัย ฉันไม่ได้โง่นะเฟ้ย!”
ไม่มีใครอยากจะลองหาเหตุผลให้เรื่องนี้หรอก สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้ ก็คือเร่งมือให้ภารกิจนี้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาจะทำให้คนพวกนั้นเป็นบ้าได้ขนาดนี้
มองไปยังการโจมตีระยะไกลที่โดนสะกัดไว้ เขาไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะโบราณสถานแห่งนี้มีการป้องกันที่สมบูรณ์แบบหรือเป็นเพราะระยะมันไกลเกินไปจนมันมีเวลาเตรียมตัวป้องกันกันแน่
ดอกแรกไม่ได้ผล แต่มันก็ยังยอมแพ้ไม่ได้ หุ่นยนต์ติดอาวุธหนักมุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่ที่ยานเหาะลอยอยู่อย่างรวดเร็ว
เมื่อหุ่นยนต์ของเขาเริ่มออกวิ่ง อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบหาที่ซ่อนเพื่อกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้
10 วินาทีต่อมา ภายใต้ความโกลาหลของผู้คนและเสียงระเบิด ยานเหาะได้หายไปจากน่านฟ้าบริเวณนั้นอีกครั้งแล้ว
และในเวลาเดียวกัน กลุ่มคนพวกนั้นก็หายไปแทน
บริเวณห้องดังกล่าวนั้น ณ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว รวมถึงยานเหาะที่เฝ้าห้องนั้นก็ถูกกำจัดไปแล้วด้วย ในหัวเขาเต็มไปด้วยเรื่องให้คิดเต็มไปหมดเลย
ถึงเขาจะไม่มั่นใจว่าการโจมตีก่อนหน้าและภาพสุดท้ายที่เห็นจะเกี่ยวข้องกันยังไง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้เขาค่อนข้างจะมั่นใจแล้วว่า เมื่อไหร่ที่ยานเหาะนั้นถูกทำลาย คนที่อยู่บริเวณนั้นก็จะหายไปด้วย
เขาไม่รู้เลยว่า หากมีคนตายหรือถูกส่งไปนอกโบราณสถาน ไม่ว่าจะกรณีไหน เขาควรจะเริ่มระวังตัวหากคิดจะทำอะไรแบบนี้อีกครั้งแล้ว
เพราะถ้าคราวนี้เขาถูกตรวจเจอ นั่นหมายถึงปัญหาใหญ่ได้มาถึงแล้ว
0 ความคิดเห็น