CF:บทที่ 590 ลักพาตัว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 590 ลักพาตัว

 

มูสทำสำเร็จ, หลักจากที่มองส่งคนพวกนั้นกลับไป, เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา, คนพวกนี้มันช่างโลภกันจริงๆ

 

พวกเขาเพิ่งเห็นแผนการแท้ๆ, แต่พวกเขากลับพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากที่ยึดครองฟิวเจอร์กรุ๊ปไว้ได้เสียแล้ว

 

"พวกคนโลภทุกคนมักจะระแวดระวังเหมือนหนูหากต้องเป็นคนจ่าย, แต่พอเป็นได้รับผลประโยชน์จะกลับโหยกระหายอย่างกับปลาฉลามยังไงอย่างงั้น, น่าเสียดายที่คนพวกนี้ยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเสวยสุข

 

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการพลังของพวกเขา, มูสคงจะดำเนินการตามแผนนี้ด้วยตัวเขาเองไปแล้ว, คนของเขานั้นได้แฝงตัวอยู่ในเมืองที่อู๋ฮ่าวเหรินอาศัยอยู่แล้ว, พวกเขาขาดแค่ข้อมูลบางอย่างเท่านั้น

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยที่ไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนที่คิดจะทำอะไรบางอย่างกับเธออยู่, ในช่วงที่ผ่านมาที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่อยู่นั้น เธอเองก็ค่อยๆปรับตัวกับชีวิตแบบนี้แล้ว

 

อย่างที่อู๋ฮ่าวเหรินว่าไว้, หลังจากที่ปล่อยหลายๆอย่างให้ศูนย์กลางสมองกลจัดการ, เธอก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย

 

เมื่อเธอเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ของโลกนี้, เธอจึงเริ่มที่จะเข้าใจสามีของเธอขึ้นมาว่าทำไมเขาต้องพยายามพัฒนาเทคโนโลยีของโลกอย่างต่อเนื่องแบบนั้น

 

เธอไม่คิดว่าสีสันของจักรวาลนั้นอันตรายมาก, และสิ่งมีชีวิตมนุษย์ไม่ต่างอะไรไปจากมดในจักรวาลนี้

 

ยืนอยู่บนอาคารลอยฟ้าของฟิวเจอร์กรุ๊ป, มองดูยานขนส่งที่วิ่งกันอย่างขวักไขว่และหุ่นยนต์มากมายจากไกลๆ, หลิงเมิงเสวี่ยนั้นแข็งแกร่งขึ้น

 

เธอนั้นเปลี่ยนไป, เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้เป้าหมายในชีวิต, และเธอก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ต้องคอยให้คนอื่นมาดูแลเธออีกต่อไปแล้ว

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัวของเธอ, ต่อหน้าอู๋ฮ่าวเหรินเธอถึงได้กลับกลายเป็นตัวตนเดิมของเธอ

 

เซี่ยเสวี่ยเคาะประตูแล้วพูดขึ้น "คุณหลิงคะ, นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการค่ะ"

 

"เอาเข้ามาได้เลย, มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงนี้บ้างมั๊ย?"

 

"ไม่ค่ะ"

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยผงกหัว, ตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินจะออกเดินทางนั้น, เขาก็ได้บอกกับเธอว่าสหภาพมนุษย์นั้นเพิ่งจะก่อตั้ง, และจะต้องมีคนที่คิดจะก่อปัญหาขึ้นในเวลานี้แน่, ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องระวังไว้ให้ดี

 

มีกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ถูกจัดการ, และเศรษฐีบางคนที่ต้องสูญเสียสถานะของตัวเองไป, ถ้าพวกเขาไม่คิดจะเอาคืน มันก็แปลกแล้ว

 

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่าหากเขายังอยู่บนโลก, คนพวกนี้คงก็ไม่กล้าที่จะลงมือ

 

ก่อนออกเดินทางไปแค่ใจกลางของทางช้างเผือก, เขาจึงได้อธิบายสถานการณ์ในหลิงเมิ่งเสวี่ยฟัง, เพื่อดูว่าหลิงเมิงเสวี่ยนั้นจะจัดการกับปัญหานี้เองได้มั๊ย?

 

ถ้าไม่ได้, เขาก็คงจำเป็นต้องไปที่สหพันธรัฐจักรวาลหลังจากที่เข้าจัดการกับปัญหาบนโลกเสร็จแล้ว

 

จริงๆแล้ว, มันเป็นเรื่องยากมากที่จะซ่อนอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์บนโลกในปัจจุบันจากอู๋ฮ่าวเหรินได้

 

เพราะคนมากกว่าครึ่งบนโลกนั้นได้ใช้สมองกล, และสมองกลนั้นจะทำการเชื่อมต่อศูนย์กลางสมองกลอยู่ตลอด

 

หากมีข่าวร้ายสำหรับอู๋ฮ่าวเหรินขึ้นมา, ข่าวเหล่านี้จะถูกแจ้งให้กับอู๋ฮ่าวเหรินได้รับทราบทันที

 

โดยหลังจากที่จี้ได้ทำการวิเคราะห์และประมวลผลแล้ว, จะรู้ได้ทันทีว่าข่าวนี้เป็นข่าวจริงหรือเท็จ

 

เครือข่ายจับตาดูขนาดใหญ่เช่นนี้ทำให้ใครหลายคนต้องถูกจับโดยหุ่นยนต์ตรวจตราบนโลกก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือด้วยซ้ำ

 

ทันทีที่แผนของมูสได้เริ่มเตรียมวางแผนการ, ศูนย์กลางสมองกลก็ได้แจ้งล่วงหน้าถึงสถานการณ์นี้ทันที

 

จากนั้น, ระบบศูนย์กลางสมองกลก็ได้เริ่มดำเนินการเพื่อตามหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทันที

 

หากมีเงื่อนงำอะไรเหลือทิ้งเอาไว้และพบโดยศูนย์กลางสมองกลแล้ว, ไม่นานพวกเขานั้นจะถูกตามตัวพบแหละหมายหัวไว้ทันจากข้อมูลที่บันทึกเอาไว้

 

นอกจากนี้, ด้วยการร่วมมือของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด, ทำให้สามารถได้ข้อมูลของคนเหล่านี้มาอย่างรวดเร็ว

 

เพราะว่ามีคนน้อยนักบนโลกที่ไม่ได้สวมอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด, โดยเฉพาะหลังจากที่เทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ถูกนำมาเปิดเผยนั้น, เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่เคยซ่อนตัวอยู่ในประเทศเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป

 

เพราะการวิจัยของพวกเขานั้น, หากเทียบกับเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ถูกเปิดเผยแล้ว มันไม่ต่างอะไรไปจากของเล่นเด็ก

 

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่อู๋ฮ่าวเหรินได้เผยแพร่ออกมานั้นได้สร้างผลกระทบให้อย่างมากกับนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้

 

มูสนั้นไม่ได้รู้เลยว่าแผนการของเขาที่วางเอาไว้นั้นได้ถูกล่วงรู้แล้ว, และผู้คนที่เกี่ยวข้องต่างก็ถูกจับตาดูหมดแล้ว

 

ทันทีที่เซี่ยเสวี่ยได้เดินออกไป, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้รับจากแจ้งเตือนจากศูนย์กลางสมองกล

 

เมื่อเธอดูข้อมูลที่ศูนย์กลางสมองกลได้รวบรวมมา, สีหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนไป

 

"รวบรวมข้อมูลก่อน,

อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น, หามาให้ได้ว่ามีกี่คนที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครั้งนี้"

 

หลิงเมิงเสวี่ยคิดว่าคนพวกนี้ช่างโลภมากกันเสียจริงๆ, เป็นเพราะว่าเรื่องของการหลอมรวมโลกครั้งใหญ่, ทำให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้เอาใจใส่กับคนเหล่านี้จริงจังมากนัก

 

อย่างไรก็ตามเพราะในบางนโยบายนั้น, ทำให้คนพวกนี้ได้มากกว่าคนธรรมดา

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาตั้งใจที่จะทำงานอย่างหนักและจากสถานการณ์ของพวกเขาเอง, มันจึงเป็นไปได้ที่พวกเขานั้นจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจและเป็นเศรษฐีในสหภาพมนุษย์ได้ในอนาคต

 

แต่แน่นอนว่า, คนพวกนี้ไม่ยอมที่จะเสียแต่อยากจะได้ผลประโยชน์อย่างเดียว, ถึงได้เลือกเส้นทางที่เป็นดั่งจุดจบเช่นนี้

 

ชีวิตประจำวันของหลิงเมิ่งเสวี่ยวนั้นธรรมดามาก, เธออยู่ในบริษัทเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อจัดการปัญหาต่างๆ, แล้วจากนั้นจึงไปหาปู่กับย่าของเธอและทำอาหารให้พ่อแม่ของอู๋ฮ่าวเหรินที่บ้าน

 

แน่นอนว่า, แม่ของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอาหารคนเดียว, และคอยช่วยเธอทำอาหารอยู่ข้างๆ

 

ดังนั้น, คนส่วนมากจึงสามารถที่จะระบุตำแหน่งที่อยู่ของหลิงเมิ่งเสวี่ยได้ไม่ยาก

 

ในตอนแรกของแผนการของมูสนั้น, เขาวางแผนที่จะจับตัวพ่อกับแม่ของอู๋ฮ่าวเหรินไว้เป็นตัวประกัน, แต่ต่อมาก็พบว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้สำเร็จ, เพราะเหล่าหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยพวกนั้นจัดการได้ยากมาก

 

แต่เมื่อเขารู้ถึงสถานการณ์ของหลิงเมิ่งเสวี่ย, เขาก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นหลิงเมิ่งเสวี่ยแทน

 

ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า, ตัวตนของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะทำให้หลิงเมิงเสวี่ยนั้นมีปัญหาได้

 

ในความคิดของมูสนั้น, หลิงเมิ่งเสวี่ยอาศัยอยู่ในเมืองนั้นแท้ๆ ทั้งๆที่ควรจะมีการรักษาความปลอดภัยของเธอที่สูง, แต่กลับไม่พบการ์ดอยู่ใกล้ๆตัวเธอเลย

 

ซึ่งจริงๆแล้วเธอนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้, ถ้าเธอนั้นแข็งแกร่งกว่าหุ่นยนต์เหล่านั้น, จะให้หุ่นยนต์พวกนั้นมาปกป้องเธอทำไม

 

แน่นอนว่า, หลิงเมิงเสวี่ยนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าหุ่นยนต์หรอก, แต่ถ้าไม่ลืมเรื่องของขวัญแต่งงานที่เป็นชุดเกราะผู้หญิงที่มนุษย์ชุดเกราะได้ให้มา, ในเวลานี้หลิงเมิงเสวี่ยนั้นได้เป็นเจ้าของมันแล้ว

 

ถ้าหลิงเมิ่งเสวี่ยสวมชุดเกราะนี้, แม้แต่อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่อาจที่จะต่อกรกับเธอได้, อาจจะพูดได้ว่าชุดเกราะชุดนี้นั้น หากไม่ใช่อาวุธพิเศษแล้ว, คงไม่สามารถที่จะฆ่าหลิงเมิ่งเสวี่ยได้

 

และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา, มูสและพรรคพวกจึงได้ลงมือกันอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลานี้, ทั่วทั้งโลกไม่มีการปิดกั้นเขตแดน, ทำให้สามารถเข้าออกทุกที่บนโลกตามใจชอบ

 

ดังนั้นผู้คนที่ถูกส่งมาโดยมูสนั้นจึงสามารถเข้ามาในเมืองอวิ๋นหลงอย่างง่ายดาย

 

แน่นอนว่า, ไม่ใช่คนเหล่านี้เป็นผู้ลงมือ, เป้าหมายหลังของพวกเขานั้นคือเข้ายึดครอง, หลังจากที่จับตัวหลิงเมิ่งเสวี่ยได้แล้ว, คนพวกนี้ก็จะลงมือทันที

 

ในครั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมนั้นมาจากประเทศต่างๆ, และส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่สูญเสียจากการเปลี่ยนแปลงนี้

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นเพิ่งกลับมาจากบ้านจากการทำงาน, และมองดูข้อมูลที่จี้ได้รวบรวมมาโดยศูนย์กลางสมองกล, เธอไม่คิดว่าจะมีคนเข้าร่วมกับเรื่องนี้ด้วยมากถึงขนาดนี้

 

เมื่อคิดว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะกลับมาในอีก 2 วัน, เธอจึงตั้งใจที่จะจัดการเรื่องนี้ก่อนที่อู๋ฮ่าวเหรินจะกลับมาเพื่อที่จะให้อู๋ฮ่าวเหรินได้เห็นความสามารถของเธอ

 

มีเสียงดังขึ้นมาจากตรงหน้าเธอ, เธอมองเห็นแสงไฟอยู่ตรงหน้าเธอจึงได้หยุดรถเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ในเวลานี้, มีกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังแสงไฟนั้นและพบว่าหลิงเมิ่งเสวี่ยลงจากรถมาคนเดียว, จึงคิดว่าแผนการของพวกเขานั้นสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

 

"เป้าหมายปรากฏตัวแล้วและอยู่กำลังมาทางพวกแล้ว, เตรียมตัวให้พร้อม, พวกคุณจะต้องเข้าจำกุมเป้าหมายอย่างรวดเร็วและออกจากเมืองไปพร้อมกับเป้าหมายให้ได้โดยไว"

 

เป็นไปอย่างที่คนพวกนี้ได้พูดไว้, หลิงเมิ่งเสวี่ยเดินเข้าไปหาและได้รับการเตือนมาจากศูนย์กลางสมองกล

 

ในเมืองนี้, ทุกคนที่ได้เข้าใกล้กับหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นจะถูกจับตามองโดยศูนย์กลางสมองกลทันที, คนพวกนี้คิดว่าพวกเขาจะลงมือได้อย่างปลอดภัย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า, ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้หลิงเมิ่งเสวี่ย ตัวตนของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว

 

เมื่อเห็นหลิงเมิ่งเสวี่ยเดินมาทางพวกเขา, ก็มีเสียงร้องของผู้หญิงดังเข้าหูหลิงเมิ่งเสวี่ยราวกับว่ากำลังเรียกร้องให้เธอช่วย

 

แล้วคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆนั้น, ก็ได้โผล่ออกมาล้อมหลิงเมิ่งเสวี่ยเอาไว้ทันที



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น