CF:บทที่ 591 ซูเปอร์วูแมน
"คุณหลิงเมิ่งเสวี่ย, ได้โปรดอย่าขยับและตามพวกเรามาแต่โดยดี"
คนเหล่านี้สุภาพมาก, แต่เมื่อเห็นอาวุธในมือของพวกเขา, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้ส่ายหัวของเธอทันที
"ทำไมฉันถึงจะต้องไปกับพวกคุณด้วย? ก่อนที่พวกคุณจะมาจับตัวฉันเนี่ย พวกคุณไม่ได้ทำความเข้าใจในสถานการณ์ของเมืองนี้กันก่อนเลยรึไงนะ?"
ชายคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเธอได้หันปากกระบอกปืนมาทางหลิงเมิ่งเสวี่ยและพูดขึ้น "แน่นอน, พวกเรารู้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีคุณอยู่กับพวกเรา ผมเชื่อว่าอาวุธพวกนั้นคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้าโจมตีมาทางพวกเราแน่"
เขาโบกไม้โบกมือให้กับคนที่เหลืออีก 2 คนและพูดขึ้น "ไปเอารถมาและรีบหนีไปจากที่นี่กัน"
"พวกคุณไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่า ทำไมถึงไม่มีหุ่นยนต์คุ้มกันอยู่รอบๆตัวฉันเลย? ดูเหมือนว่าคนที่ส่งพวกคุณมาก็คงจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยสินะ"
ทันทีที่หลิงเมิ่งเสวี่ยพูดจบ, ร่างกายของเธอก็ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะโลหะสีเงินทันที
เมื่อเห็นว่าสถานการ์เป็นเช่นนี้, เหล่าคนที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ลังเลที่จะยิงหลิงเมิ่งเสวี่ยทันที
พวกเขานั้นรู้ดีว่าถ้าหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นหลุดรอดจากการควบคุมของพวกเขาได้, อาวุธต่างๆในเมืองนี้จะเล็งเป้ามาจัดการพวกเขาทันทีโดยไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นผง
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องตกตะลึง, เพราะกระสุนเหล่านั้นเมื่อโดนกระทบกับชุดเกราะสีเงินของหลิงเมิ่งเสวี่ยมันก็กระดอนออกไปไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน, ส่วนกระสุนที่กระดอนออกไปนั้นโดนเข้ากับคนที่อยู่ใกล้ๆเธอแทน
"อ๊าก!"
"บ้าเอ๊ย, พวกเราพลาดแล้ว, รีบหนีออกจากที่นี่เร็ว"
"ตุบ!"
ชายคนหนึ่งทำสายตาแบบตื่นตะลึง, เมื่อเห็นคนๆหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ, ร่างกายของหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นลอยอยู่กลางอากาศ
เธอกระโดดถีบใส่ชายคนนั้นทันที, แต่ทว่าเธอไม่คิดว่าด้วยพลังของชุดเกราะนี้จะแข็งแกร่งมากถึงขาดนี้ เธอใช้พลังเพียงแค่ 1/10000 เท่านั้น, แต่ชายคนที่ถูกเธอถีบนั้นตายในทันที
"นี่มัน....."
"ยอมแพ้, ผมยอมแพ้แล้ว, ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย..."
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์แล้ว, ชายอีกคนก็ตะโกนขอร้องขึ้นมาทันที, พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
ลำพังอาวุธที่ใช้ป้องกันเมืองอย่างเดียวก็แย่แล้ว, แม้แต่คนที่พวกเขาต้องการจะจับยังฆ่าพวกเขาให้ตายได้อย่างง่ายดาย
คนพวกนี้ไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพหรือทหารรับจ้าง, พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆที่ถูกไหว้วานมา โดยมิอาจทานต่อสิ่งที่ล่อตาล่อใจได้, พวกเขาจึงยอมร่วมลงมือเท่านั้น
และพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าสาวน้อยที่ดูอ่อนแอและบอบบางเช่นนี้จะน่ากลัวถึงขนาดนี้
ในขณะเดียวกัน, พวกเขาก็คิดถึงคนที่ล่อลวงพวกเขาให้มารับหน้าที่นี้ด้วยความโกรธแค้น, ข้อมูลที่พวกเขาได้มานั้นมันไม่ถูกต้องเลยแม้แต่นิดเดียว, เหมือนปล่อยพวกเขาให้มาตายชัดๆ
ส่วนหลิงเมิ่งเสวี่ยกำลังทำความเข้าใจถึงสภาพของชุดเกราะนี้และไม่โจมตีต่อ, ในปัจจุบันพลังของเกราะนี้มันเหนือการควบคุมของเธอ
แน่นอนว่า, เมื่อสวมชุดเกราะนี้บนโลกแล้ว แทบจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ต่อหน้าระเบิดนิวเคลียร์ ก็ทำให้เธอแค่บาดเจ็บเท่านั้น
เมื่อมองดูผู้คนที่นั่งคุกเข่ากุมมือทั้งสองข้างของตัวเองขอร้องเธออยู่นั้น, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้แจ้งให้หุ่นยนต์ที่ล้อมอยู่ออกมาจัดการ
คนพวกนี้น่าจะไม่รู้ถึงกองกำลังป้องกันของเมื่องนี้แน่ๆ, ไม่อย่างงั้นพวกเขาคงไม่ส่งคนมาลักพาตัวเธอในเมืองเช่นนี้
สำหรับเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวของเขานั้น, อู๋ฮ่าวเหรินได้ใช้เทคโนโลยีไฮเทคมากมาย โดยเฉพาะเมืองนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์กลางสมองกล
อาจจะพูดได้ว่าไม่มีใครที่สามารถหนีพ้นการจับตาดูของศูนย์กลางสมองกลไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น, สิ่งแรกที่พวกเขาจะต้องทำตอนเข้ามายังเมืองนี้คือต้องสวมสมองกลและทำการยืนยันตัวตนของพวกเขา
ตั้งแต่เริ่มแรกของปฏิบัติการลักพาตัวที่นี่, เหล่าหุ่นยนต์ก็ได้ออกปฏิบัติการแล้ว
คนพวกนี้ได้เข้าร่วมแผนการครั้งนี้โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าแผนการของพวกเขานั้นได้ถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า, รวมถึงคนที่ได้เตรียมแผนการล่วงหน้าด้วย, ตราบที่อยู่บนโลกนี้ภายใต้การสอดส่องของดาวเทียม, ถ้าพวกเขาถูกหมายหัว ต่อให้อยู่ในฐานทัพลับเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็จะอยู่ภายใต้การจับตาดูของสมองกล
1 วันก่อนปฏิบัติการในครั้งนี้, มูสนั้นได้เข้าไปยังป้อมปราการลับที่เขาได้สร้างขึ้นมาเอง, ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ป้อมปราการลับนี้ถูกค้นพบ เขาได้ขุดช่องทางลับใต้ดินเอาไว้มากมาย
หลังจากที่เข้ามายังป้อมปราการนี้, เส้นทางใต้ดินทั้งหมดถูกระเบิดทิ้งหมดทันที
ถ้าแผนการเกิดพลาดขึ้นมา, เขาก็จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่แล้วหาทางหนีออกจากโลกทีหลัง
เมื่อเขาทราบด้วนวิธีการพิเศษว่าปฏิบัติการด้านนอกนั้นล้มเหลว, เขานั้นไม่มีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด
นั่งลงบนโซฟาหนัง, ในมือถือแก้วไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะและมองดูไฟที่อยู่ในเตาผิง มูสก็คิดไปพลาง
เดิมที, จากการคำนวนของเขาในปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เขาวางแผนเผื่อไว้แค่ชั้นเดียวเท่านั้น, และเพื่อที่จะจัดการในส่วนนั้นเขาจะต้องลงมือด้วย
เพราะว่าจากในเกมนี้, ทำให้เขาเข้าใจดีว่าหากฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังพัฒนาอยู่, ช่วงเวลานั้นจะไม่มีสามารถแย่งเอาฟิวเจอร์กรุ๊ปมาจากคนๆนั้นได้
ดังนั้น, ตอนที่เขาวางแผนการนี้, เขาจึงได้คนมาร่วมมากมายเพื่อที่จะต้องการให้คนพวกนั้นปกปิดตัวตนของเขาเอาไว้
"ไม่คิดเลยว่าขนาดสถานการณ์แบบนี้ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ยังจะแข็งกว่าที่คาดเอาไว้"
เขาหยิบปากกาตรงหน้าเขาขึ้นมา และวาดบางอย่างลงไปในหนังสือที่อยู่บนโต๊ะ, แล้วจากนั้นก็หยิบหนังสือขึ้นมาแล้วไปที่กำแพงข้างหน้า, เปิดเอาอิฐออกมาแล้วโยนหนังสือใส่เข้าไปในช่องนั้นแล้วปิด
"ฮ่าๆ, ตราบใดที่ข้ายังไม่ถูกจับ, ก็ยังจะมีโอกาสเสมอ, ดูเหมือนว่าสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือหาทางออกจากเกมนี้ให้ได้เท่านั้น"
แต่มีสิ่งที่เขาไม่รู้, นั่นคือบนหัวของเขาขึ้นไปนั้นมีหุ่นยนต์สว่านขนาดยักษ์ กับการร่วมมือของหุ่นยนต์วิศวกรรมหลายตัวกำลังช่วยกันขุดลงไปอยู่
ในฐานะที่เป็นคนบงการ, หลิงเมิ่งเสวี่ยจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร, ถึงแม้ว่าสิ่งที่มูสทำนั้นจะถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี, แต่หลายสิ่งหลายอย่างเขาก็ลงมือด้วยตัวเอง
น่าเสียดายที่, เขาไม่รู้ว่าวิทยาการและเทคโนโลยีของอู๋ฮ่าวเหรินมีอยู่นั้นทรงพลังมากแค่ไหน
หุ่นยนต์ตรวจจับขนาดเล็ก, ได้ลงไปตามร่องดินเล็กๆ ไม่นานนักก็พบตำแหน่งของมูส
ชายคนนี้นั้นเป็นคนที่เด็ดขาดมาก, เขานั้นสร้างฐานทัพลับใต้ดินขึ้นมา, โดยที่ไม่ทางเข้าอื่นเลยนอกจากที่เขาเพิ่งระเบิดทิ้งไป
แน่นอนว่า, เขาคิดที่จะอาศัยอยู่ในนี้อยู่สักพัก และรอจนเรื่องสงบลงจึงค่อยหาทางออกมาจากพื้นดิน
ในขณะที่หลิงเมิ่งเสวี่ยกำลังจับผู้ร่วมแผนการอยู่นั้น, ก็ได้มีวิดีโอของหลิงเมิ่งเสวี่ยใส่ชุดเกราะปรากฏขึ้นบนอินเตอร์เน็ท, ซึ่งไม่รู้ว่าใครคือผู้โชคดีที่ผ่านไปตรงนั้นเข้าพอดีและถ่ายวิดีโออัดเอาไว้แล้วจึงอัพขึ้นอินเตอร์เนท
"นี่มันหนังยอดมนุษย์ไม่ใช่เรอะ!"
"ใครบอกคุณว่ากำลังเป็นหนังกัน? นี่มันในเมืองที่ๆสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ปตั้งอยู่นะ, ได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อนมีคนที่ต้องการจะลักพาตัวคุณหลิงเมิ่งเสวี่ยและกลับกลายเป็นว่าถูกจับเสียเอง, จากในวิดีโอจะเห็นว่าคนที่แปลงร่างแล้วบินได้คือคุณหลิงเมิ่งเสวี่ย"
"หา! เป็นไปไม่ได้น่า, สวมชุดเกราะเงินทั้งตัวขนาดนั้นเนี่ยนะ, จะบินบนฟ้าได้อย่างไร?"
"มีอะไรน่าแปลก, ลืมไปแล้วรึไงว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปน่ะมีเทคโนโลยีต่อต้านแรงโน้มถ่วงอยู่นะ, แต่ไอ้การเตะคนๆนึงให้ลอยไปไกลเป็นสิบเมตรเนี่ย, ทำได้อย่างไรกัน อย่างกะซูเปอร์แมนแน่ะ"
ไม่นานนัก, ก็มีหลายคนที่สังเกตว่าหลังจากที่หลิงเมิ่งเสวี่ยแปลงร่างแล้ว, เธอก็เตะชายคนหนึ่งให้ลอยไปได้ไกลถึง 10 เมตร, ยิ่งไปกว่านั้นจากที่เห็นสภาพของชายคนนั้น, คงไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้แล้ว, ถ้านี่ไม่ใช่หนังมันก็ออกจะดูเกินจริงไปหน่อยแล้ว
"เทคโนโลยี มันจะต้องเป็นเทคโนโลยี, ชุดแปลกๆที่เธอสวมอยู่นั้นจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษที่พัฒนาขึ้นมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปแน่ๆ"
"ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ, จากที่เห็นในวิดีโอ, ผลิตภัณฑ์พิเศษชิ้นนี้จะสามารถทำให้คนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้!"
มองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยที่กำลังบินอยู่ในวิดีโอ, หลายคนเมื่อได้ยินว่าผลิตภัณฑ์พิเศษชิ้นนี้พัฒนาขึ้นมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป, ทำให้สายตาของใครหลายคนเปล่งประกายขึ้นมา และมีแบทแมน, ซูเปอร์แมน และอื่นๆปรากฏขึ้นมาในความคิดของพวกเขา
แต่ทว่า, ไม่นานนักพวกเขาก็คิดว่าผลิตภัณฑ์พิเศษชิ้นนี้จะต้องหาซื้อไม่ง่ายแน่ๆ
ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นคงจะไม่เอาผลิตภัณฑ์เช่นนี้ออกมาขายง่ายๆแน่ๆ, แต่ทว่าจากการแสดงพลังของหลิงเมิ่งเสวี่ยทำให้หลายคนเข้าใจว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นแข็งแกร่งจริงๆ
ไม่เพียงแต่จะมียานอวกาศขนาดใหญ่แล้ว, แต่ยังมีอาวุธส่วนบุคคล, ที่ทรงพลังมากพอที่จะทำให้หลายประเทศตกอยู่ในความกลัวได้
ในตอนแรกมีบางคนที่คิดจะใช้กองกำลังที่อู๋ฮ่าวเหรินฝึกมานั้นเพื่อให้ได้อะไรบางอย่างและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์สำหรับพวกเขาเอง
แต่หลังจากที่ได้เห็นการแสดงพลังของหลิงเมิ่งเสวี่ยแล้ว, พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป, ถ้าให้คนกลุ่มหนึ่งสวมชุดรบเช่นนี้, มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหุ่นยนต์เสียอีก
0 ความคิดเห็น