CF:บทที่ 503 กินหลิงเมิ่งเสวี่ย

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 503 กินหลิงเมิ่งเสวี่ย

ในที่สุดการคัดเลือกของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้จบลง, แต่ในเวลานี้สิ่งที่หลายคนสนใจไม่ใช่เรื่องของการคัดเลือกเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกมากกว่า

ในค่ำคืนเดียว, มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในประเทศจีน, ด้วยการลงทุนด้านหุ่นยนต์จำนวนมหาศาล, การถูกไล่ออกของพนักงานกลายมาเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนจากพนักงานแถวล่างให้กลายมาเป็นระดับหัวกะทิ

ถ้านโยบายนี้ไม่ได้ถูกประกาศล่วงหน้าก่อน, ประเทศจีนคงได้ตกอยู่ในสภาวะอลหม่านแน่ในเวลานี้, แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีผลเสียที่ตามอยู่บ้าง

แต่โชคดีที่, ข่าวที่ประกาศออกมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ทำให้ทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงชีวิตในฟิวเจอร์กรุ๊ป, คนเหล่านี้ตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้ในการรู้ในการเรียนรู้เทคโนโลยีล้ำยุคและเข้าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป

ทุกคนต่างก็รู้ว่าถ้าได้เข้าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก, และเพราะเหตุนี้ การปรากฏตัวของเกม "อารยธรรมมนุษย์" ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นก็กลายมาเป็นของที่มีคนแย่งชิงกัน

"ใครก็ตามที่สามารถได้ซื้อเกมอารยธรรม, ข้าขอซื้อต่อ 2 ล้านหยวน"

"ผมมีบ้านอยู่ย่านเจี่ยงซิน, ผมขอแลกบ้านกับโควต้าเกมนี้เลยเอ้า"

"ถ้าใครหาให้ฉันได้, ฉันจะยอมแต่งงานด้วย"

"......"

"ไม่รู้จะบอกว่าพวกคนข้างบนเนี่ยเป็นบ้ากันดีมั๊ยนะ?, เพราะผลประโยชน์มันก็มากมายจริงๆนั่นแหละ"

"ก็เป็นบ้าไปแล้วน่ะสิ, สิ่งของพวกนั้นน่ะมันไร้ประโยชน์, ในตอนนี้น่ะ ไม่มีอะไรที่มีค่ามากกว่าการได้เข้าทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, ขนาดในตลาดมืดยังมีคนที่จะยอมจ่ายเงินให้ถึง 10 ล้านหยวนเพื่อให้ได้เข้าทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปเลยนะ"

ในปัจจุบัน, ทั่วทั้งโลก, มีเหล่านักวิจัยมากายต่างสาขาพากันวิจัยเกมส์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, พวกเขาต่างที่จะอยากรู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นต้องการที่จะทำอะไรกันแน่

ในอนาคต, อู๋ฮ่าวเหรินได้กลับมาจากเมืองทะเลทรายแล้ว, และได้พาหลิวเมิ่งเสวี่ยมายังโรงเรียน

ในโรงเรียน, ยกเว้นอู๋ฮ่าวเหริน, ที่ไม่ได้ทำอะไร, ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการเรียนรู้ความรู้เหล่านี้

มองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยในชุดกระโปรงพลีทสีขาวและสต็อคกิ้งยาวแบบคลุมทั้งขา, ที่กำลังร้องเพลงอย่างตั้งใจอยู่, ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าใครที่ปล่อยให้หลิงเมิ่งเสวี่ยแต่งตัวแบบนี้, มันค่อนข้างเย้ายวนเกินไป, ปราศจากความไร้เดียงสาและซุกซนแบบแต่ก่อน ตอนนี้เธอเปรียบได้กับกุหลาบแรกแย้มที่ดูเร่าร้อน

เอวที่สเลนเดอร์, รูปร่างที่ราวกับปีศาจสาว, และใบหน้าอันงดงาม ที่น่าภาคภูมิใจเหล่านั้น, ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็ต้องหันมาเหลียวมอง

การแต่งตัวน่ารักและไร้เดียงสาแบบแต่ก่อนก็ทำให้หลายคนรู้สึกหลงไหลดีอยู่แล้ว, แต่การแต่งตัวแบบนี้มันทำให้หัวใจผู้ชายต้องรู้สึกหวั่นไหว

ในตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินมาถึงที่นั่น, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้ร้องเพลงจบแล้วและวิ่งมาหาเขาด้วยขาที่เรียวยาวของเธอ

อู๋ฮ่าวเหรินที่สติเพิ่งหลุดลอย ล่องลอยไปตามหัวใจไป, ก็พลันยื่นมือและคว้าตัวของหลิงเมิ่งเสวี่ยเอาไว้แบบไม่ได้ตั้งใจ

หลิงเมิ่งเสวี่ยก็จับมือของอู๋ฮ่าวเหรินแบบอายๆและพูดขึ้นด้วยเสียงราวกับกระดิ่งเงินของเธอ "คุณย่าบอกว่า, ให้คุณกลับมาที่บ้านพร้อมกับฉันด้วยกันวันนี้ เพื่อคุยถึงเรื่องการแต่งงานของเราค่ะ"

"ใครเป็นคนสอนคุณให้แต่งตัวแบบนี้เนี่ย?"

"ฉันจำมาจากในทีวีค่ะ, คุณชอบมันมั๊ยคะ? คุณย่าบอกว่า มันจะทำให้คุณต้องหลงไหลแน่ค่ะ" ในตอนนี้ข้างหลังเขามีเสียงคนพูดคุยกันราวกับเสียงยุงบินไปมา, ช่วยเงียบกันหน่อยเฟร้ย

"มัน, มัน.....เซ็กซี่มาก"

ขณะที่พูดอยู่, อู๋ฮ่าวเหรินก็แอบจูบที่ริมฝีปากแดงของเธอ, ในขณะที่หลิงเมิ่งเสวี่ยตกใจ, เขาก็อุ้มเธอและเดินออกไปข้างนอก

"อ๊า! ปล่อยฉันลง, ฉันบอกให้ปล่อย...."

ใบหน้าของหลิงเมิ่งเสวี่ยที่แดงเหมือนผลแอปเปิ้ล, ก่อนจะไปนั่งบนรถและวิ่งไปด้วยความเร็วสูง, โดยที่ตัวของเธอยังอยู่ในอ้อมแขนของอู๋ฮ่าวเหรินอยู่, เพราะมือที่ไม่อยู่สุขของอู๋ฮ่าวเหริน, ทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นถัดต่อไป

จากนั้นใบหน้าของเธอก็พลันแดงขึ้นมา, และคว้ามือที่ไม่อยู่สุขของอู๋ฮ่าวเหรินเอาไว้

"อย่าขยับนะ, อีกเดี๋ยวก็จะถึงบ้านแล้ว, ฉันโมโหแล้วนะ"

อู๋ฮ่าวเหรินมองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยและก้มหัวลงจูบริมฝีปากที่แดงของเธอ โดยไม่ยอมปล่อยเธอจนกระทั่งหลิงเมิ่งเสวี่ยกลั้นหายใจไม่ไหว

มองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยที่กำลังเขินอาย อู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังรู้สึกดีก็พูดขึ้น "เมื่อกลับไปถึงแล้ว, พวกเราจะกำหนดวันแต่งงานกันนะ"

"อื้ม"

หลิงเมิ่งเสวี่ยหน้าแดง, และกอดอู๋ฮ่าวเหรินและรู้สึกถึงร่างกายอันอบอุ่นของอู๋ฮ่าวเหริน, เธอนั้นมีความสุขมาก

เมื่อตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังที่จะอดใจไว้ไม่ไหว, พวกเขาก็กลับมาถึงบ้านพอดี

ครอบครัวของเขาและของหลิวเมิ่งเสวี่ยนั้นได้รอการกลับมาของพวกเขาอยู่ที่บ้านแล้ว, พวกเขานั้นยินดีมากที่ได้รู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นยอมตกลงที่จะแต่งงานแล้ว

คุณย่าของหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นเคยคิดและเกรงว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะหนีไป, ส่วนครอบครัวของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นก็หวังว่าเขานั้นจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีและอยากที่จะอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว

"แม่ครับ, พ่อครับ, คุณปู่ คุณย่าหลิงครับ, ผมตั้งใจที่จะแต่งงานกับเมิ่งเสวี่ยในเดือนตุลาคมนี้ครับ, พวกคุณคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?"

"ก็เอาตามนั้น, ข้าไม่มีปัญหาอะไร, ยิ่งทั้งสองคนได้แต่งงานกันเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี"

"พวกเราก็ไม่ขัดหรอก, แล้วทางบ้านของฝ่ายหญิงต้องการอะไรเป็นพิเศษมั๊ยครับ? บอกพวกเรามาตอนนี้เลยก็ได้ครับ?"

"พวกเราไม่ต้องการอะไรหรอกจ๊ะ, ขอแค่ฮ่าวเหรินรักเมิ่งเสวี่ยของเราก็พอแล้ว, เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้วจ๊ะ" คุณย่าของหลิงเมิ่งเสวี่ย, พูดพร้อมกับยิ้่ม

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าเรื่องมันจะสำเร็จง่ายถึงขนาดนี้, หลังจากที่การแต่งงานตกลงกันได้แล้ว, เขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำพิธีหมั้นด้วยซ้ำ

มองมาที่ครอบครัวของเขาและปู่กับย่าของหลิงเมิ่งเสวี่ยพูดคุยกันถึงเรื่องงานแต่งงาน, อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและเขาก็พาหลิงเมิ่งเสวี่ยกลับไปยังบ้านของพวกเขา เพื่อที่จะเลือกสถานที่ที่จะใช้แต่งงาน

"เมิ่งเสวี่ย, ลองเลือกดูสิว่าการแต่งงานของพวกเราจะแต่งงานที่ไหนกันดี, นี่คือที่ๆผมเลือกเอาไว้ในปัจจุบัน"

มีทั้งนอกอวกาศ, เมืองทะเลทราย, เมืองบนภูเขาที่ๆอยู่กันในตอนนี้, หรือแม้แต่เมืองแห่งความฝันซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ

หลิงเมิ่งเสวี่ยเอนตัวลงพิงในอ้อมแขนของอู๋ฮ่าวเหริน, และมองดูรูปเมืองต่างๆ ก่อนจะพูดขึ้น "ขอแค่มีคุณอยู่ด้วย, ที่ไหนก็โอเคค่ะ"

อู๋ฮ่าวเหรินอดใจไม่ไหวที่ก้มลงจูบใบหน้าที่น่าหลงไหลของเธอและพูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้นก็เมืองแห่งความฝันละกัน, หลังจากที่เมืองนี้สร้างเสร็จแล้ว, พวกเราจะเป็นคู่แรกที่เข้าไปแต่งงานที่นั่นล่ะ"

แล้วเขาก็เริ่มพูดคุยกับหลิงเมิ่งเสวี่ยถึงระบบการทำงานของเมืองความฝัน, มองมายังหลิงเมิ่งเสวี่ยที่ฟังเขาอย่างตั้งใจ, ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกมีความสุขมากและรุกเข้าหาหลิงเมิ่งเสวี่ยอย่างไม่รู้ตัว

หลิงเมิ่งเสวี่ยรู้สึกได้ถึงมือที่ร้อนของเขา, และดูเหมือนหัวใจของเธอก็เร่าร้อนเช่นกัน, เธอก็ได้บิดตัวเข้าหาอู๋ฮ่าวเหริน

การทำแบบนี้ทำให้ตาของอู๋ฮ่าวเหรินลุกเป็นไฟและก้มลงจูบริมฝีปากแดงของเธออีกที, เขามองดูดวงตาที่สวยงามของหลิงเมิ่งเสวี่ยและรู้สึกคึกคักขึ้นมาเล็กน้อย

หลิงเมิงเสวี่ยที่รู้สึกได้ถึงอาการที่เปลี่ยนไปของอู๋ฮ่าวเหริน, ก็รู้ได้ว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น, จึงได้บอกกับเขาว่า "เข้าบ้านกันเถอะค่ะ, อย่าอยู่ที่นี่เลย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้, อู๋ฮ่าวเหรินก็อุ้มหลิงเมิ่งเสวี่ยเข้าไปในบ้าน ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้, อู๋ฮ่าวเหรินคงจะไม่คิดที่จะทำแบบนี้แน่, น่าจะเป็นเพราะบทสนทนาของหลิวเหม่ยหรูที่สถานีอวกาศที่ได้สร้างความกระทบกระเทือนในใจของเขา

ดังนั้น, เขาจึงคิดที่จะปล่อยตัวเองไปตามใจ และตอนนี้เขาก็ไม่ใช่อู๋ฮ่าวเหรินที่ขี้กังวลอีกแล้ว

มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากในห้อง, แล้วสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิก็กระจายเต็มห้อง และบริเวณโดยรอบได้ถูกปิดกั้น, โดยไม่มีใครที่มากวนเขาได้ในเวลานี้


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น