CF:บทที่ 492 ข้อมูลเมืองใหม่
การประเมินได้ดำเนินการไปเป็นชั่วโมงแล้ว ปัจจุบันจำนวนคนที่ถูกคัดออกมีมากกว่า 160 ล้านคน ในทุก ๆ นาทีผู้คนหลายแสนคนจะถูกคัดออก
ในจำนวนนี้ หลายคนถูกคัดออกโดยสมองแสงส่วนกลางเนื่องจากการโกง
ตอนนี้เว็บไซต์ทางการยุ่งมาก บางคนที่ไม่ได้มีเข้าร่วมการประเมินก็กำลังตอบคำถามที่โถมเข้ามา
"จำนวนผู้ทดสอบลดลงอย่างรวดเร็ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจำนวนผู้รอดไปจนถึงที่สุดอาจเป็นเพียงส่วนน้อยก็ได้"
"มีอะไรแปลกเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ? พวกคนที่ไม่เชื่อในบาปกรรมก็ต้องใช้การโกงเป็นแน่ พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถหลบหนีการเฝ้าระวังของฟิวเจอร์กรุ๊ปไปได้ ฉันกล้าพูดเลยว่าทันทีที่ผู้เข้าร่วมเปิดเว็บไซต์ทางการขึ้นมา คำพูดและการกระทำของเขาจะถูกตรวจสอบโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปทั้งหมด"
"เป็นไปไม่ได้! รู้รึเปล่าว่าจำนวนคนที่เข้าร่วมในการประเมินคือ 1.5 พันล้านคนต้องตรวจสอบผู้คนจำนวนมากในเวลาเดียวกันแบบนี้ ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะทำได้ยังไง?"
“ที่จริงฉันก็สงสัยว่าทำไมผู้คนจำนวนมากเข้าสู่เว็บไซต์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปในเวลาเดียวกันแล้วเว็บไซต์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปถึงไม่ล่มกัน?"
"ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมคอมพิวเตอร์ที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปใช้จึงแตกต่างจากที่เราใช้อย่างสิ้นเชิง ฉันได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งในโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้โดยฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นอัจฉริยะ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้เรียกว่าคอมพิวเตอร์ มันเรียกว่าสมองแสงซึ่งหมายความว่าสามารถทำการประมวลผลเร็วเท่าแสงได้นั่นเอง"
เห็นได้ชัดว่าข่าวนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นดีมาก ๆ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะมันดีขนาดนี้
การประมวลผลความเร็วแสงอาจฟังดูเกินจริง ทว่าพวกเขาก็กล้าที่ใช้ชื่อนี้ มันแสดงว่าการประมวลผลคอมพิวเตอร์ของเขาจะต้องมีทรงประสิทธิภาพมาก
เมื่อคิดถึงเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ ของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว พวกเขาไม่คิดว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะพูดเกินจริงเลย
"แล้วฉันก็อยากจะบอกว่าหลังจากคนเหล่านี้เข้าเมืองที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะผลิตอุปกรณ์สมองแสงด้วย ได้ยินว่าทุกคนที่เข้าเมืองใหม่จะต้องสวมใส่สมองแสงขนาดเล็กด้วย"
"ทำไมกันล่ะ?" มีคนถามอย่างสงสัย
"ฮ่า ๆ ไม่รู้หรอกหรือ ว่าการบริหารจัดการทั้งหมดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นขึ้นอยู่กับสมองแสงส่วนกลาง และการป้องกันภายในนั้นใช้หุ่นยนต์อยู่ ถ้าไม่สวมสมองแสงจะถูกหุ่นยนต์ในนั้นจับกุมตัว"
"ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"
"ฉันก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน"
"ก็นะมันเพิ่งการประกาศวันนี้เอง แต่ล่ะคนเอาแต่สนใจการประเมิน ไม่ได้ใส่ใจกับข้อมูลอื่นหรือไง?"
ไม่ช้าก็มีคนพบกฎของเมืองที่ประกาศโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปในเช้าวันนี้
กฎเมืองเหล่านี้แพร่กระจายไปในฟอรั่มทันที กฎข้างต้นทำให้หลายคนประหลาดใจ
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเมืองของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐ แต่อยู่ภายใต้กฎของฟิวเจอร์กรุ๊ปเอง
ยิ่งไปกว่านั้นกฎเมืองทั้งหมดรวมไปถึงกฎหมายและจรรยาบรรณทุกประเภทนั้นสมบูรณ์กว่ากฎหมายระดับชาติเสียอีก
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้คือการรักษาที่พวกเขาสามารถเข้ารับได้ตั้งแต่หลังจากเข้าไปในเมืองใหม่นี้
“บ้าเอ๊ย ถ้าฉันรู้ว่าฉันสามารถได้รับการรักษาแบบนี้ได้เมื่อฉันเข้าไปในเมืองใหม่ ฉันจะลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแล้วมาศึกษาความรู้เหล่านั้นแล้วไปเข้าร่วมการประเมินนี้แน่"
"ถ้าฉันรู้ว่าการรักษาที่ฉิงเฉิงได้รับนั้นเป็นแบบนี้ ฉันจะปิดบริษัทและไปที่เมืองใหม่นั่นแล้ว โชคยังดีที่ฉันให้ลูกหลานของตระกูลเข้าร่วมการประเมินนี้ไป"
"นี่เป็นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่เข้าเมืองใหม่ได้ ฉันคิดว่ามันมีค่ามากกว่า 100 ล้านหยวนอีก ฉันไม่เห็นโอกาสเลยตอนนี้ ฉันยินดีจ่ายเงิน 100 ล้านหยวนเพื่อซื้อสิทธิ์ในการเข้าเมืองใหม่นั่น"
"นายควรใส่ใจกับเรื่องที่เคยคุยกันไปแล้วนะ เงินทั้งในและนอกเมืองใหม่นั้นเป็นเพียงแค่เศษกระดาษเท่านั้น แต่ถ้ามีคนเต็มใจที่จะขายแต้มเครดิตของตัวเอง บางทีมันอาจไม่ใช่เศษกระดาษเสียทีเดียว แต่แน่นอนว่าคงจะมีคนที่โง่พอจะทำเรื่องแบบนี้ไม่เยอะนักหรอก"
ในไม่ช้าก็มีคนมาบอกว่าไม่มีธนบัตรในเมืองใหม่ เงินคือแต้มเครดิต แน่นอนว่ามีหน่วยเงินอีกประเภทหนึ่งนั่นคือหินพลังงาน อย่างไรก็ตามหน่วยเงินนี้ฟิวเจอร์กรุ๊ปยังไม่ได้นำมาใช้เลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่สามารถเข้าถึงหน่วยเงินนี้ได้ในปัจจุบัน
สำหรับสินค้าทั้งหมดในเมืองใหม่จำเป็นต้องใช้แต้มเครดิตในการซื้อ เงินที่ใช้กันภายนอกนั้นไม่สามารถนำมาซื้ออะไรได้
วิธีในการรับแต้มเครดิตนั้นก็ง่ายมาก นั่นคือการทำงานในเมืองใหม่นั่น
ตราบใดที่มีแต้มเครดิตเพียงพอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายยิ่งคนรวยที่ไม่ได้อยู่ในเมืองใหม่ เทคโนโลยีภายในเมืองนั้นสูงกว่าเทคโนโลยีภายนอกมาก
"ที่จริงแล้วมีรถเหาะขายด้วย แต่แต้มเครดิต 500,000 นี่ฉันเกรงว่ามันจะต้องใช้รายได้ทั้งปีซื้อเลยนะ"
"รถเหาะอะไรกัน? ดูอันสูงสุดสิ มันมียานขายแถมยังเป็นยานส่วนตัวด้วย ราคาเท่านี้เองสุดยอดไปเลย!”
"นี่ยังไม่พูดถึงว่าหากรวบรวมแต้มเครดิตได้เพียงพอ เรายังสามารถซื้อยานอวกาศและไปเดินทางท่องอวกาศได้เลย"
หลายคนเห็นรายการสินค้าใหม่ของเมืองนี้และในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าถ้าหากต้องการความมั่งคั่งก็ต้องออกไปผจญภัยในอวกาศ
ขณะนี้ดาวเคราะห์หลายดวงกำลังรอให้ผู้คนไปค้นหา หากสามารถบุกเบิกดาวใหม่ได้ก็จะมั่งคั่งยิ่งกว่าประเทศ
“ไม่ต้องการที่จะคิดถึงเรื่องดี ๆ แบบนั้นเลย อยากจะบุกเบิกดาวใหม่ ๆ หรือค้นหาสมบัติในอวกาศแต่ถ้าไม่แข็งแกร่งพอและได้รับการสนับสนุนของฟิวเจอร์กรุ๊ป เราก็จะตายไม่เห็นหรือว่าพลังงานที่ยานอวกาศใช้ก็คือหินพลังงาน"
ผู้มีความสามารถจำนวนมากในขณะนี้กำลังดูคำแนะนำยานอวกาศเหล่านี้อยู่ คุณสมบัติของยานอวกาศก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน
หลังจากเห็นว่าพลังงานที่ยานอวกาศใช้นั้นคือหินพลังงาน พวกเขาก็สงสัยเกี่ยวกับหินพลังงาน และในไม่ช้าก็พบคำอธิบายของของหินพลังงาน
ทว่าหลังจากอ่านคำอธิบายของหินพลังงานแล้วคนเหล่านี้เข้าใจว่าการจะใช้ยานอวกาศออกสำรวจอวกาศนั้นช่างเป็นเรื่องเพ้อฝัน
บางคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหินพลังงานจะเป็นสิ่งที่กำหนดชะตากรรมของพวกเขาในอนาคต
หากพวกเขาหาหินพลังงานได้เป็นจำนวนมาก พวกเขาสามารถนำไปแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจำนวนมากจากฟิวเจอร์กรุ๊ปได้
แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าหินพลังงานไม่ได้หากันมาได้ง่าย ๆ ไม่งั้นมันคงไม่ล้ำค่าขนาดนี้
ไม่นานนักรายการสินค้าของเมืองใหม่นี้ก็เห็นโดยหลายประเทศ พวกเขาอยากเชื่อเลยว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะขายยานอวกาศด้วย
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสสำหรับพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาได้ยานอวกาศและหินพลังงานมา พวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลกับการถูกควบคุมโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป
หากต้องการยานอวกาศ แต้มเครดิตก็เป็นกุญแจสำคัญ วิธีเดียวที่จะได้รับแต้มเครดิตก็คือการให้ผู้คนทำงานในเมืองใหม่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
สุดท้ายพวกเขาก็พบว่าไม่ว่าจะพยายามทำอะไรก็ไม่สามารถหนีชะตากรรมที่ต้องทำงานให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปไปได้
ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาหลังจากดูรายการสินค้านี้แล้วจึงถามเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า
"การวิจัยยานอวกาศในประเทศของเราเป็นอย่างไรบ้าง?"
"พร้อมสำหรับการทดลองบินแล้ว"
"ดีมาก ฉันหวังว่าจะนำยานมาใช้ได้โดยเร็วที่สุด"
"ท่านประธานาธิบดี ท่านต้องการให้ใครสักคนขับยานอวกาศเพื่อค้นหาหินพลังงานในอวกาศหรือ?" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถาม
เห็นประธานาธิบดีพยักหน้า รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมจึงพูดต่อว่า "ความคิดของท่านประธานาธิบดีนั้นก็ดี แต่ผมเกรงว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีหินพลังงานรอบโลกอยู่หรือไม่ ยานอวกาศที่เราพัฒนาขึ้นนั้นไม่มีทางที่จะบินออกนอกระบบสุริยะได้เลย"
ประธานาธิบดีมองเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแผนกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพยักหน้า จึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และดูรายการสินค้าที่ปล่อยออกมาโดยอู๋ ฮ่าวเหรินอีกครั้ง
มันทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง ดูเหมือนว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกเลย
0 ความคิดเห็น