CF:บทที่ 490 การแข่งขันชิงโควตาในเมือง
หลังจากกลับจากฐานบนเกาะแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็นึกได้ว่าการทดสอบการเลือกประชากรกลุ่มแรกในเมืองกำลังจะเริ่มขึ้น
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ไปดูจำนวนผู้สมัครสอบเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าจำนวนจะเยอะเกินความคาดหมายของเขาอย่างแน่นอน
ด้วยการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องของภาพถ่ายและข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภายในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเผยยาเพิ่มประสิทธิภาพยีน ทำให้หลายคนต้องการเข้ามาในชีวิตในเมืองนี้
คนเฒ่าคนแก่กว่าครึ่งร้อยต่อสู้เพื่อที่อยู่ในเมือง เพราะยาเพิ่มประสิทธิภาพยีนที่สามารถยืดอายุขัยได้นั้นยังไม่แพร่หลายในวงกว้าง
อย่างไรก็ตามผลประโยชน์ที่ได้จากการเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปก็เป็นที่รู้กันดี
ในเว็บไซต์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปตอนนี้กำลังยุ่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเช้าวันนี้หลังจากมีการประกาศวิธีการประเมินรอบแรก
เดิมทีทุกคนเดาว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะแก้ปัญหาการประเมินได้อย่างไรในเมื่อมีคนจำนวนมากเข้าร่วมในการประเมินนี้
หลังจากประกาศวิธีการประเมินเมื่อเช้านี้ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าวิธีการจะง่ายขนาดนั้น
"คุณจะบอกว่าวิธีการของฟิวเจอร์กรุ๊ปคือการใช้คอมพิวเตอร์ตรง ๆ รึ? เข้าเว็บไซต์ทางการและทำเอกสารทดสอบไม่กลัวคนอื่นโกงรึ?"
"ฉันก็สงสัยเหมือนกัน ด้วยวิธีนี้ล่ะก็มันจะโกงได้ง่ายมาก การประเมินนี้มันไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงเลย!"
"ถ้ามันง่ายอย่างที่คุณว่า ฉันมั่นใจว่าคนฉลาดเหล่านั้นน่าจะถูกกำจัดไปตั้งแต่แรกแล้ว"
"ที่จริงในการประเมินครั้งแรกนี้นอกเหนือจากความรู้ก็เป็นการประเมินบุคลิกภาพของแต่ล่ะคนอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่รู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะมีวิธีกันการโกงยังไงในตอนนี้ แต่เรามั่นใจได้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปทำได้แน่ มันมีวิธีที่จะรู้ว่าใครกำลังโกงในการประเมินอยู่"
บางคนที่คิดจะโกงก็ต้องตัดใจหลังจากที่คุยกันบนอินเตอร์เน็ต
เพราะว่าพวกเขารู้ตัวว่าถ้าถูกจับโกงได้ ผลลัพธ์จะเลวร้ายยิ่งกว่าการประเมินไม่ผ่านเสียอีก
มีข่าวว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้จัดตั้งเมืองในทะเลเช่นกัน ตามขนาดที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปสร้างเมืองแล้ว เมืองในทะเลทรายก็ครอบคลุมพื้นที่ถึง 50,000 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว
ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จึงรองรับ 560 ล้านคนได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน และเมืองของฟิวเจอร์กรุ๊ปยังมีชั้นล่างและชั้นบนด้วย
พูดได้เลยว่าเมื่อเมืองในทะเลและเมืองทะเลทรายสร้างขึ้นแล้วผู้คนมากกว่า 100 ล้านคนสามารถอาศัยอยู่ในทั้งสองเมือง
หากการโกงการทดสอบทำให้ถูกลิดรอนคุณสมบัติในการเข้าเมืองคงต้องเรียกว่าเป็นโศกนาฏกรรม
ขณะนี้ในตระกูลใหญ่ ลูกหลานทั้งหมดมารวมตัวกัน คนเหล่านี้เข้าใจดีว่าวันนี้เป็นเวลาของพวกเขาที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูล
ณ สนามขนาดใหญ่ในกรุงปักกิ่งชายชรานั่งอยู่ในนั้น ผู้คนหลายพันคนรวมตัวกันทั้งด้านในและด้านนอกสนาม
ที่สนามนั้นมีคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ตั้งไว้ที่นั่น
ถัดจากเขาชายวัยหกสิบเศษที่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีแดง พูดเตือนชายชราคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ว่า "ท่านครับถึงเวลาเริ่มแล้ว ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงก่อนการประเมิน"
เมื่อชายชราได้ยินเสียงเตือนเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยิ้มมองผู้คนในสนาม
"ตระกูลฉางของเรามีประวัติยาวนานถึง 600 ปีรวมถึงนักวิชาการชั้นนำมากมาย ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลคุณขึ้นอยู่กับลูกหลานของคุณแล้ว วันนี้พ่อของผมมาที่นี่เพื่อรับรองว่าใครก็ตามที่ได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบนี้ ตระกูลจะสนับสนุนผู้นั้นอย่างเต็มที่ในฟิวเจอร์กรุ๊ป"
"ทุกคนเตรียมตัวไปที่ห้องตามเลขของตัวเอง โปรดจำไว้ว่าถ้าใครโกงมันจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลฉางของฉันและฉันจะไม่ปล่อยมันไว้แน่"
เห็นได้ชัดว่ามีไม่กี่ตระกูลที่จะเหมือนตระกูลฉาง ตระกูลใหญ่นี้รู้ถึงอำนาจของฟิวเจอร์กรุ๊ปดีกว่าใคร
ความแข็งแกร่งแบบนี้ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังโดยไม่อาจต้านทานได้ โชคดีสำหรับพวกเขาที่อู๋ ฮ่าวเหรินผู้เป็นเจ้าของบริษัทดูเหมือนจะมีความสนใจในอำนาจน้อยมาก
แน่นอนว่าพอพวกเขาคิดดูก็เข้าใจได้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่สนใจอะไรแบบนี้ นั่นเพราะเขาไม่ได้สนใจโลกมากนักนั่นเอง
แม้ว่าพวกเขาจะลังเลที่จะยอมจำนนต่อสถานการณ์นี้ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ การบดขยี้พวกเขานั้นก็ง่ายเหมือนการบดขยี้มด
แม้แต่ในระดับชาติพวกเขาก็ยังประนีประนอมกับฟิวเจอร์กรุ๊ป หากพวกเขาอยากสู้กับบริษัทนั่นก็เท่ากับรนหาที่ตาย
แน่นอนว่าในการประเมินนี้ก็มีหลายคนที่อยากใช้ช่องโหว่ของฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อโกง
ณ มณฑลยุนหลง สำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป หลายคนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมที่จะดูการทดสอบในวันนี้
ความจริงการทดสอบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย ทุกอย่างอยู่ในการดูแลของสมองแสงส่วนกลางของอู๋ ฮ่าวเหริน
และสำหรับผู้ที่คิดจะโกงอู๋ ฮ่าวเหรินก็จะมีความสุขมากหากพวกเขาสามารถหลบหนีจากการจับตาดูของสมองแสงส่วนกลางไปได้
บุคคลประเภทที่สามารถหลบหนีจากวิธีการตรวจสอบไป ฟิวเจอร์กรุ๊ปต้องการพรสวรรค์เช่นนี้
เว่ย หมิงผู้ซึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ดูจำนวนคนที่เข้าร่วมการทดสอบบนคอมพิวเตอร์แล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "เรานี่โชคดีจริง ถ้าเราไม่ได้เข้าบริษัทมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เราจะเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ในการเผชิญกับการแข่งขันครั้งใหญ่เช่นนี้ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะได้โควต้ารึเปล่า"
"ไม่ได้แน่นอน อดีตเพื่อนของฉันอิจฉาฉันเลย ในตอนนั้นฉันก็ขอให้พวกเขาเข้าร่วมกับฉันแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจละทิ้งตำแหน่งของพวกเขาในตอนนั้นแล้วมาเป็นพนักงานธรรมดาในฟิวเจอร์กรุ๊ปได้"
"ชีวิตก็แบบนี้แหละ อย่างไรก็ตามนายเป็นยังไงบ้าง? หัวหน้าจะพาเราไปดูยานอวกาศในอีกไม่กี่วันแล้วนะ"
"อะไรก็ตามที่จำเป็นต้องเตรียมการ ก็แค่ทำตามหัวหน้าไป แต่คำถามจริง ๆ ก็คือนายคิดว่าเราควรจะอยู่ที่นี่หรือไปทำงานที่เมืองทะเลทรายดีกว่าล่ะ?"
พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังเผชิญกับทางเลือกนี้ อยู่ที่นี่พวกเขาจะสามารถเรียนต่อได้ ถ้าไปที่เมืองทะเลทรายพวกเขาก็สามารถทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ได้เช่นกัน
"ฮ่า ๆ ฉันจะไปที่เมืองทะเลทรายเพื่อศึกษามันล่ะ ถ้าไม่ได้ลงมือทำด้วยฉันจะไม่รู้สึกอุ่นใจ หากฉันไปที่นั่นฉันจะได้เรียนและทำงานในเวลาเดียวกัน บางทีฉันอาจจะเชี่ยวชาญสิ่งเหล่านี้ได้เร็วขึ้นก็ได้"
"ถ้าประธานเว่ยว่างั้น ฉันก็จะขอย้ายไปด้วย"
"ลู่เผิงเฟยนี่โชคดีนะ เห็นว่าอีกสักพักเขาจะติดยานขนส่งไปที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ด้วย"
หลายคนในบริษัทต่างอิจฉาในเรื่องนี้ การไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นด้วยยานอวกาศเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าคิดมาก่อน
"เริ่มกันเถอะ มาดูกันว่าจะมีพรสวรรค์สักกี่คน คนเหล่านั้นจะเป็นคู่แข่งของเราในอนาคตด้วยนะ"
พวกเขาไม่สนใจเรื่องการแข่งขัน พวกเขาเข้าใจดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท ตอนนี้หัวหน้าต้องการมีส่วนในการประเมิน พวกเขาทั้งหมดต่างมีความสามารถ
หลังจากการประเมินเริ่มขึ้น ทุกคนที่เข้าร่วมในการประเมินจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าสู่เว็บไซต์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปและเข้าสู่เว็บไซต์การประเมิน
เมื่อกระดาษคำตอบในเว็บไซต์การประเมินของฟิวเจอร์กรุ๊ปเสร็จสมบูรณ์ คะแนนจะถูกกำหนดตามเวลาที่ใช้ในการทำแบบประเมินและจากคำตอบในกระดาษทดสอบ
0 ความคิดเห็น