CF:บทที่ 483 ข่าว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 483 ข่าว


หลายคนเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินเดินเข้ามาจึงหยุดคุยกัน หลิง เหยาเลื่อนเก้าอี้ให้อู๋ ฮ่าวเหริน


"ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างช่วงนี้?"


"เยี่ยมเลย การทดสอบวัดระดับสงครามอวกาศของฉันมาถึงระดับ 5 อีกสักพักก็น่าจะไปถึงระดับ 6" หลิง เหยากล่าวอย่างตื่นเต้น


ชายคนนี้หลงใหลกับระบบสงครามอวกาศตั้งแต่เขาเข้าโรงเรียน เขามีค่าพอที่จะเป็นบรรพบุรุษของเทพสงครามในอนาคต อู๋ ฮ่าวเหริยยังสู้ความสามารถเขาในเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ


“ฮ่า ๆ พวกเราหลายคนได้ลองใช้ระบบนั่นแล้ว เราไม่สามารถแม้แต่จะไปให้ถึงระดับแรกได้ด้วยซ้ำ หลิง เหยาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก”


"เว่ย หมิงความสามารถในการทำธุรกิจของคุณก็ไม่เหมือนกับผมนะ น้องเขยคน ๆ นี้เป็นนักธุรกิจเห็นแก่เงินเลยเชียวล่ะ"


“นี่ชมหรือด่าฉันกันเนี่ย?”


ลู่เผิงเฟยพูดพร้อมกับยิ้ม "แน่นอนว่าผมชมคุณสิ ในอนาคตถ้าหัวหน้าจะได้ทำธุรกิจอวกาศของเขาจริง ความสามารถของคุณสำคัญสุด ๆ เลยล่ะ"


ตอนนี้เขาศึกษาความรู้ด้านวัสดุทุกประเภทเป็นหลัก หน้าที่ของลู่เผิงเฟยก็คือการจดบันทึกวัสดุที่มีค่าบางอย่าง


เขาคิดว่ามันคงเป็นการยากที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ในวัยของเขา เขาไม่คิดเลยว่าพอเขาได้เริ่มศึกษามันเขาก็เข้าใจมันได้ง่าย ๆ


ภายหลังเขาได้ไปถามศาสตราจารย์ในโรงเรียนและเขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นเพราะสมองได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันเพิ่มหน่วยความจำของเขา


ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหัวหน้าเก่งขนาดไหน ขนาดที่ปลุกสมองของคนกลับมาได้อีกครั้ง นี่คือปาฏิหาริย์ที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นได้สัมผัสด้วยตัวเอง


"นายต้องเรียนให้หนัก บางทีในอนาคตนายน่าจะได้ใช้ยานรบเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว ระหว่างนี้ฉันจะให้นายได้เรียนรู้ประสบการณ์บนยานอวกาศของจริง"


แม้เป็นที่รู้กันว่าบริษัทมียานอวกาศ แต่อู๋ ฮ่าวเหรินไม่เคยพูดเช่นนั้น พวกเขาจึงแปลกใจที่ได้ยินอู๋ ฮ่าวเหรินพูดออกมาด้วยตัวเอง


"น้องเขย ยานที่คุณว่าคือยานรบพวกนั้นใช่ไหม?"


"ยานรบอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก นายต้องใช้ยานขนส่งไปก่อน"


เว่ย หมิงพูดขึ้นว่า "หัวหน้าฉันได้ยินศาสตราจารย์พวกนั้นบอกว่ายานอวกาศของอเมริกาเกือบจะพร้อมสำหรับการวิจัยแล้วพวกเขาจะสู้กับเราเพื่อแย่งชิงดินแดนรึเปล่า?"


"ยึดดินแดนรึ? หากพวกเขามีความสามารถจริง ก็ให้พวกเขาขโมยมันไปเลย ดินแดนของบริษัทเราไม่ใช่ระบบสุริยะอีกต่อไปแล้ว สำหรับดาวเคราะห์ของระบบสุริยะบริษัทของเราจะเปิดดวงจันทร์และดาวอังคารเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์ทั้งสองนี้ยังเปิดขึ้นพร้อมกับดาวปราการของโลก "


เมื่อได้รู้ข่าวทั้งสามคนต่างมองอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขารู้ว่าบริษัทมียานอวกาศ แต่พวกเขาไม่คิดว่ายานอวกาศจะก้าวหน้าไปมากขนาดนั้น


"น้องเขย เมื่อไหร่จะให้เราดูว่ายานอวกาศมันเป็นอย่างไร"


"ไม่ใช่ว่านายได้เห็นกันทุกวันในห้องจำลองที่โรงเรียนหรอกรึ?"


“นั่นมันไม่เหมือนกัน ของจริงมันรู้สึกไม่เหมือนกับของจำลองหรอก”


ตอนนี้ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน อู๋ ฮ่าวเหรินจึงตอบไปว่า "เมื่อเมืองทะเลทรายเสร็จสมบูรณ์แล้วฉันจะพานายไปดู"


ด้วยคำสัญญาของอู๋ ฮ่าวเหรินทั้งสามมีความสุขในพริบตา


ลู่เผิงเฟยพูดขึ้นว่า "อย่างไรก็ตามหัวหน้า ในช่วงนี้หลายบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีที่คุณคิดค้นเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ขั้นสูงเหล่านั้น คุณต้องการให้บริษัทของเราออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า?"


อู๋ ฮ่าวเหรินก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของบริษัทถ้าไม่ใช่เพราะการฉายภาพเสมือนจริงและเทคโนโลยีอัจฉริยะล่ะก็คงแพ้ให้กับคนพวกนั้นไปแล้ว


แม้แต่บริษัทรถยนต์ที่ร่วมมือกับรัฐก็ยังได้รับผลกระทบจากบางบริษัท


อู๋ ฮ่าวเหรินเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้ว่าอะไร วัสดุที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปต้องการก็ไม่ค่อยซื้อจากภายนอก ส่วนใหญ่มันขนส่งมาโดยยานขนส่งจากดาวทรัพยากรอื่น


ดังนั้นอู๋ ฮ่าวเหรินจึงไม่กังวลว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะสามารถทำเงินได้หรือไม่


เป็นบริษัทเครื่องดื่มของเว่ย หมิงที่กลายเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบริษัทยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกด้วย


"ไม่ต้องหรอก หลังจากที่เมืองทะเลทรายถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วบริษัทเหล่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีของเราจะได้ชดใช้ ฉันเตือนพวกเขาแล้ว แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ฟังกันจะมาว่าฉันไม่ได้หรอกนะ"


อู๋ ฮ่าวเหรินบอกว่าไม่ต้อง แน่นอนว่าลู่เผิงเฟยก็จะไม่จัดการกับเรื่องนี้ ตอนนี้สิ่งที่เขาใช้ส่วนใหญ่ผลิตโดยบริษัทเอง พวกเขารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของบริษัทมากกว่าคนนอกอยู่แล้ว


เมื่อหัวหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้สู่โลกภายนอก บริษัทเหล่านั้นจะพังทลายในพริบตา


"พวกคุณทำอะไรกันตรงนั้น? มาช่วยหน่อยสิ"


เมื่อมองไปที่พวกเขากำลังเคลื่อนโต๊ะกัน


ตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินเพิ่งจะมา พนักงานหญิงส่วนใหญ่ในบริษัทมาที่นี่ แต่มีพนักงานชายเพียงไม่กี่คน


นอกจากนี้พนักงานหญิงเหล่านี้แต่งงานไปแล้วเพียงไม่กี่คน หรือก็คือพนักงานที่เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป นอกจากผู้ที่แต่งงานก่อนที่จะเข้ามานั้น ก็ยังไม่มีใครแต่งงานหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในบริษัท


เขาสงสัยอยู่บ้างว่าคนเหล่านี้กลัวการแต่งงานและปัญหาในการทำงาน


อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้เลยว่ายิ่งเขานำสิ่งใหม่ ๆ มาสู่ฟิวเจอร์กรุ๊ปมากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งไม่ต้องการรีบแต่งงานขึ้นมากเท่านั้น


โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานกรรมการของบริษัทของเขายังไม่ได้แต่งงาน พนักงานหญิงเหล่านี้ก็ใช้เขาเป็นตัวเปรียบเทียบและยิ่งแต่งงานน้อยลง


อู๋ ฮ่าวเหรินทนขนของต่าง ๆ ในกลุ่มสาวงามไม่ไหวโดยเฉพาะสายตาของเหล่าพนักงานสาว


โชคดีที่ในเวลานี้หลิง เหมิงเสวี่ยดึงหลิว หมิงเยว่และโจว หลานมาที่นี่ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงรู้สึกดีขึ้น


อย่างที่ทุกคนรู้กันหลิง เหมิงเสวี่ยและอู๋ ฮ่าวเหรินได้กำหนดความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความงามและบุคลิกที่โดดเด่นของหลิง เหมิงเสวี่ยก็ได้รับความนิยมอย่างมาก


เมื่อกลุ่มคนเข้าไปในสวนข้างหลัง อู๋ ฮ่าวเหรินก็ปรากฏตัวขึ้น หลิว เหมยหรูเก่งในเรื่องนี้มากจริง ๆ


หลังจากพืชทุกชนิดถูกจจัดโดยเธอแล้ว มันก็ดูดีต่อสายตาและทำให้ผู้คนสงบลงไปเอง


อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าถ้าหลิว เหมยหรูศึกษาเรื่องนี้อีกสักหน่อยเธออาจกลายเป็นคนทำสวนไปเลยก็ได้


"มันสวยมากเลย พี่เหมยหรูเก่งจัง ถ้าฉันจะตกแต่งบ้าน พี่เหมยหรูจะมาช่วยฉันจัดนะ"


"เธอเก่งกว่าฉันอีกเมื่ออยู่ที่โรงเรียน แล้วฉันจะช่วยเธอจัดนะ"


ขณะนี้เขาได้ยินใครบางคนพูดว่า "ดูสิหลังจากที่ฉันลงรูปภาพพวกนี้ คนเหล่านั้นก็อิจฉาจนจะตาย"


"ฮ่าวเหรินหลังจากเปิดโควตาเมืองแล้ว พวกเขาต้องลุ้นแทบตายกว่าจะได้หนึ่งโควตา เราโชคดีที่ได้อยู่ในบริษัทของคุณมาก่อน"


ขณะนี้บนอินเตอร์เน็ตพนักงานของบริษัทเหล่านี้ หลังจากลงรูปไปบ้าง หลายคนก็ได้รู้ว่ามีเมืองสีเขียวใต้เมืองลอยฟ้า


ผู้คนทั่วโลกนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเมืองที่ถูกสร้างขึ้นโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปและพวกเขากระตือรือร้นที่จะได้เข้าเมือง


แต่น่าเสียดายที่ว่าหากไม่ได้รับความยินยอมจากฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปตั้งอยู่ได้


บางคนถูกโยนออกมาด้วยหุ่นยนต์เนื่องจากการพยายามเข้าไป


ยิ่งกว่านั้นเพราะด้วยเหตุนี้รัฐจึงได้ประกาศเป็นพิเศษว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าสู่บริเวณนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากฟิวเจอร์กรุ๊ป


ณ ปักกิ่ง เลขาธิการและเลขานุการก็กำลังดูรูปเหล่านี้อยู่เช่นกัน พวกเขารู้เกี่ยวกับเมืองนั้นน้อยมาก


“มันน่าทึ่งจริง ๆ คุณคิดว่าถ้าปักกิ่งถูกสร้างให้เป็นเมืองเช่นนี้มันจะแก้ปัญหามลพิษทางอากาศได้รึเปล่า?”


เมื่อเลขาธิการได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เขาก็รู้ว่าเขาได้ย้ายใจของเขาไปที่ข้อเสนอของอู๋ ฮ่าวเหริน


“ท่านหลง ถ้ามีเพียงปักกิ่งที่เดียวที่เป็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนแปลงได้น้อยมาก ถ้าใช้วิธีนี้กับทุกเมืองจะสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกได้เลย”


ท่านหลงไม่ได้พูด แต่นั่งนิ่งและคิด


ขณะนี้ผู้นำของหลายประเทศก็กำลังคิดเกี่ยวกับปัญหานี้เช่นกัน พวกเขาต้องการสร้างเมืองเหมือนของฟิวเจอร์กรุ๊ป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น