CF:บทที่ 446 พิธีมอบรางวัล

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 446 พิธีมอบรางวัล

แม้ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะได้แผนที่ดาวมา แต่ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์มากนักสำหรับเขา เนื่องจากเขายังหารูหนอนไม่เจอ เขาจึงไม่สามารถใช้แผนที่นี้ได้เลย

เขาใช้เวลาทั้งคืนในยานอวกาศ แต่เขาก็ไม่ได้อะไรมากนัก นอกเหนือจากได้อาวุธบางอย่างมา ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับอารยธรรมนั้นเลย

ก็มีเบาะแสบางอย่างอยู่บ้างที่โลกอนาคต แต่เบาะแสเหล่านี้พบได้ในสหพันธ์จักรวาลเท่านั้น

หากสหพันธ์จักรวาลในอนาคตได้มีอารยธรรมพารอสแล้วเรื่องนี้ก็จะซับซ้อน หากไม่ก็สามารถแก้ปริศนาความลับบางอย่างได้

แน่นอนว่าอู๋ ฮ่าวเหรินยังคงต้องเผชิญกับปัญหา ข้อมูลถูกส่งออกไปแล้วแถมยังเป็นข้อความขอความช่วยเหลือด้วย อารยธรรมนั้นจึงน่าจะส่งยานอวกาศออกมาตามหา

อาจจะไม่ใช่ว่าอารยธรรมมนุษย์จะถูกโจมตีจากอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวในอนาคตโดยตรง แต่มันก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อโลกอยู่ดี

แต่ใครจะรู้สภาพของอารยธรรมนั้นกัน หากอารยธรรมนั้นก้าวร้าวอย่างมากมันจะต้องทำสงครามกับมนุษย์เพื่อต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรของกาแลคซีแน่

อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่าต้องเร่งความเร็วของการพัฒนาเท่านั้น ตราบใดที่ระดับวิทยาการและเทคโนโลยีของโลกสูงกว่าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาไป

เมื่อหุ่นยนต์สำรวจกลับมาเขาจะต้องเร่งความเร็วในการสร้างฐานอวกาศและเริ่มให้ความรู้แก่มนุษย์บนโลก

เขาไม่ได้นอนทั้งคืน และเขากำลังจะกลับไปพักผ่อน แต่เพียงแค่เขาไปถึงบริษัท เขาก็ได้รู้ว่าว่าพิธีมอบรางวัลของวูลฟ์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

อู๋ ฮ่าวเหรินเพิ่งจำได้ว่าหวัง หลานดูเหมือนจะมาเตือนเขาแล้วเมื่อวานนี้ แต่เขาไม่ได้สนใจ

ในพิธีมอบรางวัลวูลฟ์ ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้รับรางวัลสามรางวัลได้แก่คณิตศาสตร์ การแพทย์ และฟิสิกส์

แม้ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะไม่สนใจรางวัลเหล่านี้ แต่พวกเขาทั้งหมดตกลงที่จะจัดพิธีที่ประเทศจีน แน่นอนพวกเขายังคงต้องเข้าร่วมเพื่อแสดงความเคารพ

วันนี้หวัง หลานสวมเดรสที่มีสีสัน รูปร่างที่น่าภาคภูมิใจของเธอสะท้อนออกมาอย่างสมบูรณ์แบบทำให้กลุ่มพนักงานของบริษัทต้องตกใจ

"หลาน ฉันไม่คิดเลยว่าเธอซ่อนหุ่นดีขนาดนี้เอาไว้ ปกติใส่แต่ชุดแบบนั้นก็เลยดูไม่ออกแท้ ๆ" หลิว หมิงเยว่แอบไปจู่โจมเธอจากข้างหลังแล้วพูดอย่างอิจฉา

หวัง หลานมองตัวเอง มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่จะรักสวยรักงาม แต่เธอก็ไม่ค่อยสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้บ่อยนัก

“เหมยหรูก็ไม่เบาเลยนี่ หุ่นดีออก ดูสิ”

หลิว เหมยหรูปัดมือที่ยื่นออกมาของหวัง หลาน

"ฉันเทียบกับเธอไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันแก่แล้ว"

โจว หลานสวมชุดทักซิโด้ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "เหมยลูไม่แก่หรอก เธอไม่เคยได้ยินจากหัวหน้าของเธอหรอว่าในอนาคตเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อย 200 ปี หากคิดตามหัวหน้าแล้ว เหมยหรูก็เพิ่งเข้าวัยสาวอยู่เลย"

หลิว เหมยหรูคิดถึงความรู้ที่เธอเห็นในโรงเรียนจึงยิ้มแล้วพูดว่า "ฉันไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นรู้อะไรจากที่นั่นมา แต่ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนเลยล่ะ"

พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปทั้งหมดต่างรู้สึกแบบนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงญาติ ๆ ที่พวกเขาพามาอยู่ด้วยก็เริ่มอ่อนเยาว์ลงกว่าเมื่อก่อน ผมบางส่วนเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำ

มันเลยเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าความรู้ในโรงเรียนเป็นความจริง

สาวงามหลายคนต่างดึงดูดความสนใจของเหล่าพนักงาน เว่ย หมิงและลู่ เปงเฟยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขากำลังคุยกันอยู่

"เหลา เว่ยฉันรู้ว่าฉันควรเลือกที่จะปลูกผลไม้เหมือนนาย ตอนนี้บริษัทไม่มีส่วนไม่มีงานอะไรกับแผนกของเราแล้ว"

“มันโอเคหรือไม่ ตอนนี้ฉันจะปล่อยทุกอย่างให้คนที่เหลือจัดการไป ฉันจะไปโรงเรียนทุกวันเพื่อศึกษาความรู้เหล่านั้น แต่หัวหน้าบอกมาว่าเขาจะให้เราไปพัฒนาธุรกิจระหว่างดวงดาวแล้วนายจะต้องบ่นเลยว่าไม่มีเวลา"

"พูดตามตรงฉันรู้สึกว่าหัวหน้าสุดยอดมากที่เขามีความรู้เกี่ยวกับจักรวาลมากมายขนาดนั้น พวกเขาเคยบอกว่าหัวหน้าได้รับการสนับสนุนจากอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวอยู่เบื้องหลัง ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อนะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้"

"ไม่สำคัญเลยว่ามันจะเป็นอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวหรือหัวหน้าได้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวมา ถ้าติดตามหัวหน้าไปก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น”

การปรากฏตัวขึ้นของอู๋ ฮ่าวงเหรินดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที แต่การแต่งกายของเขาทำให้หลายคนพูดไม่ออก

"ดูสิ ฉันกำลังจะพูดเลยว่าหัวหน้าของเรานั้นค่อนข้างบื้อในเรื่องนี้ ไม่งั้นก็ไม่มีทางที่หญิงงามอย่างหลานจะอยู่ใกล้หรอก"

"เพี้ยะ!"

หวัง หลานตบหน้าของหลิว หมิงเยว่เบา ๆ ก่อนจะตอบด้วบใบหน้าแดงเล็กน้อยว่า “อย่าพูดแบบนั้นสิ"

จากนั้นเธอจึงหันไปหาอู๋ ฮ่าวเหริน วันนี้เธอไม่ได้รายงานรายละเอียดให้อู๋ ฮ่าวเหรินฟัง

"ท่านประธานเชิญทางนี้ คนจากมูลนิธิวูล์ฟกำลังรอคุณอยู่"

อู๋ ฮ่าวเหรินดูชุดที่หวัง หลานใส่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "สวยมากเลยนะ"

เมื่อได้ยินคำชมของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วใบหน้าของหวัง หลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอก็ตอบกลับด้วยความเขินอายว่า "ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ"

ทั้งคนสองคนเข้ามาในห้องที่คนของมูลนิธิวูลฟ์กำลังรอพวกเขาอยู่

เห็นอู๋ ฮ่าวเหรินเข้ามาแล้วผู้ที่ดูแลมูลนิธิวูลฟ์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มว่า "สวัสดีครับคุณอู๋ ผมดูปองท์จากมูลนิธิวูล์ฟ"

"สวัสดีคุณดูปองท์มีอะไรติดขัดในพิธีมอบรางวัลนี้รึเปล่า?"

"ไม่ครับ พิธีมอบรางวัลนี้เป็นไปอย่างราบรื่น มันดีกว่าที่เราเคยจัดมาก่อนเสียอีก เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของฟิวเจอร์กรุ๊ป"

"ไม่เป็นไร"

อู๋ ฮ่าวเหรินพูดคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่สักพักแล้วออกมาจากห้อง หลังจากกลับเข้ามาในงานเขาพบว่ายังมีอีกหลายคนที่มาในวันนี้ด้วย

เข้าสู่บริเวณที่นั่ง ซึ่งล้อมรอบไปด้วยผู้คนของฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ละคนแต่งตัวมากันอย่างเต็มที่

“ประธาน มีนักวิทยาศาสตร์ที่จะมารับรางวัลด้วย คุณอยากจะมาพูดคุยกับพวกเขาในภายหลังไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหวัง หลานแล้วอู๋ ฮ่าวเหรินก็มองไปทางที่หวัง หลานชี้ไป คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูไม่หนุ่ม มีทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ

"ไว้ตอนเสร็จเรื่องแล้วฉันเชิญพวกเขามาคุย ฉันมีบางอย่างที่จะคุยกับนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้อยู่"

อู๋ ฮ่าวเหรินคิดเกี่ยวกับแผนการทำให้ความรู้เป็นที่นิยมของเขา และอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ คนเหล่านี้ต่างเป็นตัวแทนระดับการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก ตราบใดที่พวกเขายอมรับมัน ผู้คนทั่วโลกก็ย่อมยอมรับความรู้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย

เห็นได้ชัดว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ก็อยากรู้เกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหรินด้วยพวกเขามองหน้ากันและกระซิบคุยกันเรื่องอู๋ ฮ่าวเหริน

เมื่อแสงของเวทีเปลี่ยนไป คนที่เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลก็ไปที่เวทีและประกาศเริ่มพิธีมอบรางวัล

ทุกคนดูที่การเปลี่ยนแปลงของเวทีด้วยความประหลาดใจ ด้วยการเปลี่ยนแปลงของแสงทั้งเวทีมอบรางวัลก็ไม่ได้เป็นเวทีปกติอีกต่อไป แต่กลายเป็นดั่งนิยายวิทยาศาสตร์

“เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นทรงพลังอย่างมาก และภาพที่เห็นตอนนี้ก็น่าตกใจเช่นกัน มันคุ้มค่าแล้วที่ได้มาเป็นพิธีมอบรางวัลในวันนี้!"

"ฮ่า ๆ มันวิเศษกว่าภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เสียอีก และมีเพียงเพียงฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้นที่สามารถสร้างเอฟเฟกต์นี้ได้ ฉันได้ยินมาว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังจะสร้างภาพยนตร์ด้วย ฉันตั้งตารอเลยว่าภาพยนตร์ของพวกเขาจะยอดเยี่ยมขนาดไหน"

การเปิดตัวรางวัลวูลฟ์ซึ่งควรจะน่าเบื่อ กลับน่าทึ่งมากภายใต้อิทธิพลของเทคโนโลยีการฉายภาพเสมือนนี้

และเมื่อเจ้าภาพประกาศผู้ชนะรางวัลคนแรกแม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลก็ยังต้องตกใจกับเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น