CF:บทที่ 428 เรื่องช็อคของพวกช่าง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 428 เรื่องช็อคของพวกช่าง

สถานการณ์ในตอนนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นว่ายังมีปัญหาในเรื่องเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของโลกที่ยังแตกต่างกันอย่างมากจากสิ่งที่เขาควบคุมอยู่

ถ้าการพัฒนายังคงดำเนินไปแบบเป็นขั้นเป็นตอน สิ่งนี้ย่อมจะเกิดขึ้นแน่ เทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปน่ะนับว่าเยี่ยมมากเลยเชียวล่ะต่างกับเทคโนโลยีบนโลกที่ล้าหลังไปไกลนัก

ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนานี้จะยังไม่ดีกับโลก แต่ถ้าเขาต้องการให้มนุษย์โลกติดต่อกับพันธมิตรจักรวาลล่ะก็ จากสถานการณ์ในตอนนี้อาจจะยังไม่ได้ผล

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการศึกษา แม้ว่ากลุ่มจะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมา จากด้านที่ตอบรับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุดมคติมากนักเพราะบางคนก็เริ่มคิดว่าเขาบ้า

แน่นอนว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางที่ดีที่สุดคือใช้ข้อเท็จจริงทำให้คนเขาเข้าใจว่าทุกอย่างที่เขาพูดคือเรื่องจริง

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือพลังที่เขาครอบครองอยู่ในตอนนี้ไม่เอื้อให้บางประเทศเชื่อฟัง

ถ้าบางประเทศเกิดคลั่งและก่อสงครามขึ้นมาเมื่อใด ผลลัพธ์อาจจะเลวร้ายกว่าที่มนุษย์จะได้เจอในยุคมืดก็ได้

ประชากรบนโลกนั้นมีจำนวนน้อยเกินไปที่จะเผชิญสงครามแบบนั้น

อู๋ ฮ่าวเหรินพร้อมที่จะมอบเทคโนโลยียานอวกาศให้กับประเทศเพื่อใช้แก้ปัญหาสงครามตะวันออกกลาง สำหรับเนื้องอกที่มีพิษร้ายเช่นนั้นบนโลก ก็ต้องกำจัดพวกนี้ก่อนเป็นอย่างแรก

เราจะต้องมั่นใจกันก่อนว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นบนโลกก่อนที่เราจะดำเนินแผนการนี้

ช่วงเช้าของวันถัดมา อู๋ ฮ่าวเหรินติดต่อจื่อ หยง เพื่อให้มาเอาเทคโนโลยีอวกาศที่ตน

เมื่อจื่อ หยงได้รับสายจากอู๋ ฮ่าวเหริน เขาก็คิดว่าอู๋ ฮ่าวเหรินกำลังตามหาตัวเขาอยู่เพื่อให้ไปโปรโมทเรื่องพืช

“อืม เดี๋ยวผมจะให้พวกเขาไปช่วยคุณโปรโมทการลงพืช ได้ยินมาว่าหัวหน้าสั่งการลงมาให้คนที่ติดตามมาด้วยนั้นทำการทดลองว่าลงพืชที่ไหนถึงจะเหมาะสม ผมแน่ใจว่าผลลัพธ์คงออกไม่นานเกินรอ”

“ผิดแล้วล่ะ ผมไม่ได้กังวลเรื่องการลงพืช และก็มั่นใจด้วยว่าเร็วๆนี้คนพวกนั้นจะต้องคิดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหา เมื่อพวกเขาเห็นว่าต้องกินอาหารต่อมื้อมากขึ้น และในตอนนั้น ราคาของพืชพวกนี้จะสูง และโดยธรรมชาติก็ต้องมีใครบางคนตั้งใจที่จะปลูกพืชพวกนั้นอยู่แล้ว”

“ผมได้ส่งสำเนาข้อมูลไปให้คุณแล้ว แล้วคุณก็เอาสำเนานั่นไปให้พวกเขาแทนผมด้วย บอกพวกเขาด้วยว่าศึกษาให้ไวเลย”

จื่อ หยงรู้สึกงุนงง เขาเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองเอกสารแปลกๆนั่น

แต่โชคไม่ดีที่เขาพยายามแล้วแต่ก็เปิดไม่ได้

“เทคโนโลยีอะไรกันอีกล่ะนี่”

“เป็นเทคโนโลยีที่ต้องการที่สุดในประเทศ หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

เพราะอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ จื่อ หยงจึงไม่ได้ถาม ช่วงระหว่างที่อยู่ในโรงเรียน เขาจึงเห็นว่ามีความลับอีกมากมายเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ป

ความรู้ที่เขาได้เรียนในโรงเรียนมอบความเข้าใจใหม่ให้เขาที่มีต่อโลก และในเวลาเดียวกัน เขาก็ปรารถนาที่จะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ในจักรวาล

เขารู้สึกสนใจสมบัติที่ช่วยต่อชีวิตเป็นที่สุด  ในสารานุกรมของจักรวาลนั้น มีสมบัติพวกนั้นอยู่มากมายและเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดด้วย

ทันทีที่จื่อ หยงกังส่งข้อความไป ข้อความดังกล่าวก็ส่งไปถึงหัวหน้า

“เนื้อหาของเอกสารนี้คืออะไร” หัวหน้าถามขึ้นด้วยความอยากรู้

เลขานุการกล่าวขึ้น “เราเปิดมันไม่ได้ครับ น่าจะลองไปถามสุภาพบุรุษคนนั้นดู เขาว่าคุณต้องเปิดมันด้วยตัวคุณเอง”

“หา ลึกลับงั้นเลย เดี๋ยวผมเปิดเองก็ได้”

เมื่อหัวหน้าเปิดเอกสารดังกล่าว ข้อมูลก็ส่งตรงมาจากอุปกรณ์ดาวเทียมในทันที

เมื่อหัวหน้าได้เห็นข้อความ ตาของเขาก็เปิดกว้างก่อนจะจ้องหน้าคอมพิวเตอร์อย่างไม่นึกเชื่อ

“บอกนักวิจัยด้านยานอวกาศให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้”

“ดี ดี ดีที่หยุดคนพวกนั้นไว้ ไม่งั้นล่ะโดนฆ่าในข้อหากบฎแน่ๆ”

ในที่ทำงาน กลุ่มช่างต่างมารวมตัวอย่างเนืองแน่นก่อนจะมาดูเอกสารที่อยู่ในคอมพิวเตอร์

หัวหน้านั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นพลางรอข้อสรุปจากพวกเขาซึ่งถือว่าชะตากรรมของชาติ

หลังจากนั้น เป็นเวลากว่าหนึ่งขั่วโมง คนเก่งพวกนั้นก็หยุดชะงักก่อนที่จะมองไปยังเนื้อหาในคอมพิวเตอร์อย่างฝืนๆเพราะกำลังช็อค

“เป็นยังไงบ้าง”

“หัวหน้าครับ แม้ว่าเราจะทำการวิจัยทางทฤษฎีอย่างเดียว แต่สถานที่บางแห่งเราเองยังไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้เลย และที่เรามั่นใจก็คือว่าเทคโนโลยีในเอกสารคือแผนการด้านยานอวกาศในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า”

“อย่างน้อย การใช้พลังงานนิวเคลียร์ เทคโนโลยีของเรายังห่างไกลจากเทคโนโลยีในแผนการตรงนี้อยู่ครับ

แล้วก็ยังมีเทคโนโลยีตัวอื่นๆที่เรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนซึ่งจำเป็นจะต้องตรวจสอบมากขึ้นอีกด้วย”

หยู เฟย หัวหน้าโครงการวิจัยยานอวกาศระดับชาติเอ่ยถามขึ้น “หัวหน้าครับ นี่เป็นข้อมูลจากฟิวเจอร์กรุ๊ปที่คุณอู๋ส่งให้กับทางรัฐหรือเปล่าครับ”

เมื่อเห็นหัวหน้าพยักหน้า หยูเฟยก็เอ่ยถามอย่างเกรงๆ “เรามีคนประเภทนั้นในจีน นี่ล่ะคือความรุ่งเรืองของประเทศ ความรุ่งเรืองของประเทศอย่างแท้จริง”

“หัวหน้าครับ ผมขอร้องให้ท่านจัดตั้งฐานวิจัยให้เราในหลีสุ่ย เราจำเป็นต้องย้ายที่วิจัยยานอวกาศไปที่นั่น และผมก็หวังว่าเจ้าหน้าที่อย่างพวกช่างจะไปที่โรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อเข้าเรียนในนั้นด้วย”

ถ้าพวกเขาไม่เชื่อความรู้ที่สอนในโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาก่อน หยูเฟยก็หวังและปรารถนาเป็นอย่างยิ่งในความรู้ที่สอนในโรงเรียนนั้น

เขารู้สึกอิจฉาคนที่เข้าไปเรียนในโรงเรียนนั้น ความรู้ในนั้นอาจจะก้าวหน้าที่สุดและล้ำสมัยที่สุดในโลกเลยก็ได้

“จำเป็นจริงๆหรือ” หัวหน้าเอ่ยถามขึ้น

“ใช่สิครับ หัวหน้า หัวหน้าควรจะรู้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังก้าวไปสู่การปฏิรูปเทคโนโลยียานอวกาศนะครับ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเรายังไม่รู้เลย แต่ฟิวเจอร์กรุ๊ปอาจจะรู้เรื่องพวกนั้นไปแล้วก็ได้”

 “ฉันได้ยินมาว่าสุภาพบุรุษผู้นั้นกำลังฝึกฝนนักบินอวกาศ ฉันรู้สึกสับสนจริงๆนะ  กับพวกปัญญาประดิษฐ์เอย หุ่นยนต์เอยก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักบินอวกาศที่ดีที่สุด แล้วทำไมเขาถึงต้องไปฝึกพวกเขาด้วย แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ของเขาที่กว้างไกลกว่าพวกเราแล้วล่ะ วิสัยทัศน์ของเขายังคงอยู่ในระบบสุริยะ อยู่ในทั้งจักรวาล บางส่วนในจักรวาล บางทีหุ่นยนต์พวกนั้นอาจจะควบคุมยานอวกาศไม่ได้จริงๆก็ได้”

“ผมเชื่อว่าเขามีความรู้ในเรื่องบางอย่างของจักรวาลที่พวกเรายังไม่รู้”

หัวหน้าพยักหน้า เขาเองก็เคยได้ยินหนังสือที่ชื่อว่าสารานุกรมจักรวาล ความรู้บางอย่างจากในนั้นดูเหมือนว่าจะไปตรงกับอาหรับราตรี ดูแล้วตอนนี้เราคงจะต้องตรวจสอบสารานุกรมจักรวาลนี้อีกสักครั้ง

“นายมีสิทธิ์เข้าไปในที่ตรงนั้น แต่ถ้าเมื่อเข้าไปแล้ว นายต้องคุยกับเจ้าเด็กนั่นเองเพราะฉันไม่ใช่เจ้านายของเขา”

“ประเทศจีนในตอนนี้ ไม่สามารถสั่งให้เขาทำอะไรก็ได้” หัวหน้ากล่าวอย่างสิ้นหวัง

หยูเฟยรู้สึกประหลาดใจเพราะเขาก็คาดไม่ถึงว่าคุณอู๋จะทำให้หัวหน้าตนกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมา

จริงๆแล้ว นี่คือผลลัพธ์จากการวิจัยของพวกเขา เมื่อผลออกมาแล้ว หัวหน้ากลับคิดว่ามันดูน่าเหลือเชื่อ

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมและคนพวกนั้นก็พยายามที่จะควบคุมอู๋ ฮ่าวเหริน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็มีจุดประสงค์อื่นๆด้วยซึ่งหัวหน้าเองรู้ดี

เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินรู้จากจื่อ หยงว่ากลุ่มคนจากแผนกวิจัยระดับชาติต้องการมาที่โรงเรียนด้วย เขาก็รู้สึกแปลกใจ  

ดูเหมือนว่าเทคโลยียานอวกาศจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อคนพวกนั้นซึ่งตระหนักถึงความรู้บางตัวในโรงเรียนดังกล่าว

อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธให้คนพวกนี้เข้ามาศึกษาในโรงเรียน เพราะแม้แต่คนในโรงเรียนก็ให้ความรู้ที่ตัวเองเรียนที่นี่แก่ผู้อื่น และอู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้ห้าม

บนกระดานสนทนาของเว็บไซท์โรงเรียน มีกลุ่มคนที่เลือกที่จะเผยแพร่ความรู้ที่พวกตนได้เรียนมาในทุกๆวันเพื่อให้คนที่อยากเรียนได้เรียนด้วย

อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าถ้าเขาเผยแพร่ความรู้พวกนี้ออกไปได้ บางปัญหาก็จะได้รับการแก้ไข

ตอนนี้ เขาต้องการที่จะแก้เรื่องสงครามบนโลกก่อนแล้วจากนั้นค่อยดำเนินแผนการถัดไป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น