CF:บทที่ 352 เรือกู้ซากที่ล้ำสมัย
ไม่เคยมีเรื่องเล็กๆสำหรับฟิวเจอร์กรุ๊ป, ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ประกาศออกมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว สิ่งนั้นมักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
หลังจากข้อมูลของดอกหวายและหินดูดซับได้ถูกเผยแพร่ออกไป, หลากหลายประเทศต่างก็ไม่ยอมอยู่เฉย, เพราะปัญหาเรื่องน้ำเสียนั้นเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวสำหรับหลายๆประเทศ
การจัดการเรื่องของมลพิษน้ำเสียนี้ไม่เพียงแค่สิ้นเปลืองเงินอย่างเดียว แต่ยังสิ้นเปลืองทั้งเวลาและสถานที่อีกด้วย
ถึงแม้จะมีการก่อสร้างเครื่องกำจัดน้ำเสียขึ้นมาสำหรับใช้ในบางกระทรวง แต่ก็เหมือนมีไว้ตกแต่งเฉยๆ และไม่ได้ใช้งานเลย
ในครั้งนี้อู๋ฮ่าวเหรินได้เรียกร้องขอทรัพยากรบางอย่างจากทางรัฐ, จริงๆแล้ว เขานั้นอยากที่จะคุยกับเบื้องบน ว่าจะอนุญาติให้เขาจ้างคนมาศึกษาและวิจัยเทคโนโลยีการปล่อยกระสวยอวกาศ
ในส่วนของของการวิจัยอวกาศนั้น, ทางจีนเองก็ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง, แต่บรรดาประเทศต่างๆยกเว้นจีน, ได้บังคับให้พวกเขาสร้างสถาบันวิจัยอวกาศออกมาเป็นเอกเทศ
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นต้องการที่จะช่วยในเรื่องนี้, ซึ่งหลักๆเขานั้นต้องการที่จะศึกษาเรื่องของเทคโนโลยีการสร้างยานอวกาศ และในการศึกษาเรื่องนั้น, เขาก็มักจะพบเจอปัญหาอยู่บ่อยครั้งมาก
ยกตัวอย่างเช่น, เรื่องของนักวิจัย มันไม่ใช่ทุกสิ่งในการวิจัยที่จะสามารถนำหุ่นยนต์มาใช้ทดแทนได้
ปัญหาเรื่องของวัสดุเองก็เช่นกัน, มีบางวัสดุที่ไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านโดยรัฐบาลได้
ทำไมเขาจึงได้สร้างเกาะกลางทะเลขึ้นมาก็เพราะการวิจัยพวกนี้นั้นสามารถทำได้เป็นการลับอย่างเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง, นั่นคือการสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาเพื่อตัวเขาเอง
ทางรัฐเองก็กำลังตรวจสอบเขาอยู่ และเขานั้นรู้ดีว่า, ถ้าเกาะกลางทะเลเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทุกคนจะต้องสงสัยกับเกาะลึกลับนี้เป็นแน่
ขณะที่ทุกคนต่างก็พูดกันถึงเรื่องของเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เอาเครื่องมือบางอย่างไปยังอู่ต่อเรือ
มองดูเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นพึงพอใจกับการดัดแปลงในครั้งนี้มาก และครบถ้วนตามที่เขาต้องการ
เหอหมิงถามเขา "คุณอู๋พอใจกับมันมั๊ยครับ?"
"เยี่ยมครับ, ผมพอใจกับมันมาก, ผมไม่คิดว่าคุณจะติดตั้งอุปกรณ์ที่น่าสนใจแบบนี้ลงไปด้วย, ผมคิดว่าอู่ต่อเรือของกองทัพจะไม่สามารถสร้างของแบบนี้ได้ซะอีกนะเนี่ย
"นี่ไม่ใช่ความคิดของผมหรอกครับ, แต่เป็นการออกแบบของลูกสาวของผมเอง, อีกเดี๋ยวเธอก็คงจะมาแล้ว ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม, คุณก็บอกเธอได้เลยนะครับ"
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา, เขานั้นได้ยินเสียงที่หวานและมีชีวิตชีวาราวกับนกขมิ้นที่ออกมาจากเขา, จากไกลๆ
"คุณพ่อคะ, กำลังพูดถึงหนูอยู่เหรอคะ?"
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่มาของเสียง, เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ยังสาวและสวย, สวมเสื้อเชิร์ตแขนสั้นลายทางขาวสลับฟ้า, สวมหมวกกันแดด และผมที่ดกดำปกคลุมไหล่ของเธอ
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ, กับดวงตาที่สดใสและเป็นประกาย, เธอนั้นกำลังสงสัยว่าพ่อของเธอกำลังคุยกับใครอยู่
มองดูรูปร่างแล้วการแต่งกายของเธอ, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่าเธอเป็นสาวงามที่เพรียบพร้อม, ซึ่งเป็นหญิงสาวแบบที่กำลังนิยม
เหอลี่ลี่เดินมาหาจากไกลๆ ด้วยความสงสัย, เพราะเมื่อสักครู่พ่อของเธอได้โทรไปหาเธอและให้เธอมาหาและบอกว่ามีอะไรจะทำให้เธอประหลาดใจ, และยังบอกให้เธอแต่งตัวให้ดีๆมาหาพ่อของเธออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น, เธอก็เริ่มสงสัยว่า พ่อของเธอนั้นเหมือนกำลังหาเรื่องให้ลูกสาวของเขามาพบกับคนคนนี้ที่อู่ต่อเรือยังไงอย่างงั้น
เมื่อเธอเดินเข้ามาหา, เธอก็พบกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อของเธอซึ่งดูคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่, เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ๆพ่อของเธอ, เธอก็ถึงกับเอามือปิดปากและมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าเธอทำหน้าแบบไม่น่าเชื่อ
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูสีหน้าของเธอ, ก่อนที่จะยื่นมือออกไปพร้อมกับยิ้ม และพูดขึ้น "สวัสดีครับ, ดูเหมือนผมจะทำให้คุณกลัวสินะ"
"ไม่ค่ะ, ไม่, ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง, ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอคุณแบบนี้"
เหอลี่ลี่ดึงถุงมือของเธอออกมาและจับมือเชคแฮนด์กับอู๋ฮ่าวเหริน
มองดูสีหน้าของลูกสาว, เหอหมิงก็พูดขึ้น "คราวนี้, พ่อได้ทำตามความปรารถนาของลูกแล้วนะ"
"อึ อื้อ, สุดยอดเลยค่ะ พ่อ"
เหอหมิงคิดกับตัวเองว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว เขาควรที่จะกลับบ้านแล้วกลับไปทำรายงานดีกว่า
"คุณอู๋ครับ, ให้ลี่ลี่โชว์เรือนี้ให้คุณดูละกันนะครับ, เพราะมีหลายอย่างบนเรือลำนี้ถูกออกแบบขึ้นโดยเธอด้วย"
อู๋ฮ่าวเหรินผงกหัว และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร, มีสาวสวยร่วมเดินไปกับเขาย่อมดีกว่าคนแก่ๆอยู่แล้ว
มองดูพ่อของเธอเดินออกไป, เหอลี่ลี่มองดูอู๋ฮ่าวเหรินแบบหวั่นๆ, ก่อนที่จะพยายามใจเย็นลงและพูดขึ้น "คุณอู๋คะ, ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าเรือลำนี้จะเป็นของคุณอู๋"
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูสีหน้าของเธอและเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่, จึงได้พูดกลับไป "คุณคงจะคิดว่าผมเป็นพวกคนรวยที่ชอบใช้เงินสินะ"
"ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ, โดยเฉพาะอุปกรณ์บางอย่าง, คุณไม่จำเป็นจะต้องดัดแปลงมันเลยก็ได้"
เหอลี่ลี่เป็นคนตรงไปตรงมา และไม่รู้สึกตัวอะไรจนกระทั่งพูดออกไปแล้ว
"คุณอู๋คะ, ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณนะคะ..."
"ไม่เป็นไร, คนส่วนมากก็คิดว่าผมเป็นแบบนั้นทั้งนั้นแหละ, พวกเขาไม่เข้าใจหรอกว่า, การจะต้องใช้เงินให้ได้มากขนาดนั้้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน"
เหอลี่ลี่มองดูอู๋ฮ่าวเหลินอย่างแปลกๆ และคิดว่าเขานั้นใช้เงินมากเกินไปหรือเปล่านั้น, แต่ทว่าเมื่อลองคิดถึงสถานการณ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปในตอนนี้ดูแล้ว, ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ได้
ทุกๆวัน, มีรายได้เข้าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นจำนวนเงินที่น่ากลัวมาก, เธอได้ยินมาว่ามีหลายธนาคารที่ไม่กล้าที่จะรับเงินของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, ทางรัฐจึงได้ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยจัดการแก้ไข
เพราะฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีเงินมากเกินไป, จนธนาคารพวกนั้นไม่สามารถที่จะจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินฝากให้เขาได้
"หุ่นยนต์เหรอคะ?"
"ใช่, มีอุปกรณ์บางอย่างที่ผมต้องการให้พวกมันติดตั้งลงไปน่ะครับ"
ในคราวนี้อู๋ฮ่าวเหรินได้เอาหุ่นยนต์มาด้วยมากมาย, ซึ่งหุ่นยนต์พวกนี้จะทำหน้าที่อยู่บนเรือเพื่อช่วยเขาในงานกู้ซากด้วย
เหอลี่ลี่นั้นสงสัยและอยากจะดูการทำงานของหุ่นยนต์มาก, เธอนั้นเคยเห็นหุ่นยนต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาก่อนก็จริง, แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นหุ่นยนต์ในระยะใกล้ถึงขนาดนี้
"ขอฉันเขาไปดูใกล้ๆได้มั๊ยคะ?"
อู๋ฮ่าวเหรินผงกหัว, ถึงแม้หุ่นยนต์จะถูกแยกชิ้นส่วนอยู่ แต่ก็คงไม่มีอะไรให้ศึกษามากนัก, มันเป็นแค่หุ่นยนต์แบบง่ายๆ มีเพียงแกนระบบควบคุมของหุ่นยนต์เท่านั้น, ซึ่งไม่สามารถหาจากที่ไหนได้
ในเวลานี้ ได้มีบางคนที่มามุงดูหุ่นยนต์ทำงานมากขึ้นเรื่อย, ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นหุ่นยนต์แบบนี้ทำงานล่ะนะ
สำหรับเรือลำนี้, อู๋ฮ่าวเหรินได้ติดตั้งระบบจ่ายพลังงานเข้าไปในเรือด้วย มิเช่นนั้นแล้ว ด้วยขนาดของเรือขนาดนี้และความเร็วในทะเล, อาจจะทำให้ผู้คนตื่นตกใจกลัวได้
แล้วก็, ยังมีระบบการบำบัดน้ำเสียที่ติดตั้งเอาไว้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของน้ำดื่มบนเรือ และท้ายที่สุดคือห้องเรือนกระจกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เก็บเกี่ยวผลผลิตด้วย
เดิมทีมันเป็นเรือที่เก่ามาก, แต่หลังจากที่มันถูกดัดแปลงโดยอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว มันก็ได้กลายเป็นเรือรบที่ล้ำสมัยขึ้นมาเลย
มันแน่นอนอยู่แล้วว่าเพราะว่าเขานั้นได้การวิจัยเรื่องของเทคโนโลยีเรือบรรทุกเครื่องบินมาบ้างก่อนที่จะศึกษาเทคโนโลยีของเรือลำนี้
เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะชวนอู๋ฮ่าวเหรินให้มาและแสดงให้พวกเขาเห็นถึงปัญหาในการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน, แต่ทว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้ปฏิเสธไปเพราะกระบวนการของมันนั้นยุ่งยากมาก
หลังจากที่มองดูการประสิทธิภาพการทำงานของมันได้สักพัก เหอลี่ลี่ก็พูดขึ้น: "ถ้าหุ่นยนต์พวกนี้แพร่หลายขึ้นมา, มนุษย์ทุกคนคงได้ไล่ออกเป็นแน่เลยค่ะ"
"มันก็จริงล่ะนะ, ถ้าหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นที่นิยมขึ้นมาล่ะก็ คนงานส่วนมากคงได้ถูกไล่ออกแน่, ดังนั้นในเวลานี้จึงยังไม่เหมาะที่หุ่นยนต์จะได้รับความนิยม ซึ่งอาจจะนำไปสู่เรื่องวุ่นวายในภายหลังได้"
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอู๋ฮ่าวเหรินถึงได้ไม่พัฒนาด้านหุ่นยนต์ต่อ, เพราะเมื่อใดที่หุ่นยนต์ได้รับความนิยมขึ้นมา ก็อาจจะทำให้คนจำนวนมากตกงานได้, ซึ่งนั่นจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่
และถ้าปัญหานี้ไม่สามารถจัดการได้อย่างถูกต้องแล้ว, สังคมก็จะเกิดการขัดแย้งที่หนักขึ้นและวุ่นวายมากแน่ๆ
การพัฒนาด้านหุ่นยนต์ในอนาคตในช่วงบุกเบิดดวงดาวนั้น ได้เกิดปัญหาด้านสังคมขึ้นเพราะหุ่นยนต์นั้นได้ถูกนำมาใช้แทนที่นักสำรวจดาว, ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากได้อุทิศตัวเองให้กับการสำรวจดวงดาว
แต่ถ้าหากเขาวิจัยเรื่องของยานอวกาศและโปรโมตเรื่องของหุ่นยนต์ไปพร้อมกัน, เมื่อถึงเวลานั้นก็น่าคงจะไม่มีปัญหาสังคมเกิดขึ้นแล้ว
0 ความคิดเห็น