CF:บทที่ 345 การบันทึกเสียงเพลงแรก
ซูเถาได้รับการติดต่อจากสหายของเขาจากกรมทหารขณะที่อยู่ที่บ้าน เขามองดูสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์มือถือจากน้องสาวของเขาและรู้สึกสับสบ
“ฮัลโหล เสี่ยวรุ่ย มีอะไรให้พี่ช่วยงั้นหรือ?”
“พี่ชาย พี่ไม่ได้ทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างนั้นหรือคะ?”
“ก็แม่โทรมาเมื่อวันก่อน ไม่ให้บอกเธอ”
ภายในหอพักของซูรุ่ย เพื่อนร่วมห้องพักของเธอทุกคนต่างพากันจ้องมองเธอผ่านโทรศัพท์และทำท่าทางให้เธอรีบพูดให้เร็วๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้งานทำที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่พวกเขาเรียนอยู่ในตอนนี้ คุณไม่อาจที่จะพลาดโอกาสนี้ได้ เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งเทอมพวกเขาก็จะต้องออกไปฝึกงานกันแล้ว
ถ้าซูรุ่ยสามารถเข้าทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ พวกเขาเองก็มีโอกาสเช่นกัน
เดิมทีแล้วพวกเข้าต้องการที่จะสมัครทันทีแต่วันนี้พวกเขากลับทราบข่าวว่าบริษัทเพลงของฟิวเจอร์กรุ๊ปยังไม่เปิดรับสมัคร
ดังนั้น พวกเขาจึงเกิดความคิดที่ว่าจะให้มีการแนะนำจากคนภายใน
ระบบการแนะนำในฟิวเจอร์กรุ๊ปยังไม่ได้รับอนุญาตในบริษัทอื่นๆ อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทก็คงจะสนับสนุนให้พนักงานแนะนำผู้สมัครได้
แน่นอนว่า มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถที่แท้จริงของคนเหล่านี้ที่จะสามารถเข้าทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปได้
หลายคนไม่ผ่านแม้แต่การทดสอบด่านแรกดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะเข้าทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปได้
“พี่ชายคะ ฟิวเจอร์กรุ๊ปของพี่เพิ่งจะเปิดบริษัทเพลง และฉันก็เรียนวิชาเอกในสาขาที่เกี่ยวข้องนี้ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฉันก็จะต้องออกฝึกงาน พี่ช่วยแนะนำให้ฉันได้เข้าไปฝึกงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ไหมคะ?”
ซูเถาไม่คาดคิดว่าน้องสาวของเขาจะกำลังมองหาเกี่ยวกับการฝึกงานของเธอเอง
“วันนี้พี่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทเพลง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าบริษัทจะยังไม่รับสมัครคนในตอนนี้ ด้วยวิธีนี้เมื่อพี่ได้พบกับเจ้านาย พี่จะถามให้เธอก็แล้วกัน ถ้าหากว่าบริษัทเพลงเปิดรับสมัครคนแล้ว พี่ก็จะแนะนำเธอให้กับแผนกบุคคลนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
ซูเถาส่ายหัว ในเมื่อบริษัทของเขามีระบบการแนะนำผู้สมัครเช่นนี้ เพียงแค่แนะนำไปที่แผนกบุคคล หลังจากที่ผ่านการทดสอบด่านแรกของบริษัทแล้ว ก็จะมีการทดสอบพิเศษเพื่อการรับเข้า
ในวันนี้ก็มีผู้คนมากมายเช่นเดียวกับซูรุ่ย หลายคนต่างก็พากันสอบถามเกี่ยวกับบริษัทเพลงผ่านทางพนักงานภายในของฟิวเจอร์กรุ๊ป
แต่คำตอบก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะในตอนนี้บริษัทเพลงยังไม่เปิดรับสมัคร
มีการเปิดรับสมัครเพียงตำแหน่งผู้ช่วยตำแหน่งเดียว มีเพียงลิวหมิงเยว่และโจ้วหลานเท่านั้นที่รู้ ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าการจัดตั้งบริษัทเพลงในที่สุดแล้วมันคืออะไร
ภายในห้องทดลอง อู๋ฮ่าวเหรินกำลังรวบรวมอุปกรณ์ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับสตูดิโอ ภายในครึ่งวัน ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์ผู้ช่วยการผลิตก็เกือบจะเสร็จสิ้น
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูแบบที่ร่างไว้โดยจี้และถามว่า “ บ้านนี้ เป็นแบบของสตูดิโออย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ครับ เป็นเพราะอุปกรณ์ เราต้องการห้องออกแบบอะคูสติก”
“มันก็ดูดีนะ แต่ดูจะแปลกๆ ไปหน่อย”
สำหรับการออกแบบอะคูสติกประเภทนี้ อู๋ฮ่าวเหรินรู้ดีว่าห้องออกแบบอะคูสติกจะสามารถช่วยลดเสียงที่ไม่จำเป็นได้
“ถ้าคุณพอจะมีเวลา คุณช่วยลองสร้างสิ่งปลูกสร้างที่มีประสิทธิภาพคล้ายๆ แบบนี้ด้วยนะ” เขากล่าว
เมื่อมองดูภาพบ้านบนจอแสดงภาพ เขาต้องแข่งขันกับโอเปร่าเฮ้าส์ในซิดนีย์ หลังจากที่ก่อสร้างเสร็จ มันจะต้องกลายเป็นอาคารที่เป็นสัญญลักษณ์ของที่นี่อย่างแน่นอน
หลังจากโครงการภายในของฟิวเจอร์กรุ๊ปเสร็จสมบูรณ์ อาคารดังกล่าวสามารถที่จะถูกสร้างขึ้นระหว่างเขตเมืองใหม่และฟิวเจอร์กรุ๊ป
เมื่อเขากำลังจะออกจากที่ทำงาน อู๋ฮ่าวเหรินยัดอุปกรณ์ทั้งหมดที่เขาทำไว้เข้าไปในรถแล้วขับรถกลับบ้าน
เขาต้องการที่จะกลับไปและขอให้หลิงเหมิงเสวี่ยทำการทดลองก่อนและลองบันทึกเสียงดูสักเพลง
ในเวลานี้บนโลกออนไลน์กำลังคึกคัก บริษัทเพลงที่จัดตั้งโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป ไม่ใช่ข่าวการรับสมัครบุคคลภายนอกได้แพร่ออกไป
ทุกคนสงสัยว่าทำไม บริษัทเพลงถึงได้จัดตั้งขึ้น แต่ไม่ได้รับสมัครผู้คนเข้าทำงาน
“ดูเหมือนว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังเล่นเกมส์ขายตั๋ว ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับนักร้องชื่อดังที่จะเข้ามาอยู่ในฟิวเจอร์กรุ๊ป”
“ใครบอกว่าไม่ล่ะ? ฉันคิดว่ามันเป็นการแสดงที่ดีนะ ฉันไม่คาดคิดว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่รับสมัครบุคคลภายนอกหรอก”
“ประหลาดอะไรเช่นนี้? ฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี สำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงเส้นทางสายนี้มันลึกมาก ถ้าฟิวเจอร์กรุ๊ปต้องการที่จะเข้ามา ก็สามารถทำได้เพียงแค่โยนเงินทิ้ง ในการเผชิญหน้ากับสิ่งนี้โดยมีบางคนมาข้องแวะ
“สิ่งที่คุณพูดดูเหมือนว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่สามารถทำลายมันได้ ด้วยทรัพยากรทางการเงินของฟิวเจอร์กรุ๊ป หากคุณต้องการแสดงให้อุตสาหกรรมบันเทิง บริษัทเพลงและบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์เหล่านั้นได้เห็น ก็จะไม่เสียใจในเวลานั้นได้”
“มันน่าแปลกที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปประกาศจัดตั้งบริษัทเพลงอย่างทันทีทันใด ยิ่งไปกว่านั้นในเว็บไซต์หลักก็ระบุว่าพวกเขาต้องผลิตลำโพงที่มีประสิทธิภาพดีมาก ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ถูกต้องที่นั่น”
“มีอะไรที่ไม่ถูกต้อง มันดูเหมือนว่าทีมหุ่นยนต์วิศวกรรมก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ที่นี่เขาจะจัดตั้งบริษัทบันเทิง ฉันก็ไม่รู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังทำอะไรอยู่”
แน่นอนว่า บางคนคิดว่าบริษัทเพลงของฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์อื่นๆ
“จริงๆ แล้ว ฉันก็มีข้อสงสัยบางอย่าง ชายผู้มีพรสวรรค์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นเลิศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่ในด้านเพลง มันคงจะไม่เป็นท่า”
“ใช่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเพลงในประเทศจีนก็ยังห่างไกลจากประเทศอื่นๆ ถ้าคุณต้องการที่จะทำเพลง คุณก็ต้องมีนักร้องที่ทรงพลังและมีพรสวรรค์ แต่ตอนนี้ฟิวเจอร์กรุ๊ปยังไม่มีเลย”
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนคุณจะลืมว่ามีอีกสิ่งที่น่าอิจฉาในฟิวเจอร์กรุ๊ป นั่นคือปัญญาประดิษฐ์ แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในด้านนี้ แต่ปัญญาประดิษฐ์ก็สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องมีคนเหล่านี้ ฉันเองก็ตั้งตาคอยเพื่อดูว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะทำเพลงประเภทไหนออกมา”
เมื่อมีการถกเถียงกันมากขึ้นบนโลกอินเตอร์เน็ต ที่หมู่บ้านซุยฉุยและอู๋ฮ่าวเหรินได้นำอุปกรณ์ทั้งหมดกลับมาที่บ้านโดยรถยนต์และเริ่มจัดการมัน เมื่อน้องสาวของเขากลับมา อู๋ฮ่าวเหรินก็ขอให้เธอพาหลิงเหมิงเสวี่ยมาเพื่อบันทึกเสียงเพลงแรก
“พี่ชายคะ นี่พี่เหมิงเสวี่ยกำลังจะได้เป็นนักร้องหรือคะ?”
“ใช่แล้ว รีบไปพาเธอมาที่นี่นะ เวลานี้เธอและจวนจวนจะต้องสอนให้พี่เหมิงเสวี่ยร้องเพลง”
หลิงเหมิงเสวี่ยตามอู๋เสี่ยวชานและอู๋จวนจวนมา สิ่งที่ทำให้อู่ฮ่าวเหรินพูดไม่ออกก็คือผู้เฒ่าทั้งสามคนก็ตามเขามาด้วยความสงสัย
นักพรตเต๋าแห่งชีวิตเดินไปรอบๆ ห้องที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังจัด เขามองดูตรงนั้นตรงนี้ ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นมาว่าการจัดแจงนั้นดีมากเหมือนกับกำลังดูฮวงจุ้ย
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าชายชราสามารถเข้าใจการจัดวางได้อย่างถ่องแท้
หญิงชรากล่าวว่า “คุณนี่ช่างรวดเร็วเสียจริง เพิ่งจะพูดเมื่อวานแท้ๆ และวันนี้คุณก็นำอุปกรณ์กลับมาแล้ว”
“มันไม่ใช่การทดสอบว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้หรือไม่ อุปกรณ์นี้ได้ติดตั้งการแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว คุณทุกคนไปที่ห้องนั้น เสี่ยวซานเธอยืนอยู่ตรงนี้กับพี่เหมิงเสวี่ย และให้เธอร้องเพลงใส่ไมโครโฟน แต่เธอเองอย่าส่งเสียงนะ”
อู๋เสี่ยวชานดึงหลิงเหมิงเสวี่ยมาอย่างตื่นเต้น และนั่งลงบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้โดยอู๋ฮ่าวเหริน และมองดูอุปกรณ์ตรงหน้าของเธอ
หลิงเหมิงเสวี่ยเองก็มองดูไมโครโฟนด้วยความอยากรู้อยากเห็น และต้องการที่จะคว้ามันไว้ในมือแต่ถูกอู๋เสี่ยวชานห้ามไว้
“เอาล่ะ เริ่มได้เลย”
สถานการณ์นี้เป็นดั่งที่อู๋ฮ่าวเหรินคิดไว้
ถึงแม้ว่าเขาจะร้องเพลงออกมาได้แต่บางที่เขาก็ลืมเนื้อร้องที่จะร้องต่อไป
หลังจากการบันทึกเพลง อู๋ฮ่าวเหรินหยุดและส่ายหัว ในตอนนี้พวกเราทำได้เพียงบันทึกเพลงและร้องสดซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
เขากำลังจะใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกับเพลงและส่งขึ้นไปทดลองเผยแพร่บนเว็บไซต์หลักของบริษัท
0 ความคิดเห็น