RC:บทที่ 58 หมัดเพลิง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 58 หมัดเพลิง


หลังจากที่ชายคนดังกล่าวออกไป หลิน เฟิงจึงมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ จากนั้นเขาจึงหยิบมือถือขึ้นมา แล้วทันใดนั้นเอง ก็เกิดหลุมดำหมุนวนไปมาอย่างรวดเร็วก่อนจะดูดกองเศษกระดาษมหาศาลนี้เข้าไป


“ติ๊ด กำลังประมวลผล”


หลังจากหลุมวนลึกลับนั่นดูดเศษกระดาษเข้าไปแล้วนั้น ก็เกิดคำขึ้นมามากมายในการประมวลผล


หลิน เฟิงกำลังเฝ้ารอในสิ่งที่จะแยกออกมาจากเศษกระดาษนั้น


ครั้งล่าสุด หลินเฟิงก็ได้ผลไม้หยางไฟมาจากเศษผักและผลไม้ หลังจากกินมันเข้าไป ร่างกายของหลินเฟิงก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า


ร่างกายที่แข็งแกร่งนำมาซึ่งควาวเร็ว ความแข็งแรง ความอึดและอื่นๆที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมหาศาล แม้แต่การตอบสนองต่อความเร็วก็ด้วย


สิ่งทั้งหลายทั้งมวลนั้น ล้วนเป็นข้อได้เปรียบมหาศาลกับหลิน เฟิง และคาดการณ์ว่าจะยังมีพลังบางอย่างที่เขายังหาไม่เจออีกด้วย


“ติ๊ด จบการประมวลผล กรองทักษะทางจิตวิญญาณขั้นต่ำ หมัดเพลิง จะรับหรือไม่” โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง


เขาเห็นหนังสือเล่นหนึ่งปรากฏขึ้นในหลุมดำที่วนไปมาในมือถือ ขึ้นคำว่า “หมัดเพลิง” บนนั้น


“หมัดเพลิงงั้นหรือ นี่มันบทละครเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อันทรงพลังที่เหมือนกับในทีวีหรือเปล่านะ” หลิน เฟิงสงสัย


จากนั้น หลิน เฟิงก็ใช้นิ้วชี้ไปที่หนังสือ จากนั้นคำแนะนำก็ปรากฏขึ้นมา


หมัดเพลิง ทักษะการต่อยขั้นต่ำ หลังจากได้รับสำเร็จแล้ว หมัดก็จะมีเพลิงออกมาด้วย เพื่อแผดเผาศัตรู


คำแนะนำเบื้องต้นนั้นง่ายมาก เหมือนกับแก้วมังกรก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งเฉพาะที่หลิน เฟิงเข้าใจได้เพียงคนเดียวเท่านั้น


“เอามาสิ” หลิน เฟิงว่าขึ้น


ทันทีที่เขาพูดจบ หนังสือนั่นก็บินออกมาจากหลุมวนนั่นก่อนจะทิ้งตัวลงบนมือเขาอย่างมั่นคง


หนังสือดังกล่าวดูเหมือนสมุดจด ที่ทำจากวัสดุแปลกๆ เล่มเล็กๆเหมือนการ์ดพลาสติกขาวๆ


“ดูนี่สิ เวทมนต์ของทักษะจิตวิญญาณระดับต่ำนี้มันอะไรกันนี่” หลิน เฟิงจัดการเปิดทักษะลับนี้ขึ้นมา


ทันทีที่เปิดขึ้น ตัวอักษรสีเหลืองเป็นแนวบรรทัดก็โผล่ขึ้นมา ตัวอักษรพวกนี้ดูแปลกประหลาดเอามากๆและบิดงอไปมาเหมือนแมลง หลิน เฟิงไม่เข้าใจเลย


ในขณะที่เขากำลังงงอยู่นั้น จู่ๆ หลุมดำในมือถือของเขาก็หมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสั่นอยู่สักพัก


จากนั้นแสงสีเหลืองๆของตัวอักษรก็แยกออกจากทักษะลับนั้น เข้ามาในดวงตาของหลิน เฟิงทีละตัว


ทันใดนั้นเอง ตัวอักษรที่เลือนรางพวกนั้นก็สลายไปทีละตัว แล้วหลิน เฟิงก็เข้าใจในที่สุด ตัวอักษรพวกนี้ได้รับการบันทึกลงไปในจิตแล้ว


“พระเจ้า มหัศจรรย์มาก ต้องลองแล้วล่ะ”


หลิน เฟิงจึงนั่งไขว่ห้างลงกับพื้น ไม่ว่านี่มันจะยุ่งยากแค่ไหน แต่เนื้อหาของหมัดเพลิงก็เข้ามาอยู่ในจิตของเขาแล้ว


หลิน เฟิงเริ่มใช้งาน ตามคำบรรยายของหมัดเพลิงนั้น ฉับพลันนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าร่างกายนี้มีแก๊สลึกลับว่ายวนไปมาในทุกส่วน


“หมัดเพลิงพิฆาต”


ต่อมานั้นเอง พร้อมเสียงร้องดังลั่นและหมัดที่ปล่อยออกไป หลิน เฟิงก็ได้ปล่อยหมัดลมออกไป มีเพียงแค่รูปหมัดสีแดงเท่านั้นที่ขึ้นมาก่อนที่จะสลายหายไปในช่วงเวลาต่อมา หลิน เฟิงทำไม่สำเร็จอย่างเห็นได้ชัด


“ล้มเหลวงั้นหรือ งั้นเอาอีก” 


ถึงครั้งแรกจะล้มเหลว แต่หลิน เฟิงก็ไม่ยอมแพ้ ก่อนที่เริ่มพยายามต่อ


“หมัดเพลิงครั้งที่สอง” 


ครั้งนี้ ดีกว่าครั้งก่อน กำปั้นขวาของหลิน เฟิงมีสีแดงออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีหมัดออกมา


“ยังล้มเหลวอยู่ เอาใหม่”


ครั้งที่สามก็ยังไม่สำเร็จ


ครั้งที่สี่


ครั้งที่ห้า


...


“หมัดเพลิง ครั้งที่เก้า”


ครั้งนี้เล่นทำเอาขาของหลิน เฟิงระอุไปด้วยความร้อนที่โถมซัดสาด ให้ความรู้สึกเหมือนแมกมาที่เดือดพล่านไปทั่วร่างกาย


หลิน เฟิงปล่อยให้ความร้อนไหลไป ก่อนจะเร่งปล่อยหมัดเพลิงตามวิธีที่เทคนิคลับได้บันทึกเอาไว้


เมื่อพละกำลังส่งมาที่แขน เขาก็รู้สึกราวกับมีเหล็กแดงร้อนๆไหลพล่านไปทั่ว ก่อนจะปลดปล่อยพลังที่รุนแรงออกมา


“พลังหมัดเพลิง”


หลิน เฟิงต่อยออกไปข้างหน้า และทันใดนั้นเอง กำปั้นลมนั่นก็ส่งเสียมคำราม รูปกำปั้นปรากฏขึ้น เป็นรูปพิมพ์ใหญ่พร้อมกับเปลวไฟลุกไหม้


เมื่อคลื่นความร้อนส่งไปที่กำปั้น กำปั้นที่ผนึกไว้ก็สลาย หลิน เฟิงพลาดอีกครั้ง


“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย พอปล่อยออกไปหลายครั้ง ฉันเกือบจะเข้าใจเรื่องกำปั้นเพลิงแล้วเชียว ทำไมถึงไม่สำเร็จล่ะ” หลิน เฟิงนึกสงสัย


“ลองอีกทีดีไหมนะ” หลังจากพยายามมาหลายครั้ง หลิน เฟิงก็รู้สึกสงสัยว่าเขาทำผิดวิธีไปหรือเปล่า


“ช่างเหอะ กลับไปเริ่มต้นใหม่ เพราะยังไงก็คิดไม่ออกแล้ว ไม่ต้องห่วงไป”


หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงก็ขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้าน ไม่ยุ่งวุ่นวายเลยว่าทำไมถึงใช้ไม่สำเร็จ


เมื่อหลิน เฟิงกลับไปถึงบ้าน พอเขาได้กินองุ่นเล็กน้อยก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น


“ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกตอนนี้ อย่างแรกเลย ต้องหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสถานีบำบัดขยะและบ่อบำบัดน้ำ แต่ก่อนอื่น ต้องหาที่ดีๆให้ได้ก่อน เราจะสร้างที่ดีกว่านี้ได้ที่ไหนกันนะ” หลิน เฟิงเก็บเรื่องนี้มาคิด


“แต่จะว่าไป ฉันว่าฉันจำสนามที่ถูกทิ้งร้างในครอบครัวเราได้นะ ถ้าเป็นที่นั่นล่ะ ไปดูดีกว่า” 


จากนั้น หลิน เฟิงก็ไปแต่เพียงผู้เดียว สิบนาทีต่อมา จึงมาที่ดินทางทิศตะวันตก


“ที่นี่ล่ะเหมาะ แม้ว่าจะห่างไกลไปสักหน่อย แต่ก็เหมาะที่จะสร้างเป็นสถานีขยะกับบ่อบำบัดน้ำเสียล่ะนะ เพราะนี่ทั้งกว้างแถมคนก็อยู่กันไม่มาก” 


“และยังตั้งอยู่ตรงใจกลางของทั้งสามหมู่บ้าน อยู่ห่างออกมาจากหมู่บ้านทั้งสามอยู่ แบบนี้น่าจะได้ขยะจากสองหมู่บ้านนี้อีกน่ะสิ” 


ถ้าหลิน เฟิงต้องการจะหาที่เหมาะๆสักที่สำหรับการก่อสร้างที่เก็บขยะและหลุมทิ้งสิ่งปฏิกูลล่ะก็ ต้องไม่เพียงไกลจากที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ต้องอยู่ในที่ที่ต่ำด้วย


ด้วยวิธีนี้ ก็จะไม่เป็นการรบกวนผู้พักอาศัยด้วย และยังสามารถระบายสิ่งปฏิกูลเข้าสู่โรงงานบำบัดที่เขาตั้งขึ้นมาได้โดยง่าย


พื้นที่ที่หลิน เฟิงเลือกไว้นั้นเป็นที่ของเขาเองหลายผืนทางตะวันตก ไม่มีการเพาะปลูกมาหลายปีแล้ว จนตอนนี้มีแต่วัชพืชและต้นไม้ต้นเล็กๆขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งสถานที่นี้ล่ะคือที่ในอุดมคติของหลิน เฟิง


 “ถ้าเราเลือกที่ได้ถูกต้องเหมาะสม เราก็จะก่อสร้างได้” หลิน เฟิงคิดเช่นนั้น


การสร้างที่เก็บขยะนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ติดปัญหาเล็กน้อยตรงที่จะสร้างบ่อปฏิกูลให้เป็นโรงงานบำบัดขยะ


ตรงนี้ต้องใช้รถขุด ถ้าเราอาศัยแรงคน ครึ่งปีก็ไม่รู้จะเสร็จไหม แต่ถ้าคุณใช้รถขุดล่ะก็ ก็จะเกือบเสร็จภายในเวลาเกือบอาทิตย์


“ต้องไปติดต่อคนขุดแล้ว แต่เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันจำได้ตอนที่เรียนอยู่มัธยมปลาย เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งที่ชื่อตู๋ กังได้ออกไปเรียนเป็นนักขุดก่อนที่จบชั้นมัธยมต้นนี่นา ตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง” 


ในใจของเขา หลิน เฟิงจำได้ขึ้นมาทันทีว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่พวกเขาเคยได้ใช้เวลาดีๆร่วมกันตอนมัธยมต้นที่ชื่อตู๋ กัง เขามักจะโดดเรียนไปสูบบุหรี่และต่อยตีอยู่บ่อยๆ เวลาไม่มีอะไรทำ ก็มักจะออกไปเล่นอินเตอร์เน็ตและลอกการบ้านหลินเฟิง


สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจลาออกจากมัธยมต้นกลางคัน ต่อมา ผมก็ได้ยินว่าเขาไปเรียนเรื่องการขุดมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่ทราบได้


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็หยิบมือถือขึ้นมา จากนั้นก็กดโทร


“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” สัญญาณดังขึ้นสามครั้งแต่ไม่มีใครตอบ


“ช่างเหอะ อาจจะกำลังยุ่งอยู่ ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” ทันทีที่พูดจบ เขาก็เตรียมวางหู


“หวัดดี ใครน่ะ” 


ทันใดนั้นเอง มือถือก็สั่นขึ้น แล้วเสียงของชายที่พูดจากระด้างๆก็ดังมาจากอีกฝั่ง เต็มไปด้วยบรรยากาศมาดนักเลง


“ไง คิงคอง นี่ฉันเอง เจ้าบ้า...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น