RC:บทที่ 52 เผชิญหน้าจ่าฝูงหมาป่ากลางทาง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 52 เผชิญหน้าจ่าฝูงหมาป่ากลางทาง


หลังจากนั้น หลินเฟิงก็ได้เจอซู หยวนเฟิงและที่เหลืออีกสี่คน ในตอนนั้น พวกเขาต่างรวมกลุ่มกันแน่น ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า พิงต้นไม้แถวนั้นอยู่คนหนึ่ง


ตำแหน่งของพวกเขาอยู่ในที่ลับตาคน โดยทั่วไปแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ทำเสียงอะไรออกมา คนธรรมดาก็จะหาตำแหน่งของพวกเขาไม่เจอเลย


ที่หลิน เฟิงหาพวกเขาเจอก็เพราะความสามารถด้านประสาทสัมผัสอันแข็งแกร่งของเสี่ยว เฮ่ยและผึ้งเพชฌฆาตนั่นเอง และพวกเขาตรงหน้าต่างก็หาที่ซ่อนเพื่อความปลอดภัยของพวกตน


นอกเหนือจากทั้งสี่คน ยังมีสุนัขล่าเนื้ออีกสามตัว ที่ดูสภาพแล้วไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก


พวกมันทุกตัวล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งปาก ใบหน้าและหลังเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกกัด


หยาง เจียนซื่อซบในอ้อมแขนของซู หยวนเฟิง ใบหน้าเธอมีทั้งความเจ็บปวดและดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ


ซู หยวนเฟิงเองก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน ที่ต้องคอยประคองหยาง เจียนซื่อ พิงต้นไม้ใหญ่ข้างหลัง ราวกับว่าตนอาจจะหลับไปเมื่อไหร่ก็ได้


ส่วนบอดี้การ์ดสองคนในตอนนี้ต่างพิงหลังซึ่งกันและกัน รู้สึกเหนื่อยล้า


ทั้งสี่คนอยู่กันอย่างเงียบๆในพุ่มหญ้านี้ ไม่ได้พูดคุยหรือสื่อสารอะไรกันทั้งนั้น ทั้งยังรู้สึกสิ้นหวัง


หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ผ่านอะไรมาบ้างจนต้องมาลงเอยแบบนี้


โฮ่งๆๆ


เมื่อหลิน เฟิงไปถึงที่ที่พวกเขาอยู่ สนัขล่าเนื้อทั้งสามตัวก็เห่าเสียงขรมไปยังทิศทางที่หลิน เฟิงไปพร้อมทั้งปลุกบอดี้การ์ดทั้งสองให้ตื่น


ซวบ ซวบ ซวบ


หลิน เฟิงกับเสี่ยว เฮ่ยเข้ามาทำให้เกิดเสียงเสียดสีกันไปมาจากกิ่งไม้หนาๆกับใบไม้บนต้นไม้นั้น


“ใครน่ะ” เมื่อหลิน เฟิงเข้าไปใกล้พวกเขา บอดี้การ์ดคนนั้นก็ตะโกนขึ้นมา


“ไม่ต้องกลัวครับ นี่ผมเอง หลิน เฟิง” หลิน เฟิงว่าขึ้น จากนั้นก็ออกมาจากพุ่มไม้


“หลิน เฟิงงั้นหรือ นายหรือ มาอยู่นี่ได้ไง” ซู หยวนเฟิงมีท่าทีเหมือนกับได้เจอเพื่อนเก่าแก่ที่เขาไม่ได้เห็นมานานมากกว่าสิบปี เขารู้สึกตื่นเต้นมาก


 “ก็ใช่น่ะสิ ผมมาเพื่อเจอคุณ ภาพที่เห็นนี่ คุณทำขึ้นมาได้ยังไงกัน แต่ละคนได้รับบาดเจ็บกันหมด เอาล่ะ ทางเรามียามาให้แล้ว แต่ดูจะน้อยไปเลยสิน่า” นี่เป็นยารักษาบาดแผลที่หลิน เฟิงตั้งใจจะเอาไว้ใช้เอง คนที่ขึ้นไปล่าบนภูเขาเป็นคนให้มา


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าคนพวกนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนจำเป็นต้องใช้ยาตัวนี้กันทั้งนั้น แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ชายทั้งสามคนก็บอกให้รักษาคนโน้นทีคนนี้ทีก่อนจะเอ่ยให้รักษาหยาง เจียนซื่อไป


“คุณชื่อหลิน เฟิงสินะคะ” หยาง เจียนซื่อเฝ้ามองหลิน เฟิงด้วยดวงตาเบิกกว้าง


“หืม อะไรนะครับ” หลิน เฟิงถกขากางเกงของเธอก่อนจะป้ายยาลงบนขา พลางพยักหน้า


“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่อยากจะถามว่าเวลาทายานี้แล้วมันจะเจ็บไหมอ่ะค่ะ”


“ไม่ต้องกลัวครับ ไม่เจ็บหรอก หลับตาสิ” หลิน เฟิงกล่าวกับหยาง เจียนซื่อจากนั้นจึงทายาที่แผลบริเวณข้อเท้าของเธอ แล้วจู่ๆเธอก็กรีดร้องขึ้นมาทันที


หลังจากที่หลิน เฟิงทายาให้เธอแล้วนั้น ก็เห็นว่ายังมีรอยกัดหลายรอยบนไหล่ของเธออีกด้วย


 “ไอ้เจ้าหมาพวกนี้นี่” เมื่อได้เห็นรอยฟันมากมายบนไหล่ของเธอ หลิน เฟิงก็รู้สึกราวกับว่าไหล่ของเขาเกือบจะโดนกัดไปด้วย


แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด ข้างหลังนี้ต่างหาก


“หลิน เฟิง พวกเราสามคนบาดเจ็บสาหัส เท้าของซื่อเอ๋อร์เองก็เจ็บจนเธอเดินไม่ได้ ช่วยไปบอกเขาด้วย นี่ฉันเป็นหนี้นายครั้งหนึ่งแล้วนะ” ซู หยวนเฟิงกระซิบกับหลิน เฟิง


“เฮ้ย นี่” หลิน เฟิงพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ และด้วยฤทธิ์ยานั้น เธอก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปตลอดทาง


มาถึงตอนนี้ พวกเขาสามคนล้วนได้รับบาดเจ็บ จึงมีเพียงหลิน เฟิงเท่านั้นที่สามารถแบกร่างของหยาง เจียนซื่อมาได้


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลิน เฟิงแบกร่างของซื่อเอ๋อร์และกำลังพาซู หยวนเฟิงไปยังที่ที่พวกเขารวมพลกันอยู่นั้น เขาก็ต้องหยุดเพราะร่างหลายๆร่างที่ปรากฏขึ้นในทันที


จ่าฝูงของกลุ่มก็คือหมาป่าขาวสองตัว ขาวสะท้อนแสงสีเงินภายใต้แสงจันทร์ ดูราวกับหมาป่ายักษ์


โดยเฉพาะกับตัวที่อยู่ด้านหน้า ขนของมันเป็นสีขาวเงิน แม้จะดูชราและผอมแห้งแต่ก็น่ากลัวไปในคราวเดียวกัน


“หมาป่า พวกมันมาอีกแล้ว” ซู หยวนเฟิง หยาง เจียนซื่อและคนอื่นๆเมื่อได้เห็นหมาป่าพวกนี้ ก็ต่างหวาดกลัวจนต้องซ่อนข้างหลังหลิน เฟิง


หึ่ง โฮก


แล้วก็มีเสียงสองเสียงดังขึ้น เสี่ยว เฮ่ยและผึ้งเพชฌฆาตนั่นเอง พวกเขามาปรากฏตัวข้างๆหลิน เฟิง แต่ทว่าผึ้งเพชฌฆาตกลับซ่อนตัวอยู่ในความมืด


“เจ้านาย ระวังตัวด้วย นี่ล่ะคือจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าที่ข้าพูดถึง พวกมันที่เพิ่งจะส่งคำเตือนมาให้เรา” เสี่ยวเฮ่ยว่าขึ้น


“นายเองน่ะหรือ แล้วมีอะไรอยากจะพูดกับฉันในตอนนี้ไหมล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


หลิน เฟิงรู้สึกคุ้นกับลมหายใจเช่นนี้ไปเสียแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยว เฮ่ยบอกว่าหลิน เฟิงเองก็สัมผัสถึงลมหายใจนั่นได้


“ใช่ ข้าเอง” หมาป่าชราตัวนั้นเดินไปเดินมาก่อนจะตอบขึ้น


“หา ว่าไงนะ หมาป่าพูดได้ได้ไงน่ะ” เมื่อเห็นแบบนี้ หยาง เจียนซื่อจึงถึงกับร้องออกมาอย่างแปลกใจ


ไม่ใช่แค่ซื่อเอ๋อร์เท่านั้น แต่บอดี้การ์ดทั้งสองเองก็ตกใจอย่างหนัก พูดอะไรไม่ออก


“นี่ เงียบก่อน อย่าพูดแทรก” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น


สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับหลิน เฟิงก็คือการที่ซู หยวนเฟิงไม่มีการแสดงท่าทีตกใจหรือประหลาดใจเลย มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือซู หยวนเฟิงอาจจะรู้เรื่องการมีอยู่ของจิตวิญญาณสัตว์ป่าก็ได้


“ผมเคยเห็นคุณมาก่อน ตัวที่แก่กว่าจู่ๆก็เข้ามาขวางทางเรา ผมไม่รู้เลยว่าการที่พวกคุณมาที่นี่มันหมายความว่ายังไง” หลิน เฟิงว่าขึ้นพร้อมกับกำหมัด นี่เขาใจเย็นลงบ้างแล้วนะเนี่ย


“เจ้าไปได้ แต่สุนัขพวกนี้ต้องอยู่ที่นี่” หมาป่าชราว่าขึ้น


“ทำไมล่ะ” หลิน เฟิงไม่เข้าใจ


 “เจ้าสุนัขสามตัวนี้ได้ฆ่าคนของเราไปตัวหนึ่ง พวกมันต้องตาย”


ด้วยการตวัดกรงเล็บเพียงวูบเดียว หมาป่าชราก็เห็นใบเลื่อยวายุสามอันที่บินไปที่สุนัขสามตัวนั้นด้วยความเร็วที่ยากจะจับด้วยตาเปล่า


เพียงการแทงแค่ครั้งเดียว หัวของสุนัขทั้งสามตัวก็หล่นลงมา เลือดสาดกระจาย โชคยังดีที่หลิน เฟิงรีบไปปิดตาหยาง เจียนซื่อได้ทัน


เมื่อได้เห็นหัวของสุนัขพวกนั้นตกลงมาที่พื้น พวกเขาต่างก็เงียบไปชั่วครู่


“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” หยาง เจียนซื่อถามขึ้น


 “ไม่มีอะไรหรอก” หลิน เฟิงไม่ปล่อยให้เธอได้เห็นภาพนองเลือดตรงหน้า


“ไปได้แล้ว” หลังจากนั้น หมาป่าชราก็หายเข้าไปในป่าพร้อมกับหมาป่าตัวอื่นๆ


“วันนี้เราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น


หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็เดินไปตามทางยาวโดยมีหยาง เจียนซื่ออยู่บนหลังก่อนที่เขาจะไปเข้าร่วมกับกองกำลังนั้น จากนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงลงเขาไปด้วยกัน


หลิน เฟิงไม่รู้เลย ว่าเธอกลัว ตัวเธอหนักมาก และยังอยู่ในสภาวะช็อค แต่อีกไม่นานนี้ล่ะ เธอก็จะเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้วขณะที่อยู่บนหลังของเขานั่นเอง


เธอกระโดดกอดคอขึ้นลงไปมา ส่ายไปด้านซ้ายทีขวาที เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และสิ่งที่แย่กว่าก็คือคำพูดมากมายที่ออกมานั้นทำเอาหูของหลิน เฟิงอื้อไปหมด


แต่นี่ก็ทำให้บรรยากาศชวนหนักอึ้งของหมาป่าชราตัวนั้นบรรเทาลงไปได้อย่างมาก


ถ้าไปถึงที่รวมพลกันเมื่อไหร่ หลิน เฟิงก็จะปล่อยยัยตัวแสบนี้ลงจากหลังเมื่อนั้น ใครจะรู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่อาศัยหลิน เฟิงแบกขึ้นหลังเพื่อลงไปยังที่ราบนั้น เธอไม่ได้ต้องการใครคนอื่นเลยแม้แต่พี่สาวของเธอเองก็ไม่สามารถพาเธอลงไปได้


 “พี่หลิน เฟิง ขอบคุณนะคะ หนูชื่อ หยางเจียนซื่อ รู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้เราเจอกันวันนี้...”


“เด็กหญิงตัวน้อยที่เข้าไปในภูเขาจนไปถึงก้นภูเขายังไงล่ะ


แล้วหลิน เฟิงก็ได้รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา


หลังจากเข้าไปในเขา ซู หยวนเฟิงก็ล่าหมูป่าตัวขนาดกลางได้เป็นตัวแรก ก่อนจะนึกลำพองใจแล้วเข้าไปในภูเขาลึกขึ้น


ส่วนหยาง เจียนซื่อเองก็เป็นเด็กดื้อซ้ำยังขี้เล่น เที่ยวหยิบดอกไม้ จับผีเสื้อ จนไม่รู้ตัวว่า พวกตนผ่านเข้าไปในแอ่งเล็กๆนั่นแล้ว


จนเมื่อได้เจอกับหมาป่า สุนัขทั้งสามของพวกเขาก็ไล่ล่าและเข้าโจมตีหมาป่าพวกนั้นจนกระทั่งหมาป่านั่นตายในที่สุด


แต่ก่อนที่จะได้มีความสุข  พวกเขากลับต้องรีบหนีให้พ้นจากฝูงหมาป่าที่ตามมาเอาคืนอีกมาก


ซู หยวนเฟิงและคนอื่นๆต่างวิ่งหนีจากการถูกไล่ล่า หยาง เจียนซื่อหกล้มและได้รับบาดเจ็บระหว่างทาง คนทั้งสี่คนจึงถูกหมาป่าพวกนั้นล้อมเอาไว้


ในตอนนั้นเอง พวกมันก็หอนกันเสียงขรม ก่อนที่จะล่าถอยกลับไปอย่างไม่มีเหตุผลเพราะพวกเขาก็ยังอยู่ตรงนี้


สองชั่วโมงต่อมา


บนที่ราบนั้นยังเต็มไปด้วยผู้คน มีรถยนต์เจ็ดหรือแปดคันจอดเรียงเป็นวงกลมวงใหญ่ โดยการหันหน้ารถเข้าหากัน พร้อมกับเปิดไฟหน้ารถให้อยู่ตรงกลางเป็นวงกลม


ในตอนนี้เองนั้น มีผู้คนมากมายต่างรีบร้อนที่จะนำตัวคนเจ็บอย่าง หยาง เจียนซื่อไปที่โรงพยาบาล ส่วนหยาง เจียนหลิงก็จะตามไปด้วย


“ขอบใจ ขอบใจนายมากนะ วันนี้ เดี๋ยวฉันจะพาซื่อเอ๋อร์ไปโรงพยาบาลก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะมาเลี้ยงมื้อเย็นนายถ้ามีเวลานะ” หยาง เจียนหลิงกล่าวขึ้นกับหลิน เฟิงก่อนจะเดินจากไป


“นี่คุณกำลังขอผม...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น