RC:บทที่ 51 ออกตามหา
อาการโกรธของหลิน เฟิงทำเอาหยาง เจียนหลิงถึงกับสะดุ้งเฮือก จากตอนแรกที่พูดจาเรื่อยเปื่อยติดตลกกับเธอ แต่อาการโกรธอย่างปัจจุบันทันด่วนแบบนี้ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเพราะเริ่มรู้สึกกลัว
ทุกคนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลิน เฟิงถึงโกรธ และเพราะพวกเขาเองก็เพิ่งจะออกจากวิกฤตมา
จากเดิมที่หัวหน้าของกลุ่มเงากำลังจะฆ่าหลิน เฟิงรวมถึงคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าพวกสุนัขกำลังจะเข้าโจมตีหมีดำนั่น
แต่ทันทีที่หัวหน้าเข้าล็อคตัวหลิน เฟิง เขาก็ถูกลูกไฟเพลิงสีดำลักษณะวนไปมาเหมือนน้ำวนยิงเข้าให้ ทำให้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก อีกอย่าง ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้ว หลิน เฟิงและคนอื่นๆก็อาจจะกระเด็นเรียงกันออกมาเป็นแถบๆ
“เอาหมาของนายออกไป ไม่งั้นได้จบไม่สวยแน่” ในยามนี้ หลิน เฟิงเหมือนกับปีศาจที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อผู้คนได้ทุกเมื่อ ท่าทางดังกล่าวทำเอาใครต่อใครถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ
คนกลุ่มนี้ไม่ได้กลัวหลิน เฟิง แต่เป็นเสี่ยวเฮ่ยของเขาต่างหาก เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่สุนัขของเจา หลงยังถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ สุนัขตัวอื่นๆก็ไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นท่าทีอันคุกคามของหลิน เฟิง คนพวกนั้นจึงต่างดึงสุนัขของพวกตนกลับมา พลางทิ้งหมีตัวดังกล่าวไว้ให้ยืนอยู่ตัวเดียว
หลังจากที่หมีดำตัวนั้นเดินจากไป ความกดดันที่หลิน เฟิงมีก็ค่อยๆคลายลงไปมาก และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขายังรู้สึกได้ว่าความเป็นปฏิปักษ์ในความมืดนั้นก็ดูจะลดลงมาก
จากนั้น หลิน เฟิงกับคนอื่นๆจึงไปต่อ แต่ทว่ายิ่งความสามารถด้านประสาทสัมผัสของสุนัขสีดำน้อยลงเท่าไหร่ ผึ้งเพชฌฆาตก็ยิ่งอันเชิญผึ้งป่าเหล่านั้นได้น้อยลงเท่านั้น
“เจ้านาย น่าจะเป็นทางนี้ หลังจากที่มาถึงที่นี่ ความสามารถในการอัญเชิญผึ้งของพวกเรามาก็จะลดลงอย่างมาก แม้แต่การได้ยินหรือดมกลิ่นก็มีผลด้วยเหมือนกัน” เสี่ยวเฮ่ยว่าขึ้น
การรับรู้ทางการได้ยินและกลิ่นของสุนัขนั้นดีมาก แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจิตวิญญาณสุนัขนรกก็ตาม เพระยังไงสุนัขนั้นก็มีประสาทการได้ยินและกลิ่นที่แข็งแกร่งเอามากๆอยู่แล้ว
ในตอนนั้นเอง การได้ยินและการรับกลิ่นของเสี่ยว เฮ่ยก็ได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง ความสามารถด้านประสาทสัมผัสใช้การในที่นี้ไม่ได้ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความแปลกประหลาดของอาณาบริเวณพื้นที่โดยรอบตรงนี้เป็นอย่างยิ่ง
หลิน เฟิงเหลือบหันไปมองสุนัขตัวอื่นๆซึ่งมีท่าทางแย่ยิ่งกว่าเสี่ยว เฮยเสียอีก
บางตัวก็คลานกับพื้น บางตัวก็ทำท่าหงอ และบางตัวก็งับเจ้านายของตนให้ถอยกลับมา
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับหมาของฉันกันนี่ ทำตัวแปลกๆเสียจนฉันไม่กล้าไปข้างหน้าต่อเลย”
“เอ๊ะ ของฉันก็เหมือนกัน แล้วนี่จะให้ฉันเดินไปบนพื้นหรือไง ลุกขึ้นและไปหาคนมาให้ฉัน”
“ที่นี่มันจะดูไม่แปลกไปหน่อยหรือ หมาของพวกเราจู่ๆก็เกิดกลัวที่จะไปข้างหน้าขึ้นมา เหมือนพวกมันกำลังกลัวอะไรอยู่เลยนะ แถมยังครางหงิงๆไม่หยุดเลย”
“...”
ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างสงสัยว่าสิ่งใดกันที่ทำให้สุนัขมีท่าทีผิดปกติเช่นนี้
“พวกมนุษย์ ข้าคือจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าที่คอยดูแลพื้นที่แถบนี้ ห้ามฆ่าสัตว์ที่อยู่ในบริเวณของข้า ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา”
ในขณะที่หลิน เฟิงแนะนำให้พวกเขากลับไปนั้น จู่ๆก็มีเสียงแก่ๆโพล่งขึ้นมาในหัวของเขา
“นี่มัน...จิตวิญญาณสัตว์ป่านั่น” หลิน เฟิงประหลาดใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหาคนพวกนั้น พวกเขาอยู่ในแอ่งเล็กๆตรงหน้าของพวกเจ้า เมื่อพาพวกเขาออกไปแล้วก็จงกลับกันไปซะ” เสียงชรานั่นดังขึ้นอีกครั้ง
“เสียงนี้ ลมหายใจนี้ เหมือนกับตัวที่ข้าจับสัมผัสได้เลย นี่มัน จิตวิญญาณสัตว์ป่าอันทรงพลัง” เสี่ยวเฮ่ยพึมพำ
“ท่าน พวกเราไม่รู้ว่าที่นี่คือเขตแดนของท่าน และพวกเราก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามารบกวนท่านด้วย เราจะกลับทันทีหลังจากที่เจอคนพวกนั้นแล้ว” หลิน เฟิงตอบกลับไป
หลังจากที่หลิน เฟิงพูดจบ ร่างสีดำหลายตัวก็ค่อยๆถอยกลับไปอย่างช้าๆ จนตัวสุดท้ายก็ค่อยๆหายออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไร้สรรพเสียงใดๆให้ได้ยิน
“ท่านปู่คะ ตอนแรกท่านก็จัดการอยู่แล้ว แล้วนี่ทำไมถึงหยุดกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ แล้วทำไมจู่ๆลมหายใจของท่านถึงได้อ่อนลงมากแบบนี้ล่ะ” ร่างจำนวนมากต่างเข้าไปในป่าภูเขาลึกขึ้น ในขณะที่ร่างขาวตัวที่สองเอ่ยถามขึ้น
“ก็ใช่ ปู่ก็กำลังจะทำนั่นล่ะ แต่ว่า ชายคนนั้นดูมีอะไรแปลกๆ ปู่เข้าไปจับลมหายใจของเขาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้เขาบาดเจ็บได้ ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย รีบรักษาตัวที่บาดเจ็บก่อน” จ่าฝูงว่าขึ้นอย่างอ่อนแรง
กลุ่มเงาดำนี้เดินออกจากพื้นหญ้าเพื่อเขาไปในที่ที่ลึกขึ้น มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องไปบนร่างผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้และใบไม้
ที่อยู่ตรงหน้าคือหมาป่าสีขาวสองตัว ตัวแรกดูสูงวัยและผอม เว้นแต่ดวงตาที่ยังดูสดใสและสง่า
ส่วนตัวที่สองดูจะผอมและตัวเล็ก แต่ถ้าคุณดูให้ดีๆล่ะก็ คุณก็จะเห็นลวดลายลึกลับที่อยู่บนแผ่นหลังของเธอ
ส่วนพวกที่เหลือก็คือหมาป่าที่อยู่ภายใต้การนำของเงาหมาป่าขาวทั้งสองตัว หมาป่าพวกนั้นได้หายเข้าไปในป่าลึก
“อืม ดีล่ะ ซู หยวนเฟิงกับคนอื่นๆน่าจะอยู่ในแอ่งเล็กๆตรงหน้าพวกมัน แยกออกกันไปตามหาเร็วเข้า อย่าให้พวกเขาตกอยู่ในความฝันไปนานกว่านี้เลย” เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าผู้คนต่างมองเขาอย่างประหลาดใจ เขาจึงตั้งใจพูดออกไป
พฤติกรรมแปลกๆของหลิน เฟิงนั้นทำให้ผู้คนไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดกับเขานัก ส่วนเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนพวกนี้ฟังอย่างไร เขาจึงไม่อธิบาย แต่พาพวกเขาตรงไปยังแอ่งเล็กๆที่ว่านั่นเลย
ช่วงเวลาต่อมา หลิน เฟิงและคนอื่นๆก็ไปถึงขอบของแอ่งเล็กๆนั่น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคืออ่างทรงกลมเล็กๆ เส้นรอบวงสักสองหรือสามกิโลเมตร ดูไกลๆแล้วเหมือนกับจานเล็กๆ
“เจ้านาย ข้ารู้สึกถึงสิ่งนั้นแล้ว อยู่ใกล้ๆนี้ กระจายตัวกันตามหาเถอะ” เสี่ยวเฮ่ยว่าขึ้น
“โอเค งั้นแยกกันตามหา ซู หยวนเฟิงกับคนอื่นๆจะต้องอยู่แถวๆนี้”
เขาเห็นผู้คนกระจายตัวกันออกไปก่อนจะมองไปรอบๆ
ที่แอ่งนั้น คนของซู หยวนเฟิงทั้งสี่คนต่างเข้าไปในพุ่มหญ้าหนาก่อนจะพักกันอยู่เงียบๆ สุนัขล่าเนื้อบางตัวเห่าขึ้นมาเป็นบางครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น พี่หยวนเฟิง หมาป่าพวกนั้นมานี่อีกแล้วงั้นหรือ ซื่อเอ๋อร์กลัวแล้วนะ” หยาน เจียนซื่อได้ยินสุนัขล่าเนื้อสองสามตัวเห่าไปรอบๆเธอ ก่อนจะเกาะซู หยวนเฟิงด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไร พี่ไม่กลัวหรอก พี่จะปกป้องเธอเอง” ซู หยวนเฟิงใช้มือแตะศีรษะของหยาง เจียนซื่อพลางกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน
“เตรียมพร้อมสู้ในทุกเมื่อ ซื่อเอ๋อร์จะได้ไม่บาดเจ็บ” ซู หยวนเฟิงกล่าวกับบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่รอบๆเขา
“ครับ นายน้อย” บอดี้การ์ดทั้งสองกระชับท่อนไม้ในมือ ส่วนสุนัขล่าเนื้อทั้งสามก็มีท่าทางเอาจริง
“หมาป่างั้นหรือ” ซู หยวนเฟิงถามขึ้น
“นายน้อย ไม่ใช่ ไม่มีอะไรครับ อาจจะเป็นหมาเห่าก็ได้” บอดี้การ์ดคนหนึ่งมองออกไปก่อนจะยืนยัน
“ไม่ใช่หรอก แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทีมกู้ภัยจะมาเมื่อไหร่ พวกเราทุกคนล้วนบาดเจ็บ ไม่มีทั้งสัญญาณ น้ำ อาหารหรือแม้แต่ยา จะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้” บอดี้การ์ดอีกคนว่าขึ้น
“ไม่ต้องห่วง อย่างแรกเลยนะ อดทนไว้ เดี๋ยวเราจะลงเขาไปหลังจากคืนนี้ และพรุ่งนี้ อาจจะมีใครสักคนมาหาเรา เราต้องรอไปก่อน...”
“เจ้านาย มาข้างๆข้านี่ละ ข้าสัมผัสถึงพวกมันได้ ไปทางนี้” จู่ๆ เสี่ยว เฮ่ยก็กล่าวขึ้นกับหลิน เฟิง
“ที่ไหน ฉันจะไป” หลิน เฟิงมองดูทิศทางจากเสียงของเสี่ยว เฮ่ยอย่างรีบร้อน
หลังจากนั้นชั่วครู่ ในที่สุด หลิน เฟิงก็ได้เห็นซู หยวนเฟิงและคนอิ่นๆผ่านการนำทางของเสี่ยว เฮ่ยในที่สุด
0 ความคิดเห็น