RC:บทที่ 50 ได้เจอหมีดำอีกครั้ง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 50 ได้เจอหมีดำอีกครั้ง


 “ทุกคน ผมรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้ว ตามผมมาเลยครับ” ทันทีที่หลิน เฟิงได้ข่าว เขาก็บอกทุกคนเป็นอย่างแรก


“อะไรนะ นายรู้แล้วงั้นหรือว่าทุกคนอยู่ที่ไหน งั้นเราไปตามพวกเขากลับมากันเถอะ”


“ในที่สุดผมก็เจอแล้ว แล้วคุณล่ะ เป็นไง ทุกอย่างโอเคนะ”


“ว่าไงนะ นายเจอซื่อเอ๋อร์แล้วงั้นหรือ งั้นมานี่เลย มานี่มา”


“...”


สักพัก คนเหล่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินว่ามีคนเจอคนพวกนั้นแล้วซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาก็ไม่ต้องมาเดินวนหาไปรอบๆป่าภูเขานี้อยู่ในยามดึกสงัดแบบนี้อีก แถมยังได้เงินกลับบ้านไปอีกมากมาย พวกเขาพอใจเอามากๆ


“หลิน เฟิง นายเจอซื่อเอ๋อร์แล้วใช่ไหม เธออยู่ไหน บาดเจ็บหรือเปล่า เล็กน้อยหรือสาหัส” 


เมื่อหยาง เจียนหลิงตามหลิน เฟิงขึ้นมาติดๆ ก็เอ่ยถามไม่หยุด พอมีคำถามหนึ่งแล้วก็มีอีกคำถามไปเรื่อยๆ หลิน เฟิงก็ไม่รู้จะตอบยังไง


 “หลิน เฟิง นายเจอแล้วใช่ไหม แล้วอยู่ที่ไหนกันล่ะ” เจิง ยี่ชานพร้อมพรรคพวกของเขารีบเข้ามาหาหลิน เฟิงเป็นครั้งแรกก่อนจะเอ่ยถาม


“ไม่ต้องห่วงครับ เราก็แค่เจอร่องรอยของพวกเขา ซึ่งก็อาจจะเป็นร่องรอยนั้นจริงๆ คุณก็ตามผมมาก็แล้วกัน” หลิน เฟิงปล่อยให้เสี่ยว เฮ่ยเดินนำหน้า แล้วจึงพาคนอื่นๆเดินตามไป


คนมากกว่า 30 คนเรียงกันเป็นแถวยาวเหมือนงูเดินคดเคี้ยวไปเพื่อเดินไปที่ภูเขาเบื้องหน้า


หลังจากนั้น ก็เป็นเวลามากกว่า 10 นาที หลิน เฟิงและผู้แข่งคนอื่นๆก็เข้ามาใกล้แอ่งเล็กๆที่ซู หยวนเฟิงและเพื่อนร่วมทีมเคยอยู่กัน


“โฮก”


พลันก็มีเสียงคำรามกู่ก้องขึ้น ทำเอาหลิน เฟิงและคนอื่นๆถึงกับกลัว


“หมี หมี หมีดำนี่นา” จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น


โฮ่งๆๆ


สักพัก  หมาล่าเนื้อตัวหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ก็เห่าขึ้น ป่าภูเขาทั้งผืนจึงมีแต่เสียงเห่าดังระงม


“วิ่งสิ วิ่ง นั่นมันหมีดำนะ” 


ในตอนนั้นเอง ผู้คนก็ต่างวิ่งหนีหมีดำเพราะกลัวจะถูกทำร้าย


เดิมที หมีตัวดังกล่าวกำลังหลับอยู่ แต่เมื่อหลิน เฟิงกับคนอื่นๆเดินผ่านมา มันจึงตื่นขึ้น


ในตอนนั้นเอง มันก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะคำรามใส่สุนัขล่าเนื้อที่เข้ามายืนล้อมรอบตัวเอง


“อย่ากลัว ที่นี่เรามีสุนัขล่าเนื้อมากกว่า 30 ตัว จะให้กลัวเจ้าหมีตัวเหม็นนี้เนี่ยนะ ไม่ต้องกลัวเรื่องที่จะให้สุนัขเข้าไปจัดการมันหรอก เอาล่ะ จัดการมันเลย” 


“ใช่แล้ว ก็แค่หมีตัวหนึ่ง จะมาหยุดเราไม่ให้เดินหน้าต่อแบบนี้ได้อย่างไร”


“ตอนที่ฉันออกล่าวันนี้ก็ไม่ได้เจอพวกสัตว์ใหญ่เลยด้วย แต่คราวนี้ต้องมาฆ่าหมีอีก ซวยจริงๆเลย ชดเชยความกลัวนี้ด้วยอุ้งตีนของมันงั้นสินะ” 


“เอาน่า ให้สุนัขเรากัดมันซะ”


“ชัวชัว กัดมัน”


“...”


ในตอนนี้ คนพวกนี้ก็เหมือนกับไก่ที่กำลังจิกกันเลือดกระเด็น พวกเขาปล่อยสุนัขล่าเนื้อออกไปจัดการกับหมีดำ


“หมีดำงั้นหรือ หมีดำอีกตัวหนึ่งหรือนี่” เมื่อหลิน เฟิงได้ยินคนข้างหลังตะโกนออกมา เขาจึงรีบหันกลับไปดู


นี่ไม่ใช่หมีใหญ่ ตัวมันไม่ใหญ่เท่าตัวที่หลิน เฟิงล่า อาจจะไม่โตเต็มวัยเสียด้วยซ้ำ เป็นเพียงแค่หมีดำตัวเล็ก


เดิมที หลิน เฟิงก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรอยู่แล้ว แต่เขาก็คิดได้ขึ้นมาในทันใดว่าที่ตรงนี้เป็นของจิตวิญญาณสัตว์ป่าอันทรงพลัง เขาตกใจมากก่อนจะหยุดกะทันหัน


“หยุด ทุกคนหยุด ปล่อยหมีดำไป อย่าทำร้ายมัน” หลิน เฟิงออกโรงห้าม


“เฮ้ย นายทำอะไรของนาย หรือเบื่อภูเขาในตอนค่ำนี้ล่ะสิ เวลาเจอหมีเลยรู้สึกไม่สบายใจเอา มาฆ่าหมีดำแก้เบื่อกันเถอะ อย่าทำให้เป็นเรื่องเลย” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งว่าขึ้น


หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวก็เป็นคนแรกที่ล่าและสั่งมันให้เข้าโจมตีหมีดำ ในขณะที่คนอื่นๆก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวกันนัก จึงออกล่าตามเขาบ้าง


ในขณะเดียวกันนั้น สุนัขล่าเนื้อสามหรือสี่ตัวก็อยู่ข้างๆหมีตัวดังกล่าว และแม้จะสร้างความเสียหายไม่ได้มากนัก แต่ก็พอทิ้งรอยเลือดไว้บนตัวของมันบ้าง และนั่นทำให้มันฉุนขาด


ในเวลามืดค่ำ ดวงตาดำสนิทและหม่นเศร้าทั้งสิบคู่นั้นต่างก็จ้องสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำที่อยู่แถวหน้า ที่ในตอนนี้ ร่างทั้งร่างของเขาได้แผ่ความรู้สึกกลัวออกมา


 “โฮก บรู๋” เพียงแค่เห็นว่ามันร้อง เสียงหอนของหมาป่าร่างยักษ์ก็ดังก้องไปทั่วป่าภูเขา ทั้งฝูงนกและเหล่าสัตว์ต่างตื่นกลัวจนต้องบินหนีไม่ก็วิ่งหนีไป


จากนั้น ทุกคนก็รู้สึกถึงลมเย็นยะเยือกพัดเข้าที่ใบหน้า แล้วจู่ๆก็รู้สึกขนลุกราวกับตกไปในห้องแช่แข็ง


“นี่ไง เจ้านาย ตัวนี้ล่ะ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมัน นี่จะต้องเป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นกลางแน่ๆ และไม่ใช่ระดับกลางแบบทั่วไปเสียด้วย” เสี่ยว เฮ่ยว่าขึ้นอย่างสั่นๆ


“ตัวนี้น่ะหรือ จิตวิญญาณสัตว์ป่าสุดแข็งแกร่งที่นายว่า” หลิน เฟิงถามขึ้น


 “ใช่แล้ว เจ้านาย บอกพวกเขาให้หยุดเลยนะ นี่เป็นเขตแดนของพวกมัน อย่าหาเรื่อง เพราะว่าถ้ามันโกรธขึ้นมาล่ะก็ เราคงจะออกจากที่นี่ไม่ได้แน่ๆ” ผึ้งเพชฌฆาตเสริม


เมื่อผึ้งเพชฌฆาตกล่าวเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าตัวเองดันมาพัวพันกับเรื่องน่ากลัวนี่เข้าให้แล้ว ไม่ต่างจากเอาปืนมาจ่อที่ท้ายทอยเขาเลย


แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ หน้าจอมือถือในกระเป๋าของหลิน เฟิงนั้นก็สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ จากนั้นน้ำวนสีดำนั่นก็หมุนวนอย่างรวดเร็วทำให้เขาหายใจไม่ออกขึ้นมาในทันที


ในความมืดนั้น ผู้นำของกลุ่มเงามืดเหมือนจะได้รับบาดเจ็ดอย่างหนัก ก่อนจะที่อาการหายใจติดขัดจะคลายลงอย่างรวดเร็ว


“อะไรน่ะ อะไร” บางคนที่ได้ยินเสียงนี้ ทุกๆคนต่างกลัวที่จะต้องสู้ เพราะต่างไม่รู้ว่าต้องทำอะไร


แต่ทว่าก็ยังมีคนที่ไม่กลัวความตาย อย่างเช่น ชายวัยกลางคนคนนี้


“หืม นั่นเสียงหอนของหมาป่างั้นหรือ แล้วพวกคุณจะกลัวอะไรกันเนี่ย ฆ่าเจ้าหมีดำนี่ก่อน แล้วค่อยล้างบางพวกหมาป่าโสโครกนั่นกัน เสี่ยว ฮวง ไปกัดมันเลย” ชายสูงวัยคนดังกล่าวยังคงควบคุมสุนัขของตนให้เข้าต่อสู้กับหมีดำตัวนั้น


“หยุด หยุดก่อนครับ ไม่งั้นคุณจะต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา” หลิน เฟิงตะโกนใส่ชายร่างใหญ่คนดังกล่าว


 “พี่เฟิง นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ” หวังหานและคนอื่นๆไม่เข้าใจ


“ฉันก็ไม่รู้ แต่พี่เฟิงคงมีเหตุผลของเขานั่นล่ะ” ชาวบ้านจากหมู่บ้านลั่วหยางอีกคนว่าขึ้น


“เป็นที่อารมณ์ของหลิน เฟิงกันล่ะ เขาถึงได้สนใจแม้กระทั่งเรื่องพวกนี้ด้วย” หยาง เจียนหลิงเห็นว่าจู่ๆหลิน เฟิงก็วิ่งเข้าไปหยุดชายคนนั่นจากการฆ่าหมีดำ แล้วเธอก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่


“อันแหนะ ไอ้ปีศาจกระจอก อยากโดนนักใช่ไหม แม้แต่เรื่องพวกนี้ แกควรระวังตัวไว้บ้างนะ ในกรณีนี้ ฉันจะทำให้แกรู้ถึงจุดจบของพวกชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเอง เสี่ยว ฮวง ขย้ำมัน” ชายวัยกลางคนว่าขึ้นก่อนจะพูดกระตุ้นสุนัขของเขาให้กัดหลิน เฟิง


“วอนหาเรื่องตายเองนะ เสี่ยว เฮ่ย” หลิน เฟิงเองก็คาดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนคนนี้จะป่าเถื่อนได้ขนาดนี้ เขาจึงเรียกเสี่ยว เฮ่ยในทันที


“โฮก” ทันทีที่ส่งเสียงคำราม เสี่ยว เฮ่ยก็ปรากฏกายข้างๆหลิน เฟิง จากนั้นก็กัดเข้าที่คอของหมาตัวสีเหลืองใหญ่นั่นโดยทันที


ไม่ถึงสามวินาที สุนัขของชายวัยกลางคนก็ร่วงลงกับพื้น เสียชีวิต


“นี่นาย นายปล่อยให้หมาของนายมาฆ่าหมาของฉัน ฉันจะฆ่านาย” หลังจากพูดจบ ชายคนดังกล่าวก็เข้ามาต่อยหลิน เฟิง


แต่ก่อนที่หมัดเขาจะไปถึง เสี่ยวเฮ่ยก็กัดเขาเข้าสียก่อน เกิดเป็นรูสี่รูขนาดใหญ่มีเลือดออกที่แขน เลือดไหลนองเป็นทาง


“นี่ แก แก...” ชายวัยกลางคนที่ทรมานจากความเจ็บปวดก็ชี้ไปที่หลิน เฟิง ไม่พูดอะไรต่อ


 “ออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นนายจะโดนกัดเพิ่มอีก” หลิน เฟิงข่มขู่


“พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่ หลิน เฟิง นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ยังมีเวลาที่จะมากังวลเรื่องพวกนี้...” หยาง เจียนหลิงไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้วพลางตะโกนใส่หน้าหลิน เฟิง


“หุบปาก หุบปาก ถ้าคุณยังอยากจะพาน้องสาวของคุณกลับออกมาอย่างปลอดภัย” หลิน เฟิงตะโดนกลับไปอย่างไม่ปรานี


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น