RC:บทที่ 49 ผึ้งอันเชิญ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 49 ผึ้งอันเชิญ


“ไปกันเลย ส่วนผมจะไปหากันเอง” หลิน เฟิงตั้งทีมกับหวัง หานและคนอื่นๆ ก่อนจะไปอีกฝั่งหนึ่ง


ไม่นาน หลิง เฟิงก็เดินออกจากฝูงชนมา ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คือสุนัขยักษ์และผึ้งเพชฌฆาต


“เอาล่ะ พวกนายเจออะไรกันบ้าง” หลิน เฟิงเอ่ยถามเสี่ยว เฮ่ยและผึ้งเพชฌฆาต


ในตอนนี้ หลินเฟิงเอ่ยขอให้พวกเขาออกตามหาได้เลยถ้าเจอเบาะแสอะไรขึ้นมา จนเมื่อทั้งสองกลับมา หลิน เฟิงก็รอที่จะรู้คำตอบแทบไม่ไหว


“ไม่เลย” ผึ้งเพชฌฆาตส่ายหัวไปมาต่อหน้าเขา


"ข้าก็เหมือนกัน” เสี่ยว เฮ่ยว่าขึ้นบ้าง


 “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง สัญญาณของเขาหายไปจากตรงนี้ ก็น่าจะอยู่ใกล้ๆนี้สิ” หลิน เฟิงสับสน


เดิมทีนั้น เขาคิดว่าด้วยความสามารถด้านประสาทสัมผัสที่เสี่ยว เฮ่ยมีนั้น ตราบใดที่เขาพบสถานที่ที่ซู หยวนเฟิงหายไป เขาก็คงจะใกล้ได้พบกับคนพวกนั้นแล้วแท้ๆ แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้


“เสี่ยว เฮ่ย แล้วความสามารถด้านประสาทสัมผัสของนายล่ะ นายสัมผัสถึงลมหายใจของซู หยวนเฟิงในระยะหนึ่งกิโลเมตรนี้ไม่ได้เลยหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“เจ้านาย ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมความสามารถด้านประสาทสัมผัสของข้าถึงถูกจำกัดตอนอยู่ที่นี่ ข้ารู้สึกได้แค่ระยะทางประมาณ 100 เมตร ดังนั้น ข้าก็เลยไม่สามารถสัมผัสถึงลมหายใจของพวกเขาได้เลย” เสี่ยว เฮ่ยอธิบาย


“ว่าไงนะ ประสาทสัมผัสถูกจำกัด ทำไมล่ะ” หลิน เฟิงรู้สึกงง แต่สิ่งที่งงก็ได้เกิดขึ้นแล้ว


“น่าจะมีจิตวิญญาณของสัตว์ป่าที่ทรงพลังตัวอื่นๆที่อยู่ที่นี่ พลังของพวกมันมีนั้นเหลือล้นจนกดความสามารถของพวกเราเอาไว้” เสี่ยวเฮ่ยว่าขึ้นด้วยท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย


“ใช่แล้ว จะต้องมีจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่ทรงพลังอยู่ที่นี่ เราสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เหลืออยู่ของพวกมันได้อย่างง่ายๆเลย และลมหายใจนี้ก็คือคำเตือนร้ายแรง ไม่มีสัตว์ตัวไหนได้รับอนุญาตให้เข้าไป” ผึ้งเพชฌฆาตว่าขึ้น


“ว่าไงนะ มีจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่ทรงพลังอยู่ในป่าภูเขาแห่งนี้งั้นเหรอ” หลังจากได้ฟังในสิ่งที่สัตว์ทั้งสองพูด หลิน เฟิงก็รู้สึกตกใจ


“แล้วทีนี้จะยังไงดี พวกนายมั่นใจไหมว่าจะสู้มันได้” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ไม่เลย” หลังจากที่หลิน เฟิงถามขึ้น สัตว์ทั้งสองก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน


 “เจ้านาย ในขณะที่เราก้าวเข้าไปเรื่อยๆ เราก็ยิ่งจะเจอจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็เป็นจิตวิญญาณขั้นกลาง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราที่เป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำระดับสองจะเอาชนะได้” เสี่ยวเฮ่ยว่าขึ้น


“แล้วตอนนี้พวกเราไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายหรือไง ถ้ายัยนั่นโกรธ เราจะไม่ตายกันหมดที่นี่เลยหรือไง” เมื่อหลิน เฟิงคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกสยอง


 “ใช่” ผึ้งเพชฌฆาตพยักหน้า


“ใช่งั้นหรือ เฮ้อ” คำตอบของผึ้งเพชฌฆาตทำเอาหลิน เฟิงเกือบจะปลิดชีพตัวเองไปเสียแล้ว


 “แต่ไม่ต้องห่วงนะ เจ้านาย การที่เราเข้ามายังเขตแดนของจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่แข็งแกร่ง นั่นย่อมหมายความว่ามันสังเกตเห็นพวกเรามานานแล้ว”


“และการที่พวกมันไม่ทำอะไรนั่นก็แปลว่าพวกมันไม่ต้องการทำ หรือไม่งั้นก็คงกลัวอะไรสักอย่าง ดังนั้น พวกเราก็จะปลอดภัย ตราบใดที่ไม่ไปทำให้พวกมันไม่พอใจเสียก่อน” เสี่ยวเฮ่ยว่า


“โอเค แต่ตอนนี้พลังด้านประสาทสัมผัสของนายถูกจำกัดไว้นี่ แล้วจะหาคนได้ยังไงกัน ฉันก็ดันไปโม้กับพวกนั้นไว้ว่าจะหาได้ แล้วตอนนี้ความสามารถด้านประสาทสัมผัสของนายจู่ๆก็มีปัญหาอีก ถ้าหาใครไม่เจอแบบนี้ล่ะก็หายนะแน่ๆ” หลิน เฟิงที่ตอนนี้เสียสติไปแล้วพูดขึ้น


 “ไม่เป็นไร เจ้านาย งั้นข้าขอทำแบบนี้ได้ไหม” เมื่อหลิน เฟิงไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ผึ้งเพชฌฆาตก็เอ่ยขึ้นในทันที


“นายมีวิธีงั้นหรือ” คำพูดของมันทำเอาหลิน เฟิงรู้สึกได้ถึงแสงสว่างในความมืด


“ดูนี่นะขอรับ หึ่ง”


เขาเห็นผึ้งเพชฌฆาตบินขึ้นไปกลางอากาศ แล้วจากนั้นก็ส่งเสียงหึ่งๆ คลื่นเสียงดังกล่าวนี้นั้นดังมากและดูเหมือนจะกระจายออกไปได้อย่างมั่นคง คลอบคลุมไปทุกทิศทาง


หึ่ง


ทันใดนั้นเอง ภายในสามนาที ผึ้งป่ากลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น มีทั้งผึ้ง ตัวต่อและอื่นๆ ผึ้งป่าทุกชนิดปรากฏขึ้น


พวกมันรวมตัวกันอย่างรวดเร็วต่อหน้าผึ้งเพชฌฆาตด้วยจำนวนที่น่าเหลือเชื่อ ในตอนที่ผึ้งพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ประเมินไว้ว่ามีราวๆหมื่นตัวหรือมากกว่านั้น


“พระเจ้าช่วย” เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ หลิน เฟิงก็อึ้งไป เขายืนนิ่งราวกับไร้สติเพราะกลัวที่ถูกผึ้งพวกนี้จ้องมา


หึ่ง


เขาเห็นผึ้งเพชฌฆาตบินอยู่บนนั้น หลังจากนั้น ฝูงผึ้งป่าก็บินไปมาก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย


“พระเจ้า นี่ ผึ้งเพชฌฆาต ทำไมนายถึงเรียกผึ้งป่าออกมามากมายขนาดนี้ล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ก็ต้องเป็นแบบนี้ล่ะ ปล่อยให้ผึ้งพวกนี้หาคนที่คุณกำลังตามหา ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งเล็กและเร็ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตามหาคนแล้วล่ะ” ผึ้งเพชฌฆาตว่าขึ้น


“อ๋อ ใช่ เป็นความคิดที่ดีมาก งั้นมารอข่าวอยู่ตรงนี้กันดีกว่า”


ในเงามืดของหญ้า สายตาที่ดำสนิทและหม่นหมองนับสิบคู่ก็ยังคงจ้องซู หยวนเฟิงอยู่


“หืม จิตวิญญาณสัตว์อีกตัวงั้นหรือ”


เมื่อนั้น จ่าฝูงของกลุ่มเงาดำก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจในทันที


“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ท่านปู่ แล้วจิตวิญญาณสัตว์ป่าอีกตัวคืออะไร” ตัวที่สองถามขึ้น


“ได้ยินเสียงหึ่งๆอะไรไหมล่ะ ตอนนี้ นี่เรียกว่าเสียงเรียกจากจิตวิญญาณของผึ้ง ที่กำลังเรียกผึ้งตัวอื่นๆ” เสียงชรานั้นพูดขึ้น


“อะไรนะ จิตวิญญาณผึ้งอีกตัว ที่ข้าจำได้ไม่น่าจะมีจิตวิญญาณผึ้งในป่าภูเขานี่เลยนะ ใช่ไหม” ตัวที่สองว่าต่อไป


 “ใช่ แปลกจริง แล้วมันก็อยู่กับมนุษย์ด้วยงั้นหรือ” จ่าฝูงหลับตาลง แล้วก็ปรากฏคลื่นประหลาดๆ ราวกับระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่พลิ้วออกไป


เวลาต่อมา


“เป็นมนุษย์นั่นจริงๆด้วย มีจิตวิญญาณสัตว์ป่าอีกหนึ่งตัวข้างๆกายเขา รวมแล้วเป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำระดับสองถึงสองตัว ไม่น่าเชื่อเลย” จ่าฝูงรู้สึกตกใจที่รู้สึกถึงจิตวิญญาณของสัตว์ป่าทั้งสองตัวที่อยู่กับหลิน เฟิง


ช่างโชคดีที่ได้เจอกับจิตวิญญาณสัตว์ป่า และยังไม่มีใครเข้าไปทำสัญญาด้วย หลิน เฟิงเองจึงมีถึงสองตัวและไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ


แต่ทว่าหลิน เฟิงกลับไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ ใครจะไปรู้ว่าจิตวิญญาณสัตว์ทั้งสองนี้จะขอทำสัญญาด้วย


“เขาเกือบถึงกันแล้ว พร้อมกับมนุษย์คนอื่นๆที่มาตามหาคนพวกนั้น เตรียมตัวให้พร้อมสู้ ถ้าพวกมันกล้าเข้ามาต่อกรกับพวกเรา ก็ฆ่าทิ้งได้เลย” ถึงเสียงนั้นจะชรามากแล้วแต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาในเวลานี้กลับมีอำนาจอย่างที่สุด


 ราวกับว่ามีลมหมุนไปมาทั่วร่างกายของมันซึ่งทำให้ดอกไม้และต้นไม้แถวนั้นสลายไปกลายเป็นซาก


ร่างดำที่อยู่ข้างหลังเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความกลัวสุดขีด ถอยหลังไปเรื่อยๆ


ส่วนในตอนนี้ มีผึ้งไม่ก็ตัวที่บินกลับมาหาหลิน เฟิงในทันใดพลางส่งเสียงหึ่งๆรอบๆผึ้งเพชฌฆาต


“เจ้านาย ข้าเจอแล้ว” ผึ้งเพชฌฆาตว่าขึ้น


“เจอแล้วหรือ ที่ไหน” หลิน เฟิงพึงพอใจอย่างมากที่ได้เห็นข่าวนี้


“เจ้านาย มากับข้าสิ” จากนั้นผึ้งเพชฌฆาตก็บินนำหน้าโดยมีหลิน เฟิงที่เดินตามไป


“ตามผมมาด้วยกันเลย ผมรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้ว...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น