RC:บทที่ 47 เริ่มออกตามหา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 47 เริ่มออกตามหา


“นี่มัน...ดีแล้วงั้นหรือ” เจิง ยี่ชานคิดว่านี่ไม่น่าได้ผล ใครจะรู้ว่าเสียงที่หลิน เฟิงส่งออกไปนั้นจะทำให้คนเปลี่ยนใจในทันที


คนที่เพิ่งบอกว่าจะไม่ไป แต่มาตอนนี้กลับแย่งกันที่จะไป พวกเขาเคยบอกว่าตัวเองเหนื่อยหลังจากเดินป่ามาทั้งวัน แต่มาตอนนี้พวกเขาดูเหมือนได้รับแรงกระตุ้นด้วยอารมณ์ที่อยากจะไปหุบเขานั่นเสียเดี๋ยวนี้เลย


 “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย แต่ก็นะ นายกับผู้คนก็ไม่ได้ไม่มีเงินเสียหน่อย น่าจะมีน้ำใจกันหน่อยสิ แม้ว่าทุกคนจะได้กันไป 1000 แต่นี่มีถึง 30 คน ก็ปาไป 30000 หยวนแล้ว เรื่องแค่นี้น่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆสำหรับพวกนายไม่ใช่หรือไง”


“ในฐานะคนจน เราก็ต้องทนกับคำว่า “คนจน” อย่าทำเหมือนเราเป็นขอทานที่ให้เสร็จแล้วก็ไปสิ คุณคิดว่าผลที่ได้เป็นยังไงล่ะตอนนี้ ทุกคนแย่งกันช่วยเหลือนี่ ใช่ไหม” หลิน เฟิงว่ากับเจิง ยี่ชานก่อนจะกะพริบตาให้


“เอาล่ะ ผลที่ได้รับก็ดีและก็เข้าท่า แต่มันรู้สึกไม่ดีเลย” เจิง ยี่ชานพูดวนไปมา


“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกครับ ตอนนี้รีบขึ้นไปตามคนที่ภูเขาเถอะ เพราะถ้าช้ากว่านี้ล่ะก็ จะยิ่งอันตราย” หลิน เฟิงว่าขึ้นยิ้มๆ


หลังจากที่กล่าวจบ หลิน เฟิงก็พอใจอยู่เงียบๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง นั่นก็ไม่ใช่เงินของเขาเองอยู่แล้ว และไม่ใช่เงินของผู้คนด้วย และเพราะผู้คนต้องออกไปตามหาให้ พวกเขาจึงควรจะออกเงินให้ไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว


ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็จ่ายเงินเป็นล้านเพื่อเล่นเกมดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วนั้น เงินเป็นแสนคงได้มาอย่างรวดเร็วเหมือนคนธรรมดาที่ใช้เงินไม่กี่หยวน คงไม่สะเทือนขนหน้าแข้งเท่าไหร่หรอก


อีกฟากหนึ่งนั้น  หยาง เจียนหลิงหันไปมองหลิน เฟิงพลางคิดในทันทีว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่ๆ อย่างแรกเลย เขาคิดอะไรดีๆออก อย่างที่สอง เขาให้คนอื่นเป็นคนจ่ายเงินและเธอจะต้องเป็นคนจ่าย และนี่ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นอะไรบางอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง 


แต่ก็ไม่มีสิ่งใดทำอะไรเธอได้ เป้าหมายของเธอมีแค่หาตัวน้องสาวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆจะทำอะไรก็ทำไป


จากนั้นผู้คนก็รีบไปตามหาซู หยวนเฟิงก่อนที่จะหายกันไปตามหน้าจอแสดงผลของเครื่องตรวจสอบ ในตอนนี้เอง บางคนก็หยิบคบไฟ บ้างก็คบไฟไล่สัตว์ ทั้งลมและไฟก่อนจะรีบเร่งไปยังที่นั่นด้วยแรงผลักดันมหาศาล


“นายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง” ทันใดนั้นเอง เมื่อผู้คนไปได้เพียงครึ่งทาง หลิน เฟิงก็หยุดขึ้นมาเพราะมีบางสิ่งในกระเป๋าของเขาสั่นไหว


 “หึ่ง”


เมื่อหลิน เฟิงมาไปที่หญ้าใกล้ๆเขา เขาจึงเปิดกระเป๋าและสิ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นก็บินออกมา


ร่างทั้งร่างของมันเป็นสีดำสลับเหลือง มีอะไรบางอย่างยื่นออกมาจากหัว ตาสองข้างขนาดเท่านิ้วมือ รวมถึงปีกคู่บางใสที่อยู่บนหลังของมัน


ในตอนนั้นเอง เจ้าสิ่งนี้ก็ลอยไปมาเหนือป่า บินไปรอบๆพลางส่งเสียงหึ่งๆด้วยความตื่นเต้น


“นี่มัน...ตัวต่อตัวนั้น” หลิน เฟิงว่าขึ้นอย่างประหลาดใจ 


จากนั้น ต่อตัวใหญ่นี้ก็บินไปยังหว่างคิ้วของหลิน เฟิงและหยุดอยู่ตรงนั้น เขาเห็นมันบินมาที่หน้าผากของเขาก่อนจะแตะหัวของเขาด้วยคิ้วของมัน


หลิน เฟิงคิดว่าตัวเองจะโดนมันต่อยเสียแล้ว เขากลัวจนต้องขยับหนี


เพราะเขารู้พลังของตัวต่อแบบนี้ดี มันสามารถเติบโตอยู่ได้ในกระเป๋าใบใหญ่นี้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่สลบไป นี่ถ้าเขาโดนต่อยสักสองหรือสามครั้งล่ะก็ ชะตาอาจจะขาดเอาได้


นอกจากนี้ ตัวต่อตัวนี้ยังมีขนาดใหญ่กว่าต่อทั่วไปหลายเท่าอีกด้วย


ต่อตัวใหญ่ถึงกับมองด้วยความฉงนและกังวล จากนั้นก็บินไปหาเสี่ยว เฮ่ยก่อนจะเอ่ยขึ้น


“เจ้านาย ท่านไม่จำเป็นต้องหลบหรอก มันได้ทำสัญญากับท่านเพื่อให้กลายมาเป็นสัตว์นักรบให้ท่านแล้ว” ในขณะที่หลิน เฟิงขยับ เสียงของเสี่ยว เฮ่ยก็แทรกเข้ามาในใจ


“สัญญางั้นหรือ มาเป็นสัตว์ตัวโปรดของฉันน่ะหรือ สัญญาคืออะไรและอะไรคือสัตว์นักรบ” สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับหลิน เฟิง เขาจึงเอ่ยถามขึ้น


“สัญญาคือสิ่งที่บ่งบอกสถานะของเรา ข้าต้องเชื่อฟังเจ้านาย ทั้งเจ้านายและข้าเราต่างแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณกัน นี่ล่ะคือสัญญา”


 “ส่วนสัตว์นักรบ ก็แหมือนข้าตอนนี้ ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่า เราต้องสู้เพื่อเจ้านาย ปกป้องเจ้านาย นี่ล่ะคือสัตว์นักรบ” เสี่ยว เฮ่ยอธิบายกลับไปด้วยความอดทน


“อ๋อ นี่น่ะหรือผลที่ได้ งั้นไปกันเถอะ” หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็ยืนนิ่งเพื่อรอให้ต่อใหญ่ตัวดังกล่าวทำสัญญา


เขาเห็นแค่ว่ามันบินไปที่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง จากนั้นก็เข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ก่อนจะเอาหัวของมันชนกับหน้าผากของเขา


จากนั้น วงรัศมีสีเหลืองอ่อนๆก็ออกมาจากที่ที่คิ้วทั้งสองข้างสัมผัสกัน หลิน เฟิงรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรอุ่นๆบินไปมาในใจ


สิ่งนี้ทำให้หลิน เฟิงนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขากับเสี่ยว เฮ่ยมาเจอกันขึ้นมาได้


หลังจากที่เรื่องนี้เข้ามาในหัวของเขาแล้วนั้น เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากและพอใจสุดๆ ดูเหมือนนี่คงจะมาจากผึ้งใหญ่ตัวนี้งั้นสินะ


“จิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำ วิญญาณผึ้งเพชฌฆาต รายงานตัว เจ้านาย” เจ้าผึ้งตัวใหญ่บินไปมาเงียบๆตรงหน้าของหลิน เฟิง พร้อมกับส่งเสียงให้เขาได้ยินในใจด้วย


“ผึ้งเพชฌฆาตงั้นหรือ ไม่ใช่ตัวต่องั้นหรือ” หลิน เฟิงสงสัย


“เจ้านาย ข้าคือจิตวิญญาณสัตว์ป่า จิตของผึ้ง ไม่ใช่ตัวต่อ” เจ้าผึ้งตัวใหญ่ตอบหน้ามุ่ย


“เอาล่ะ จิตวิญญาณผึ้งเพชฌฆาต แล้วแบบนั้น เสี่ยว เฮ่ยมีความสามารถในการควบคุมไฟนรกได้ แล้วความสามารถของนายล่ะ” หลิน เฟิงรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของจิตวิญญาณผึ้งตัวนี้


“ความสามารถของเจ้านี่น่ะไม่ธรรมดา” คราวนี้เป็นเสี่ยว เฮ่ยที่ตอบ


 “นายรู้งั้นหรือ” หลิน เฟิงรู้สึกสงสัย


“ เจ้านาย ข้อมูลจิตวิญญาณสัตว์ป่าส่วนหนึ่งนั้น เราได้รับสืบทอดกันในหมู่พวกเรา รวมถึงความทรงจำด้วย ความสามารถของพวกจิตวิญญาณพวกผึ้งเพชฌฆาต ความสามารถของพวกมันก็คือการต่อยด้วยพิษที่ร้ายแรง เอาเลย โชว์ให้เจ้านายดูสิ” เสี่ยว เฮ่ยกล่าวขึ้นกับผึ้งเพชฌฆาต


“ได้เลย ”


หลังจากนั้น หางของต่อตัวดังกล่าวก็มีแสงระยิบระยับสีเขียว จากนั้นก็มีหนามแหลมสีเขียวโผล่ออกมาจากหาง ก่อนจะยิงไปที่ต้นไม้ด้วยรัศมีมากกว่า 30 ซม. และความเร็วที่ยากจะจับได้ด้วยตาเปล่า


ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงซู่ๆที่ต้นไม้ราวกับกำลังถูกบางสิ่งกัดกร่อน แล้วจากนั้นก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว


ภายในสิบวินาทีก็เกิดรูใหญ่ขึ้นในจุดที่ต้นไม้ใหญ่นั้นโดนยิง ลุกลามไปเรื่อยๆ


“เฮ้ย แย่ล่ะสิแบบนี้ ถ้าเกิดไปยิงคนหรือสัตว์ตัวอื่นๆเข้าล่ะก็ พวกนั้นจะไม่ตายในทันทีน่ะสิ” หลิน เฟิงสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปอด


 “ใช่แล้ว คนทั่วไปกับสัตว์นั้น พิษนี้สามารถฆ่าให้ตายได้ภายในสิบวินาที เราถึงเรียกมันว่าผึ้งเพชฌฆาตยังไงล่ะ” เสี่ยว เฮ่ยอธิบาย


ต่อมา ก็เกิดเสียงกรอบแกรบขึ้น ก่อนที่ต้นไม้จะหักโค่นลงมา


“อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น...” ในตอนนั้นเอง ผู้คนที่อยู่ไม่ไกลนั้น เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงดังกล่าว ก็ต่างหันไปรอบๆอย่างรวดเร็วและหวาดกลัว


“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆต้นไม้ถึงล้มลงมาล่ะ แล้วก็นี่ ดูเหมือนชายคนที่ชื่อหลิน เฟิงจะเดินไปมาตามใจเลยนะ เขายังอยู่ดีใช่ไหม” ในตอนนั้น เจิง ยี่ชานก็จำได้ว่าหลิน เฟิงจะไปไหนตามอำเภอใจก็ได้


“หวังว่าเขายังอยู่ดีนะ” เมื่อไม่เห็นหลิน เฟิง หยาง เจียนหลินจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย


“โอ้ ผมไม่เคยเห็นพี่หลิงจะใส่ใจคนอื่นเลยนะครับ หรือเพราะว่ากลัวครับ” เจิง ยี่ชานว่ากระซิบ


“หมายความว่าไง นายไม่ต้องการโดนอัดสักป้าบใช่ไหม”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น