RC:บทที่ 44 ล่าหมีดำ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 44 ล่าหมีดำ


“โฮก”


เสี่ยว เฮ่ยคำราม พยายามยื้อโอกาสก่อนจะกระโจนไปหาหมีดำ จากนั้นก็กัดเข้าที่หลัง


ในตอนนั้นเอง แสงสีดำก็โผล่ออกมาจากปากของเสี่ยว เฮ่ย เปลวเพลิงเล็กๆสีดำทะลุร่างของเจ้าหมีดำนั้นในทันที ก่อนจะลามไปทั่วทั้งร่างในไม่นาน


“โฮกๆๆ”


หมีดำตัวนั้นร้องลั่นอย่างบ้าคลั่ง ดูแล้วมันคงจะทรมานมาก มันตะปบเล็บของมันไปทั่ว รวมถึงปากของมันก็กัดไปทุกที่


“เกิดอะไรผิดปกติกับเจ้าหมีนั่นน่ะ มันเป็นบ้าไปแล้วหรือไง” เมื่อหวัง หานเห็นหมีดำนั่นโจมตีมั่วซั่วและหันมาทำร้ายเขาต่อถึงสองครั้ง ก่อนจะวิ่งไปรอบๆอย่างรีบร้อน


“เสี่ยวเฮ่ย” เมื่อหลิน เฟิงเห็นเช่นนั้น เขาจึงรีบออกโรงเตือนมัน


เมื่อเห็นสัญญาณจากหลิน เฟิง เสี่ยว เฮ่ยกับสุนัขล่าเนื้อทั้งสองตัวที่ยืนล้อมหมีดำอยู่ ภายใต้การต่อสู้แบบธรรมดาของสุนัขล่าเนื้อทั้งสามนั้น หมีดำตัวดังกล่าวก็ค่อยๆสูญเสียการควบคุมและมีอาการผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ


ในท้ายที่สุด หมีดำก็ดิ้นไปมาด้วยความอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอยู่นั้น เสี่ยว เฮ่ยก็กระโจนเข้าหาก่อนจะงับเข้าที่คอของหมี ฟันทั้งแหลมทั้งคมของเสี่ยว เฮ่ยเจาะทะลุเข้าที่ลำคอของหมีดำก่อนจะจัดการปลิดชีวิตมันในที่สุด


ในตอนนี้ ทุกตัวที่เก่งๆต่างถอดใจก่อนจะค่อยๆล้มลงบนพื้นไปทีละตัว มีเพียงหลิน เฟิงเท่านั้นที่ยังดีอยู่กว่าใครเพื่อน


“พี่เฟิง ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับครั้งนี้ ถ้าไม่ได้พี่ พวกเราสามคนคงตายอยู่ที่นี่แน่เลย” หวัง หานกลืนน้ำลายลงไปก่อนจะพูดขึ้น


“เอาล่ะ อย่ามัวพูดมากกันเลย กดตัวส่งสัญญาณให้ทีมสนับสนุนมาที่นี่ ฉันเกรงว่าลุงคงจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วน่ะสิ”  ลุงของหลิน เฟิงกู๋เป็นชายวัยกลางคนแล้ว


“อ้อ ได้” จากนั้นหวัง หานก็หยิบเครื่องส่งสัญญาณขึ้นมาก่อนจะกดปุ่มสีแดงและดำในเวลาเดียวกัน แล้วนั่งรอทีมสนับสนุนให้มาที่นี่


“นี่พวกนายเข้ามาลึกขนาดนี้ได้ยังไง ก็น่าจะรู้นี่ว่าที่นี่มันอันตรายแค่ไหนแล้วนี่ยังไปยั่วหมีมันอีก” หลิน เฟิงไม่เข้าใจ


เดิมทีนั้น ในฐานะที่เป็นคนของหมู่บ้านลั่วหยาง เขารู้จักภูเขานี้ดีแล้วก็รู้ว่ามันอันตรายและเป็นที่ที่ไม่ควรไป


เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าหวังหานและทั้งสามคนที่เป็นคนมาจากลั่วหยางจะลืมแม้กระทั่งข้อห้ามนี้ เพราะพวกเขาไม่เพียงแค่เข้ามา แต่ยังไปยั่วหมีดำตัวใหญ่นั่นอีก


นี่ถ้าหลิน เฟิงกับเสี่ยว เฮ่ยมาถึงไม่ทันเวลาล่ะก็ ก็คงหาตัวพวกเขาสามคนไม่พบเป็นแน่


“ไม่ใช่นะ พี่เฟิง ฟังพวกเรานะ...” หวัง หานอธิบายขั้นตอนให้กับหลิน เฟิง


กลายเป็นว่าหวัง หานผู้ที่รู้ถึงอันตรายของที่นี่นั้นไม่เคยกล้าที่จะมาที่นี่หรอก แต่เพราะพวกเขากำลังล่าหมูป่าตัวขนาดกลาง และเกือบจะทำได้สำเร็จ แต่พวกเขากลับปล่อยมันหนีไปได้จนต้องไล่ตามจับ


ในขณะเดียวกันนั้นเอง คนทั้งสามที่ต้องการจะจับเพียงแค่หมูป่าก็เดินลึกเข้าไปในป่าภูเขาโดยไม่ได้ตระหนักถึงอะไรทั้งสิ้น ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ตัวหมูป่าซ้ำยังต้องมาเจอหมีดำยักษ์นี้อีก


เจ้าหมีดำยักษ์เข้ากัดสุนัขของชายวัยกลางคนในทันที สุนัขตัวดังกล่าวถูกหมีดำข่วนเพื่อจะช่วยเขา ต่อมา หวัง หานและคนที่เหลือต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเพื่อช่วยชายวัยกลางคนคนนี้


 “พี่เฟิง นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนที่ผมเห็นเจ้าหมีนั่นผมก็นึกว่าจะต้องตายแล้ว แต่เพราะพี่มาถึงได้ทันเวลาพอดี พวกเราเลยไม่ได้รับบาดเจ็บกันไปมากกว่านี้”


“ขอขอบใจมากนะ เสี่ยว เฟิง ไม่อย่างงั้นแล้ว ฉันคงต้องทิ้งชีวิตในภูเขานี้ไปแล้ว” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำพลางนอนราบลงกับพื้น


 “ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่สิ่งที่ต้องทำนะครับ ลุง ดูแลอาการบาดเจ็บของลุงก่อนดีกว่า นี่ก็เลยสี่โมงมาแล้ว  ไม่ใช่แค่ห้าหรือหกโมงที่ต้องกลับไป แต่ถึงเวลาต้องกลับแล้ว” หลิน เฟิงดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะกล่าวขึ้น


เป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งทีมสนับสนุนและทีมกู้ภัยต่างก็มาถึงที่นี่ และเมื่อได้เห็นหมีดำนอนหงายอยู่ที่พื้น พวกเขาก็ถึงกับผงะกลัว


เมื่อยืนยันว่าหมีดำตัวนี้ตายแล้ว ผู้คนจึงกล้าที่จะเข้าไปใกล้มัน


 “นี่คือหมีดำที่พวกคุณจับกันมาได้จริงๆหรือ” ผู้นำของทีมสนับสนุนมองเหตุการณ์ตรงหน้า ในขณะที่ทุกทีมต่างอยู่ในที่ของตน


เขาไม่เชื่อจริงๆว่าหลิน เฟิงกับสุนัขของเขานั้นเป็นคนฆ่าหมีดำที่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน


แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นทุกอย่างที่บันทึกไว้ในเครื่องบันทึกวิดีโอที่หวัง หานพกไว้แล้วนั้นพวกเขาจึงยอมรับแบบไม่เต็มใจนัก


มีทั้งเสียงถอนหายใจและเสียงอุทาน ของแบบนี้ถ้าไม่เห็นด้วยตาของตนเองก็คงไม่มีใครเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง สุนัขตัวหนึ่งกับหมีดำตัวเต็มวัยไม่ได้สู้กันเลยแต่สุดท้ายสุนัขตัวนั้นกลับจัดการหมีดำนี้ได้สำเร็จ


ในความเป็นจริงแล้วนั้น สำหรับสุนัขทั่วไปย่อมเป็นไปไม่ได้ ซึ่งแม้แต่สุนัขล่าเนื้อทั้งสามตัวก็ไม่สามารถฆ่าหมีดำได้


เหตุผลที่ว่าทำไมเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงจึงทำสิ่งนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะความสามารถของเสี่ยวเฮ่ยนั่นเอง


แต่เมื่อเสี่ยว เฮ่ยไม่เปลี่ยนร่างเพื่อต่อสู้ ความสามารถอันเก่งกาจของเสี่ยว เฮ่ยก็ถูกจำกัดไว้ รวมถึงความแข็งแกร่งและพลังชีวิตที่น้อยกว่ามากตอนอยู่ในร่างตอนต่อสู้


ท่าไม้ตายที่เอาไว้จัดการหมีดำก็คือการที่เสี่ยว เฮ่ยกัดเข้าที่หลังของมัน จากนั้นก็ปล่อยไฟนรกไปที่ร่างกายของหมีตัวดังกล่าวที่ลามไปทั่วร่างในชั่วพริบตา และในที่สุดโอกาสที่จะฆ่าหมีดำนั่นก็บรรลุในที่สุด


แต่เสี่ยว เฮ่ยทำทุกอย่างอย่างลับๆโดยที่หลิน เฟิงเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะฆ่าหมีดำแบบนั้น


แต่ในตอนนี้ เมื่อผู้คนต่างได้ดูวิดีโอ พวกเขาก็ต่างไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาหักล้าง ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือยอมรับเรื่องนี้


“หัวหน้าครับ เจ้าหมีดำนี่อยู่นอกเหนือจากการให้คะแนนของเรา และก็ไม่เคยมีใครฆ่ามันได้โดยไม่ใช้ช็อตกัน แล้วจะให้คะแนนอย่างไรดีนี่” หลังจากที่คนหลายคนแบกร่างหมีดำนั้นลงไป ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาถาม


 “เอาล่ะ ตามความยากในการล่าหมีดำตัวนี้ ก็น่าจะยากเป็นสี่หรือห้าเท่ากว่าการล่าหมูป่าตัวใหญ่ทั่วไป ช่างเถอะ ตอนนี้เอาเป็นว่าให้สิบไปก่อน เว้นแต่ถ้าใครจะค้าน” หัวหน้าว่าขึ้น


“ครับ”


ไม่นาน หลินเฟิงกับหวัง หานจึงตามทีมสนับสนุนและทีมกู้ภัยกลับไปยังที่ราบตามเดิม


นี่ก็ห้าโมงแล้ว คนหลายคนกลับมา โดยปกติแล้ว คนจำนวนมากกว่าครึ่งก็กลับมาแต่บางส่วนก็ไม่


ตอนนี้มีเหยื่อจำนวนมากวางอยู่ที่พื้น ทุกตัวดูแปลกไปหมด


เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าแม้กระทั่งหนูป่าก็โดนจับมานั้น ตนก็เกือบจะหัวเราะออกมา นอกจากนี้ ยังมีคนเอาไข่ของสัตว์มาเป็นเหยื่อด้วย หลิน เฟิงไม่รู้จริงๆว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่


 “นายเห็นน้องฉันกลับมาไหม”


“ไม่ครับ”


“แล้วนายล่ะ เห็นไหม”


“ไม่เลยครับ”


“แล้วนายล่ะ ทำไมพวกนายถึงกลับกันมาหมด ทำไมน้องสาวของฉับกับซู หยวนเฟิงถึงไม่ได้กลับมาด้วย” ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังชมเหยื่อที่คนจับมาได้อยู่นั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น


หลิน เฟิงไม่จำเป็นต้องมาคิดว่านี่เป็นเสียงของใคร เพราะยังไงก็ต้องเป็นเสียงของหยาง เจียนหลิงอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงที่อยู่ที่นี่มีเพียงแค่หยาง เจียงหลิงและหยาง เจียนซื่อที่เป็นพี่สาวน้องสาวกันเท่านั้น 


“พี่หลิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงรีบร้อนแบบนั้น”


ในตอนนั้นเอง เจิง ยี่ชานก็ปรากฏตัวออกมา แม้เขาจะดูเหนื่อยๆและเขินอายเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ดูแล้วเขาคงงจะได้มามาก


 “เจิง ยี่ชาน นายเห็นน้องสาวของฉันไหม เธอไปกับซู หยวนเฟิง แล้วก็ยังไม่กลับมาเลย มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า” หยาง เจียนหลิงกล่าวขึ้นอย่างกังวล


“ไม่มีอะไร มันต้องไม่มีอะไรอยู่แล้วล่ะน่า แม้ว่าซู หยวนเฟิงจะลอยชายไปมาอยู่เสมอ แต่เราไว้ใจเขาได้ในเวลาคับขัน นี่ก็ห้าโมงตรงแล้ว เดี๋ยวก็คงกลับกันมานั่นล่ะ รออีกนิดนึง” เจิง ยี่ชานพูดปลอบ


 “ก็ได้” หยาง เจียนหลิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากรอ


ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวลาห้าโมงครึ่ง ซู หยวนเฟิงกับหยาง เจียนซื่อก็ยังไม่กลับมา เจิง ยี่ชานจึงเริ่มกระสับกระส่ายไปมา


อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ตอนนี้เวลาหกโมงแล้ว


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น