RC:บทที่ 43 หมีดำ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 43 หมีดำ


อีกฟากหนึ่งนั้น หลิน เฟิงยังคงเดินหน้าหาร่องรอยของเหยื่อต่อไป โดยที่เขาไม่ได้จับไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าที่อยู่ตามทางเลย


เมื่อได้ฟังในสิ่งที่หลิน เฟิงพูดออกมา มันก็นึกดูถูกการต่อสู้ขึ้นมา ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่า ถ้าอยากจะจับหมูป่า ก็ต้องเป็นสัตว์ป่าที่แข็งแกร่ง ส่วนไก่ฟ้ากับกระต่ายสำหรับมันเป็นเรื่องที่เสียเวลา แม้นั่นจะไม่เกินความสามารถของเสี่ยว เฮ่ยเลยก็ตาม


หลิน เฟิงมุ่งหน้าไปยังตะวันตก แต่ยิ่งเขาเดินไปยังทิศดังกล่าวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าไปในป่าลึกขึ้นมากเท่านั้น เสี่ยว เฮ่ยเองก็สัมผัสได้ถึงสรรพสัตว์ต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างงู จิ้งจก แมงมุม ตะขาบและอื่นๆ


และยังรวมถึงสัตว์ป่าที่แข็งแกร่งบางตัว อย่าง หมาป่า หมี งูเหลือม ฯลฯ


แต่อย่างไรก็ตาม สัตว์ป่าพวกนี้ก็พอจะมีไอคิวอยู่บ้าง ถ้าพวกมันสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณสัตว์ป่าของเจ้าดำน้อยไปครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ พวกมันก็จะหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที


หลิน เฟิงกับเสี่ยว เฮ่ยไม่ได้ล่าตัวพวกนั้นเลย พวกเขาเพียงมุ่งหน้าต่อไปเท่านั้น


ต่อมา เขาก็เดินไปใต้ต้นไม้ แล้วเสียงหึ่งๆก็ดังขึ้น


เมื่อหลิน เฟิงมองขึ้นไปก็เห็นเป็นลูกบอลกลมๆ ขนาดเท่าลูกฟุตบอล มีเป็นแบบสีดำและสีขาว แล้วเขาก็รู้ว่าคืออะไรในแวบเดียว 


นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่กลัวนั่นก็คือตัวต่อ หรือที่เรียกกันว่าสุดยอดต่อ ต่อชนิดนี้มีขนาดตัวที่ใหญ่มากเหมือนกับผึ้ง หนาพอๆกับนิ้วคนและมีพิษแรง


ทั้งตัวของมันเป็นสีดำสลับเหลือง มีปีกคู่หนึ่งและเหล็กในเอาไว้ปล่อยพิษที่ก้นซึ่งนั่นถือเป็นจุดแกร่งในตัวของมัน


หรือจะกล่าวได้ว่าถ้าโดนตัวต่อต่อยมากกว่าสามตัวขึ้นไปล่ะก็ คุณอาจมีอันตรายถึงชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้คนที่ออกล่าบนเขาจะซ่อนตัวอยู่ห่างๆและไม่กล้าเข้าใกล้มันเลย


“ให้ตายเถอะ แต่ก็นะ ตัวต่อพวกนี้มีขนาดแค่หัวแม่โป้ง น้ำยาวิวัฒนาการคงไม่มากพอที่จะใช้วิวัฒนาการพวกมันให้เป็นจิตวิญญาณของสัตว์ป่าหรอก”  หลิน เฟิงกล่าวกับเสี่ยวเฮ่ย


 “ข้าไม่รู้แต่เจ้านายน่าจะลองดู” เสี่ยว เฮ่ยว่ากลับไป


“อืม งั้นฉันจะไม่ถามอะไรนายแล้ว เดี๋ยวฉันจะลองเอง” หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงก็เข้าไปใกล้ๆต้นไม้ เมื่อตัวต่อบินผ่านไป หลิน เฟิงจึงตบมันลงกับพื้น


การจับต่อตัวนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก มันดิ้นไปมาอยู่บนพื้น หลิน เฟิงจัดการหยิบใบไม้มาห่อต่อตัวนั้น แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


ไม่กี่นาทีต่อมา หลิน เฟิงจึงกลับมาที่หิน แล้ววางตัวต่อลงบนนั้น จากนั้นก็หยิบขวดน้ำยาสีแดงหรือที่เรียกว่าน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำออกมา


ในตอนนี้ หลิน เฟิงตั้งชื่อให้น้ำยาทั้งสองประเภท ขวดเขียวก็คือน้ำยาการเจริญเติบโตขั้นต่ำและน้ำยาสีแดงนั้นเรียกว่าน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำ


หลิน เฟิงเปิดฝาขวด แล้วจึงค่อยๆยื่นน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำลงไปบนต่อตัวดังกล่าว ในตอนแรกนั้น ตัวต่อเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นน้ำยานี้เข้า มันก็ดิ้นไปมาและปีนขึ้นมาที่ปากขวด


หลังจากนั้น เขาก็ตรงไปและดื่มน้ำยาเข้าไปอึกใหญ่ แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นที่ต่อตัวดังกล่าวดื่มน้ำยานี้เข้าไป


แล้วจากนั้นมันก็ไม่ขยับตัว ก่อนจะเอนตัวในขวดใส่ตัวทำปฏิกิริยาราวกับกำลังนอนหลับ เขาไม่รู้ว่ามันตายแล้วรึยัง


เขาเห็นร่างของตัวต่อปล่อยแสงอ่อนๆออกมาราวกับมีเวทย์มนต์


“นี่ ทำไมถึงไม่ขยับล่ะ หรือว่ามันกำลังเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการอยู่”


หลิน เฟิงรู้สึกงงเล็กน้อย แต่มาคิดดูเขาก็เห็นว่าเสี่ยว เฮ่ยเองก็หลับไปตั้งหนึ่งอาทิตย์


ก่อนที่การเปลี่ยนร่างนี้จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่ต่อตัวนี้จะหลับไป


หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็หย่อนตัวต่อและขวดใส่ตัวทำปฏิกิริยาลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเริ่มค้นหาเหยื่อต่อไป


อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาประมาณนั้น หลิน เฟิงจึงออกจากพื้นที่เดิมก่อนจะเข้าไปในป่าลึก


“หยุดก่อน เจ้านาย ตอนนี้ข้ารู้สึกว่ามีลมหายใจแปลกๆอีกแล้ว มันเร็วมากในชั่วพริบตา” ในขณะที่หนึ่งคนกับสุนัขอีกตัวกำลังคุยกันไปอยู่นั้น เสี่ยว เฮ่ยก็ชะงักด้วยความตกใจไปในทันที ก่อนจะหยุดเดินและว่าขึ้น


“พวกเราจะเริ่มเข้ามาในเขาและป่าลึกขึ้นแล้ว ดูไม่ง่ายเลยนะและไม่เร็วด้วย นี่ก็บ่ายสามแล้ว อีกชั่วโมงสองชั่วโมงเราก็ต้องกลับกันแล้ว ดังนั้นเราจะไม่เข้าไปลึก เอาแค่ดูรอบๆนี้พอ” หลิน เฟิงว่าขึ้น


จากนั้น แทนที่จะเข้าไปในป่าลึกขึ้น หลิน เฟิงจึงค้นหาร่องรอยของเหยื่อใกล้ๆแทน


“เอ๊ะ” ทันใดนั่นเอง เสี่ยว เฮ่ยก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมาเล็กน้อย


“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้น


 “เจ้านาย มีคนสามคนอยู่ตรงหน้า กลิ่นของพวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มากับเจ้านายในวันนี้ด้วย” เสี่ยว เฮ่ยกล่าวขึ้น


ระดับการรับรู้ของเสี่ยว เฮ่ยนั้นไม่กว้างและไม่ชัดมากนัก แม้จะอยู่ในร่างของจิตวิญญาณสัตว์ป่าก็ตาม แต่สัมผัสพิเศษก็บอกเขาว่ามันอยู่ไม่ไกลในหนึ่งกิโลเมตรนี้ล่ะ


พลังในการรับรู้มากกว่า 500 เมตรนั้นไม่ชัดเจน ถ้าห่างออกไปมากกว่า 1 กิโลเมตรก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว


“บางที อาจเป็นหวังหานกับคนอื่นๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นได้อะไรมาบ้าง ลองไปดูกันเถอะ แล้วค่อยกลับกับพวกเขา” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางขี่เสี่ยว เฮ่ยไปหาหวัง หาน


หลิน เฟิงรู้สึกสบายใจเมื่อได้ขี่เสี่ยว เฮ่ยมากกว่ามอเตอร์ไซต์ เพราะต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 70-80 เท่าในการข้ามทางยาวๆ


“โฮก”


เมื่อหลิน เฟิงกำลังจะถึงสถานที่ที่หวัง หานและคนอื่นๆอยู่กันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงขู่คำรามก้อง ทำเอาหลิน เฟิงกลัวขึ้นมาเล็กน้อย


“เจ้าดำน้อย นั่นมันตัวอะไรน่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น


ในตอนนี้ เสี่ยว เฮ่ยเองก็หยุดชะงักไปเพราะตกใจกับเสียงนั้น ดวงตาของมันจับจ้องไปยังทิศทางที่หวัง หานและคนอื่นๆอยู่


“เจ้านาย มันเป็นหมี หมีตัวใหญ่สีดำ ประเมินแล้วน่าจะหนักมากกว่า 300 จิน” เสี่ยว เฮ่ยว่าขึ้นด้วยความรู้สึกตกใจสุดขีด


“หา หมีดำตัวโต 300 จินงั้นหรือ แบบนี้หวังหานก็อยู่ในอันตรายน่ะสิ ไปกันเถอะ”


“ครับ เจ้านาย” 


โฮก 


เสี่ยว เฮ่ยคำรามเสียงดัง ก่อนจะมุ่งไปยังที่ที่หวัง หานและคนอื่นๆอยู่กัน


เมื่อหลิน เฟิงไปถึงที่นั่น เขากลับเห็นหวัง หานและคนอื่นๆอยู่ในสภาพเจ็บหนัก ทั้งหวัง หาน หวังซื่อและชายวัยกลางคนทั้งสามคนจากหมู่บ้านลั่วหยางต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า


คนที่อาการหนักที่สุดเห็นจะเป็นชายวัยกลางคนรายหนึ่ง มีคราบเลือดถลอกปอกเปิกบริเวณหน้าอกหลายจุด อีกทั้งยังมีเลือดไหล ดูแล้วคงจะเป็นรอยหมีดำข่วนมา


นอกจากนี้ ยังมีหมาป่านอนอยู่บนพื้น ค่อนข้างสูงวัย แต่ทว่าไม่หายใจแล้ว ที่คอของมันมีรูใหญ่ถึงสี่รู


ในขณะเดียวกันนั้นเอง หมาป่าแดงจ่าฝูงและสุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งของหวัง หานก็ถูกหมีดำรัดไว้ แต่อย่างไรก็ตามถึงพวกมันจะไม่ใช่ศัตรูกันแต่ถึงกระนั้นก็อาจจะถูกฆ่าตายเมื่อไหร่ก็ได้


“โฮก” ส่วนในตอนนี้ เจ้าหมีดำขู่คำราม ด้วยกรงเล็บข้างเดียวก็ทำให้สุนัขของหวัง ซื่อล้มลงไปกับพื้น ส่วนหมีตัวดังกล่าวก็พร้อมที่จะตะครุบมันไว้


 “โฮก” แต่ทว่ากลับมีเสียงคำรามมาจากอีกที่หนึ่ง แล้วจากนั้นร่างหมาดำที่แข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้น ร่างของมันดูเหมือนเสือดาวยักษ์ แล้วมันก็พุ่งตรงไปยังเจ้าหมีนั่น


“นั่นเสี่ยว เฮ่ยงั้นหรือ ถ้างั้นพี่เฟิงก็ต้องอยู่นี่สิ” หวังหวานร้องขอความช่วยเหลือ


อย่างที่คาดไว้ ในเวลาต่อมานั้น หลิน เฟิงก็โผล่ออกมาจากข้างหลังพุ่มหญ้าก่อนที่จะลากชายวัยกลางคนที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งไปอีกด้าน ให้ไกลจากที่ต่อสู้ของสัตว์ป่าพวกนี้


“โฮก” ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงและหมีดำต่างเข้าโรมรันพันตู จนเวลาผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครสามารถล้มใครลงได้


หวัง หานกับคนอื่นๆ กล้าที่จะสู้กับหมีดำขึ้นมาแล้วในขณะที่มองดูเสี่ยว เฮ่ยที่ไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งสิ้น


แต่ในตอนนี้ เสี่ยว เฮ่ยกลับไม่เปลี่ยนเป็นร่างต่อสู้ การต่อสู้กับหมีดำตัวใหญ่นี้จึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็โชคดี ที่มันมีจิตวิญญาณของสัตว์ป่า รวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าหมีดำอยู่มาก


ยิ่งไปกว่านั้น หมีดำตัวดังกล่าวเองก็รู้สึกกลัวจิตวิญญาณของเสี่ยว เฮ่ย ซ้ำข้างๆนั้นยังมีหมาล่าเนื้อสองตัว ดังนั้นมันจึงไม่สามารถมีสมาธิในการจัดการกับเสี่ยว เฮ่ยได้เลย


แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสัตว์ป่า เจ้าหมีดำเองกลับมีความแข็งแรงมากกว่าหมีทั่วไป เสี่ยวเฮ่ยไม่เปลี่ยนเป็นร่างต่อสู้เพราะแค่สุนัขล่าเนื้อสองตัวก็รับการโจมตีจากหมีตัวนี้ได้อยู่แล้ว.


โครม


ทันใดนั้นเอง สุนัขล่าเนื้อของหวัง ซื่อก็ถูกจับได้ จากนั้นก็กระเด็นออกไป ก่อนจะล้มลงไปนอนบาดเจ็บเลือดไหลอาบอยู่ที่พื้น


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น