RC:บทที่ 41 การล่าเป็นเรื่องหมูๆ
หลิน เฟิงมองดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับเจา หลงและคนอื่นๆอยู่อย่างเงียบๆบนยอดเขาอย่างมีความสุข และดูเหมือนว่าความสุขใจที่ได้รับในตอนนี้ก็ก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอกในที่สุด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทีมกู้ภัยจึงมาถึงในที่สุด มีทั้งหมดสิบคน บางคนก็มาพร้อมกับบาร์เหล็กในมือ บ้างก็ท่อนไม้ อาวุธป้องกันตัวในมือพร้อมสรรพ
เมื่อหน่วยกู้ภัยเข้าไปหาเจา หลงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นนัก พวกเขาก็เห็นว่าเจา หลงและคนอื่นๆอีกสามคนกำลังเกาะกันตัวสั่นอยู่บนต้นไม้ แล้วทันใดนั้นเองพวกตนก็รู้สึกไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้นกับสามคนนี้ พวกเขาดูรู้สึกอายไม่น้อยเลย แม้แต่สุนัขล่าเนื้อก็หายตัวไป เสื้อผ้าของพวกเขาหรือก็ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าแต่ละคนมีแต่คราบเลือดจากหนามข่วน
ขากางเกงข้างหนึ่งของเจา จินนั้นหายไป ปรากฏรอยเลือดเป็นทางบนขาขวานั้น และรอยแผลที่หมูป่าทำร้ายในส่วนอื่นๆ
มือของเจา หลงตกลง ไม่รู้ว่ามันหักหรือไม่ แต่เขานั้นเกาะกิ่งไม้ไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตนตกลงไป
มีแต่บอดี้การ์ดเท่านั้นที่แม้ใบหน้าจะดูเหนื่อยแต่ก็จับตัวเจา หลงกับเจา จินไว้ด้วยสองมือตามลำดับ สถานการณ์ที่เขาเจอไม่ใช่จะดีนัก แต่ก็ดีกว่าเจา หลงกับ เจาจินอยู่
ฮึ่ม โฮ่ว
โครม
ในตอนนั้นเอง หมูป่าทั้งสองตัวที่อยู่ใต้ต้นไม้ยังคงไม่หนีไปไหน บางครั้ง พวกมันทั้งสองตัวก็ขวิดต้นไม้ที่เจา หลงอยู่ จนทำให้ต้นไม้ใหญ่เริ่มไหวเอน
โชคยังดีที่ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่พอที่จะทนต่อแรงขวิดของหมูป่าทั้งสองได้ แต่แรงกระแทกที่มันส่งมากลับทำให้หัวใจของทั้งสามคนที่อยู่บนต้นไม้ไหวสะเทือน
“ชู่ ไปไกลๆ”
ไกลออกไปนั้น ทีมกู้ภัยเห็นหมูป่าสองตัวนั้นกำลังขวิดต้นไม้ใหญ่ ส่วนคนที่อยู่บนนั้นก็มือสั่นขึ้นลงราวกับฆ้องและกลอง มีทั้งฉาบ กลองเล็กและอื่นๆ
สักพัก ก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น หมูป่าที่อยู่ใต้ต้นไม้นั้นวิ่งออกไปด้วยความกลัวเมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้
“ในที่สุดก็มา”
เมื่อเจา จินเห็นว่าทีมกู้ภัยมาถึงแล้ว คนทุกคนก็เหมือนลูกบอลที่โดนปล่อยลม เขาสูญเสียเรี่ยวแรงและเกือบจะตกลงมาจากต้นไม้แล้ว แต่โชคดีที่บอดี้การ์ดจับตัวเขาไว้ไม่ให้เขาตกลงไป
หลังจากที่ทีมกู้ภัยมาถึง พวกเขาจึงนำคนทั้งสามลงมาจากต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว แล้วจากนั้นก็แบกพวกเขาไปบนหลังกลับไป
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ เสี่ยว เฮ่ย” บนยอดเขานั้น หลิน เฟิงก็หายเข้าไปในป่าพร้อมกับเจ้าดำน้อย
“เจ้านาย แล้วตอนนี้เราจะไปไหนกันท่านไม่ได้จะไปออกล่าหรอกหรือ” เสี่ยวเหยถามขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เสี่ยว เฮ่ย แล้วตอนนี้นายรู้สึกถึงอะไรไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น
เมื่อหลิน เฟิงปล่อยให้เสี่ยว เฮ่ยสัมผัสสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณโดยรอบแล้วเขาก็เห็นว่าเสี่ยว เฮ่ยก็นิ่งไปในทันทีและดูเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง แต่ก็มีสิ่งที่แวบขึ้นมาและเสี่ยว เฮ่ยเองก็สัมผัสไม่ได้ว่ามันคืออะไร
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เพราะความสนใจของเขานั้นล้วนตกอยู่ที่เจา หลงและคนอื่นๆ จนตอนนี้ เมื่อหันมองกลับไป เขาก็คิดถึงเรื่องนี้
“ครับ เจ้านาย ความเร็วของเจ้านั่นนั้นเร็วมาก เร็วกว่าการรับรู้ของข้า อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสัตว์ป่า ที่แข็งแกร่งกว่าข้า”
“ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องไปเป็นศัตรูกับมัน ดังนั้นเราจะไม่เข้าไปยั่วยุมันก่อน” เสี่ยว เฮ่ยเตือนขึ้นด้วยความระมัดระวัง
“ที่เก่งกว่านายงั้นหรือ อย่าไปยั่วยุมันหรอ” สิ่งนี้ทำไห้หลิน เฟิงประหลาดใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยว เฮ่ย สุนัขจากนรกดูหวาดกลัว
เพราะหลิน เฟิงให้เอาขวดบรรจุของเหลววิวัฒนาการขั้นต่ำสามขวดให้กับเสี่ยว เฮ่ย จากนั้นมันจึงวิวัฒนาการเป็นสุนัขนรกที่มีจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าขั้นต่ำ ด้วยเหตุนั้น มันจึงมีความสามารถเหนือธรรมชาติขึ้นมา
ตัวอย่างเช่น การควบคุมขนาดร่างกายของตัวเองได้เองโดยจะอยู่ในขอบเขตที่แน่นอนของรูปแบบในการต่อสู้
ร่างต่อสู้ของเสี่ยว เฮ่ยจะสูง 1.56 เมตรและยาวมากกว่า 3 เมตร มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างภายใต้ขอบเขตดังกล่าวนี้
นอกจากนี้ เสี่ยว เฮ่ยยังมีความสามารถทางด้านจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าซึ่งก็คือการควบคุมไฟนรก นั่นเป็นครั้งแรกที่หลิน เฟิงเห็นเพลิงสีดำที่หลังของเสี่ยว เฮ่ย
สิ่งนี้ทำให้เสี่ยว เฮ่ยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกกลัว สิ่งนี้ทำให้หลิน เฟิงวางหัวใจที่เย่อหยิ่งของตนไว้ก่อน
“นี่ก็เท่ากับว่าเราก็ทำในสิ่งที่เราต้องการไม่ได้น่ะสิ แต่แบบนี้มันก็ไม่ต่างกับว่าเรามีจิตวิญญาณของสัตว์ป่ามากกว่าหนึ่งหรอกหรือ” หลิน เฟิงนึกถึงปัญหาขึ้นมาโดยทันที
“เสี่ยว เฮ่ย สัตว์ทุกตัวต้องกินขวดบรรจุน้ำยาวิวัฒนาการสามขวดนี้เพื่อให้สามารถวิวัฒนาการเป็นจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าขั้นต่ำได้งั้นหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้นแทบจะทันทีในขณะที่กำลังเดินไป
“ขอโทษจริงๆ เจ้านาย ผมเองก็ไม่รู้ แต่เจ้านายน่าจะลองจับสัตว์สักตัวดู” เจ้าดำน้อยว่าขึ้น
“ก็ได้นะ อืม ฉันเองก็ยังเหลือขวดน้ำยาวิวัฒนาการอยู่สามขวดนะ ตอนนี้ ดังนั้น ฉันคงต้องรักษามันไว้”
ของเหลวที่เอาไว้ใช้วิวัฒนาการของหลินเฟิงที่มีอยู่ในตอนนี้นั้นหาไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องคิดถึงเรื่องนี้เมื่อต้องใช้มันอีกครั้ง
“เอาล่ะ ไม่ต้องแล้ว ออกไปล่ากันเถอะ” หลังจากพูดกับหลิน เฟิง เสี่ยว เฮ่ยจึงมองหาเหยื่อในป่า
ช่วงเวลาต่อมา หลิน เฟิงก็เจอหมูป่าด้วยขนาดตัวมากกว่า 200 จิน เสี่ยว เฮ่ยปลดปล่อยจิตวิญญาณของสัตว์ป่าออกมา เจ้าหมูป่าตัวดังกล่าวกลัวจนตัวสั่น ไม่มีแม้แต่แรงต่อต้านและเสร็จเสี่ยว เฮ่ยในที่สุด
กระบวนการทั้งหมดนั้นเรียบง่าย ส่วนหลิน เฟิงเพียงแค่ใช้กล้องถ่ายรูปการจู่โจมหมูป่าของเสี่ยว เฮ่ยในทุกจังหวะจนมันตายในที่สุด
หลังจากนั้นสักพัก หมูป่าทั้งสี่ตัวก็เข้ามาล้อมหลิน เฟิง พวกมันแต่ละตัวมีน้ำหนักมากกว่า 200 จิน ถ้าเจา หลงและคนอื่นๆได้มาเห็นว่านี่คือหมูป่าที่ยืนประจันหน้าหลิน เฟิง พวกเขาคงจะประหลาดใจน่าดูเพราะหมูป่าทั้งสี่ตัวนี้นั้นคือตัวที่จัดการพวกนั้น ขาดก็แต่เพียงหมูป่าจ่าฝูง
หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็หยิบเครื่องส่งสัญญาณออกมา กดปุ่มสีดำเพื่อรอทีมสนับสนุนให้รีบมาเอาหมูป่าพวกนี้ออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทีมสนับสนุนก็มาถึงในที่สุด และเมื่อมาเห็นหมูป่าทั้งสี่ตัวอยู่ข้างๆหลิน เฟิงแล้วนั้น พวกเขาก็ต่างอึ้งไป ไม่อยากจะเชื่อ
ชายคนนี้กับสุนัขของเขาล่าหมูป่าสี่ตัวนี้จริงๆ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร พวกเขาบอกว่าอยากจะดูวิดีโอของหลิน เฟิง
หลิน เฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาวิดีโอให้พวกเจ้าหน้าที่ดู และเมื่อพวกเขาได้เห็นวิดีโอของหลิน เฟิงแล้วนั้น พวกเขาต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก
หมูป่าตัวแรกน้ำหนักประมาณสองร้อยจินกำลังหาอาหารตามพื้นหญ้า เสี่ยว เฮ่ยพุ่งกระโจนเข้าหามันโดยตรง ก่อนจะอ้าปากอันใหญ่โตงับเข้าที่คอของหมูป่าตัวนั้น จากนั้นก็วางมันลงกับพื้นก่อนจะเข้ากัดที่คอของมันจนตายในอีกครึ่งนาทีต่อมา
ส่วนตัวที่สอง เสี่ยว เฮ่ยเข้าไปแอบในพุ่มไม้ ในจังหวะที่หมูป่าตัวนั้นเดินผ่านมา เสี่ยว เฮ่ยก็เข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว งับเข้าที่คอในทันที เขี้ยวอันแหลมคมนั้นเจาะทะลุลำคอของหมูป่านั่นเต็มๆ ก่อนจะดิ้นไปมาบนพื้นแล้วจึงตายในอีกครึ่งนาทีต่อมา
ส่วนตัวที่สามนั้น หมูป่าตัวเต็มวัยสองตัวแรกกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวเมีย พวกมันสู้กันอย่างดุเดือด ร่างกายของมันจึงเต็มไปด้วยแผลเป็นและเลือดเป็นทางยาว
เสี่ยว เฮ่ยที่เปรียบเหมือนเสือชีต้าก็เข้าไปหาพวกมันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรอในช่วงระยะห่างที่เพียงพอ จากนั้นจึงเข้าจู่โจมหมูป่าพวกนั้นในทันที
ในตอนนี้เอง หมูป่าทั้งสองต่างหวาดกลัว และไม่ปรารถนาที่จะท้าสู้กันต่อ พวกมันวิ่งหนีออกไปอย่างไม่ยั้งคิด แต่อย่างไรก็ตาม เสี่ยว เฮ่ยก็พุ่งเข้าโจมตีพวกมันอย่างไวว่องและกัดพวกมันทั้งสองตัวจนตาย แล้วจากนั้นจึงตามล่าหมูป่าที่เหลือต่อ
หมูป่าอีกตัวหนึ่งถูกเสี่ยว เฮ่ยไล่ล่าด้วยระยะทางสั้นๆก่อนจะถูกฆ่าโดยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะต่อต้าน
หลังจากได้ดูวิดีโอแล้วนั้น ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างและดูตกใจหนักมาก เพราะเรื่องล่ากลับเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าสุนัขตัวนี้ ไปเลยราวกับว่าสัตว์ตรงหน้ามันไม่ใช่หมูป่าแต่เป็นกระต่าย นอกจากนี้ยังไม่มีหมูป่าตัวไหนต้านทานเสี่ยว เฮ่ยได้เลย ทุกตัวถูกกัดคอทั้งหมด
ในความเป็นจริงแล้วนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือว่าเสี่ยว เฮ่ยได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณสัตว์ป่าออกมา และลมหายใจนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สัตว์ธรรมดาๆกลัวจนหนี ไม่กล้าต่อต้าน
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง” หลังจากได้ดูวิดีโอแล้วนั้น กลุ่มคนดังกล่าวก็นิ่งอึ้งไป ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ทำไม หรือว่ามีปัญหา...”
0 ความคิดเห็น