RC:บทที่ 39 หมูป่าอีกตัวหนึ่ง
“นี่น่ะหรือ หมูป่า” เจา หลงมองสัตว์ที่ตัวสีดำ ผิวขรุขระที่จู่ๆก็โผล่เข้ามา ลำตัวที่มีสีเหลืองสลับดำทำเอาเขารู้สึกพิศวง
“เออ นี่ล่ะหมูป่าตัวจริง ฮ่าๆ”
เจา จินเป็นคนหนึ่งที่เห็นหมูป่าตัวดังกล่าว เมื่อเขาเห็นว่ามันโผล่มาจากที่ใดไม่รู้ ก็เข้าไปยืนดูอยู่ข้างหลังพวกเขา รู้สึกมีความสุข
หมูป่าน้อยที่ล้มลงกับพื้นนั้นไม่ลุกขึ้นมาอีกทั้งยังกรีดร้องไม่หยุด
เจา จินและบอดี้การ์ดในชุดดำก็รีบเร่งเข้าไปหามัน ก่อนจะจัดการมันและกดลงบนพื้น
ยังไง บอดี้การ์ดก็ยังลงมือได้รวดเร็วกว่า เขาจัดการคว้าหมูป่ามาไว้ในมือ
“นายน้อยครับ นายน้อย ดูนี่สิครับ หมูป่าน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาหาถึงที่ แค่นี้ก็ได้คะแนนมาอย่างง่ายดายแล้ว ฮ่าๆ” บอดี้การ์ดว่าขึ้นอย่างตื่นเต้น
คุณควรรู้ไว้นะว่าพวกเราต่างเหน็ดเหนื่อยแทบตายเพื่อให้ได้กระต่ายมาหนึ่งคะแนน พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีที่จะหาแล้ว ยิ่งที่ที่ไม่ต้องใช้เวลามากนั้นไม่ต้องพูดถึง
“แปลกนะ ทำไมหมูป่าถึงมาอยู่ตรงนี้” เจา หลงรู้สึกงง
“อิ๊ดๆ อู๊ดๆ”
ในขณะที่ เจา หลงกำลังงงอยู่นั้น หมูป่าตัวดังกล่าวก็ดิ้นและร้องด้วยเสียงที่แหลม
แต่โชคยังดีที่บอดี้การ์ดนั้นแข็งแรงพอที่จะเอามันอยู่ได้
“นายน้อย อย่าคิดมากเลยครับ ไม่งั้นเราอาจจะเสียเจ้านี่กับหมูป่าตัวอื่นๆไปก็ได้ แล้วว่าแต่จะให้ผมทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ ฆ่าหรือ...”
เจ้าหมูป่าตัวน้อยยังคงดิ้นไปมาในอ้อมแขนของบอดี้การ์ดชุดดำ เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะจับเจ้าหมูป่าตัวนี้ไว้ไม่ให้มันดิ้นหลุดออกไป แล้วจึงเอ่ยถามเจา หลง
“ฆ่ามันซะ ไม่งั้นก็แหกปากร้องอยู่นั่น น่ารำคาญ” เขาว่าพลางจ้องมองบอดี้การ์ดคนดังกล่าว
“เอ่อ นี่...”
แต่ทว่าบอดี้การ์ดกลับมีปัญหาบางอย่าง ถ้ามีใครโทรเรียกให้เขาไปต่อสู้ เขาก็ไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนตัวใหญ่ๆสองสามคนอยู่แล้ว แต่พอมาครั้งนี้ การฆ่าหมูป่าตัวน้อยๆกลับเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ซึ่งดูแล้วมันน่าจะเพิ่งเกิดได้เพียงไม่กี่วัน
“อะไรอีก มีปัญหาอะไร” เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดไม่ยอมขยับตัวเลย เจา หลงจึงเอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“พี่หลง ให้ฉันทำก็ได้มา ไม่จำเป็นต้องไปวานบอดี้การ์ดเขาหรอก” จากนั้นเขาจึงหยิบเอาตัวหมูป่าจากอุ้งมือของบอดี้การ์ดมา
เจา จินจึงมารับช่วงต่อแทน เขาจ้องมองมัน จากนั้นก็หยิบมีดที่น่องขึ้นมาแล้วจัดการแทงเข้าที่หลังของหมูป่าตัวนั้น ทันใดนั้นเอง มันก็ร้องเสียงดังลั่นขึ้นกว่าเดิม
แซ่ก แซ่ก
อู๊ดๆๆๆอิ๊ดๆๆๆๆ
ในตอนนี้ การเคลื่อนไหวรอบๆค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าที่ดังและเสียงร้องแปลกๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆและดูจะใกล้มากด้วย
ถ้านักล่ามืออาชีพอยู่ตรงนี้ เขาจะรู้ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น สัตว์ชนิดใดที่กำลังใกล้เข้ามา
แต่กับเจา หลงและคนอื่นๆนั้นเป็นเพียงแค่มือสมัครเล่น พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ และตอนนี้ความสนใจของพวกเขาก็มีแค่หมูป่าน้อยเท่านั้น
“เฮ้ย คุณทำอะไรลงไปนี่ นั่นเป็นวิธีที่เขาฆ่าหมูกันงั้นหรือ หรือว่าคุณเคยเห็นวิธีฆ่าหมู”
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นว่า เจา จินจัดการแทงหมูป่าตัวน้อยเข้าที่หลัง เขาก็อดที่จะโกรธไม่ได้ เพราะมันคือการทารุณกรรมสัตว์
“อ๋อ นี่น่ะหรือวิธีที่เขาฆ่าหมูกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะเนี่ย” เจา จินตอบกลับมา
ความจริงแล้วนั้น เจา จินเพียงต้องการชดเชยความผิดพลาดของตนและอวดสิ่งนี้ต่อหน้าเจา หลงเผื่อว่าโทษที่ เจา หลงคาดไว้กับเขาจะเบาบางลงบ้าง
และเขาเองก็ไม่เคยเห็นว่าคนอื่นๆฆ่าหมูอย่างไรหรอก แต่คิดว่าแค่จะฆ่าก็น่าจะพอแล้ว ใครจะไปรู้ว่าบอดี้การ์ดคนนี้จะมีท่าทีที่แย่มากแบบนั้นกลับมา
“การฆ่าหมูนั้น เราจะต้องแทงเข้าที่ใต้คอของมันเพื่อให้เลือดออกจนตาย แล้วเรื่องที่ผมไม่เคยเห็นหมูที่ถูกฆ่ามาก่อนน่ะเป็นเรื่องจริง” บอดี้การ์ดว่าขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“อ๋อ อืม ขอบใจนะ คุณบอดี้การ์ด” เจา จินคว้าหมูป่าตัวนั้นขึ้นมาเพื่อเตรียมที่จะแทงมัน
อ๊าก
แซ่ก แซ่ก แซ่กๆๆๆ
“หยุดนะ” เจา หลงตะโกนขึ้นในทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่หลงน่ะ”
“นายน้อย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
เมื่อเจา จิน และบอดี้การ์ดได้เห็นปฏิกิริยาของ เจา หลงแล้วนั้นก็ถามขึ้นด้วยความงุนงง
“ได้ยินไหม” แล้วเจา หลงก็ทำมือพลางส่งเสียงชู่ ก่อนจะเอานิ้วชี้มาทาบที่ปาก
“ พี่ได้ยินอะไรอ่ะ ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” เจา จินว่าขึ้นอย่างสงสัน
อู๊ดๆๆ
“ผมเองก็ไม่ได้ยิน...ฮะ อะไรน่ะ” เดิมทีนั้น บอดี้การ์ดเองก็ไม่อยากจะพูดอะไร แต่ต่อมาเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างหลังเขา
เมื่อเขาหันไปมองรอบๆก็กลับไม่เห็นว่ามีอะไร แต่ทว่าต้นไม้เล็กๆทั้งสามต้นที่อยู่ข้างหลังเขานั้นกำลังสั่นไหวราวกับว่ามีบางสิ่งอยู่ในนั้น
ผมเห็นต้นไม้และหญ้าเคลื่อนไหวไปมามากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง ก็มีจมูกสีดำๆโผล่ออกมา เป็นจมูกหมู
โฮ่งๆๆ
ในตอนนั้นเอง หมาล่าเนื้อของพวกเขาก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าได้พบบางสิ่งที่ทำให้มันทั้งกลัวและตื่นเต้น
“อา นี่หรือคือหมูป่า”
ในขณะเดียวกัน หมูป่าก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นในที่สุด เป็นหมูป่าตัวใหญ่สีเทาปนดำ ดูแข็งแรง เขี้ยวทั้งสองข้างของมันทั้งยาวและคมมาก
เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจมากๆ ประมาณคร่าวๆแล้วน้ำหนักของหมูป่าตัวนี้น่าจะอยู่ที่ 167 จินเลยทีเดียว
“ใช่แล้วล่ะ นี่ล่ะคือหมูป่า หมูป่าตัวใหญ่เสียด้วย วันนี้ล่ะ เราจะได้เหยื่อชิ้นงาม ปล่อยพวกหมาออกไป เร็วเข้า”
เจา หลงจ้องมองหมูป่าตัวนั้น ทันใดนั้นเอง ในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจมากอยู่นั้น เขาก็รีบปล่อยหมาล่าเนื้อที่เจา จินกับบอดี้การ์ดเป็นคนผูกเอาไว้
แซ่กๆๆๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง ผืนหญ้าก็เกิดเสียงดังขึ้นไม่หยุด เหมือนกับมีบางอย่างเกิดขึ้น
มั่นใจแน่นอน จู่ๆก็มีหมูป่าอีกตัวหนึ่งโผล่ออกมา ขนาดตัวเกือบจะเท่าๆกับตัวก่อนหน้านี้ ยกเว้นแต่ขนของมันที่เป็นสีเหลืองและดูจะดุกว่ามาก
หมูป่าทั้งสองยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น จ้องมองทั้งสามคนโดยเฉพาะกับ เจา จินซึ่งกำลังอุ้มหมูป่าตัวน้อยไว้อยู่
“สอง สองตัวแหนะ ฮ่าๆ นี่ล่ะที่เขาว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่น่า นี่มันนัดเดียวแต่ได้ถึงสามเลยนี่หว่า ฮ่าๆ” เมื่อ เจา จินเห็นว่ามีหมูป่า คนทุกคนก็ต้องพอใจมากขึ้นแน่ๆ
ยกเว้นก็แต่คนสองคนซึ่งก็คือ เจา หลงและบอดี้การ์ดที่แสดงสีหน้าเกรงขาม เพราะหมาล่าเนื้อทั้งสามตัวไม่สามารถล้มหมูป่าตัวเต็มวัยพวกนี้ได้แน่ ปล่อยพวกมันสองตัวไว้แบบนี้ล่ะ
มีแต่เพียง เจา จิน ที่ไม่รู้เรื่อง ทั้งยังคิดว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัวอยู่
“ฮ่าๆ มานี่สิ ชัว ไปจับหมูป่าสองตัวนั่นเลย” แล้วเขาก็ปล่อยหมาทั้งสามออกไปจัดการ
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนงุนงงก็คือว่าพวกมันทั้งสามกลับไม่มีท่าทีว่องไวเหมือนอย่างตอนแรก แถมยังแสดงออกว่ากลัวออกมาให้เห็นเล็กน้อยด้วย
“เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น นั่นก็เป็นแค่หมูป่าสองตัวเองไม่ใช่หรือ ไปสิ ไปจับมา คราวนี้ล่ะ เราจะต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ ฮ่าๆ” เจา จิน ว่าขึ้นพลางหัวเราะ
“ขำแม่นายสิ หยุดหัวเราะได้แล้ว” หัวใจของ เจา หลงนั้นทั้งกลัวและก่นด่า
แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีพุ่มไม้ที่ดูสั่นๆราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น การเคลื่อนไหวดังมากขึ้นเรื่อยๆ
“หมูป่าอีกตัวหนึ่งงั้นหรือ” บอดี้การ์ดเอ่ยขึ้นเสียงสั่น
“ฮ่าๆ อย่าตื่นเต้นไปพี่ คราวนี้ล่ะ เราจะเป็นที่หนึ่ง นี่ไง เราก็มีหมาล่าเนื้อถึงสามตัว หนึ่งต่อที่เหลืออยู่นี่” เจา จิน เปรยขึ้นกับตัวเอง
ในความเป็นจริง เขากลับไม่รู้เลยว่าเสียงของบอดี้การ์ดนั้นกำลังสั่นเครือ และนั่นไม่ใช่มาจากความรู้สึกที่ตื่นเต้นแต่เป็นความกลัวต่างหาก
0 ความคิดเห็น