RC:บทที่ 36 เริ่มล่า
“ทุกคน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก สองคนนี้คือลูกสาวของท่านตุลาการศาลแขวง นี่คือหยาง เจียนหลิง” เจิง ยี่ชานพาเด็กสองคนนี้ไปที่ฝูงชน
“สวัสดีค่ะ ทุกคน” เสียงของ หยาง เจียนหลิงยังคงเยียบเย็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน รวมถึงใบหน้าที่สงบเมื่อเธอพูดออกมานั้นด้วยราวกับน้ำแข็งที่คงอยู่มาเป็นเวลาหลายพันปี
ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็ได้เห็นว่าผู้หญิงที่ดูเยือกเย็นคนนี้เป็นยังไง เธอมีใบหน้าสวยได้รูปเหมือนผลเมลอน ดวงตาคู่นั้นเยียบเย็นแบบต้านเฟิง ผมยาวที่ผูกรวบไว้ข้างหลัง
ตัวเธอสูง น่าจะเกิน 1.7 เมตร สัดส่วนอวบอิ่มทั้งบนและล่าง เธอจัดว่าเป็นสาวฮอต เป็นสิ่งพิเศษที่ใครหลายคนต่างจินตนาการถึง
“และนี่คือคนที่สอง หยาง เจียนซื่อ” เจิง ยี่ชาน แนะนำ
“สวัสดีนะคะ ทุกคน” หยาง เจียนซื่อเป็นเด็กสาวที่น่ารัก เมื่อเทียบกับพี่สาวของเธอแล้วนั้น เธอดูเหมือนคนป่วยทั้งๆที่ยังวัยรุ่นอยู่มาก
มองเพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็เห็นว่าเธอเป็นเด็กฉลาดและร่าเริงกว่ามาก ดวงตาของเธอมองไปที่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าในบางครั้ง
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนก็มารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว อุปกรณ์การล่าก็ส่งมาถึงแล้ว ตอนนี้ เราจะให้คุณเตรียมตัวอีกสักหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะได้มาเริ่มแข่งล่ากัน ลั่วหยวนกล่าวขึ้น
“แล้วโปรดมาเข้าแถวเพื่อรับเครื่องส่งสัญญาณกับกล้องไปด้วยครับ แต่ผมต้องบอกพวกคุณก่อนนะว่า เมื่อผมให้เครื่องส่งสัญญาณนี้ไป กล้องที่ให้ไปจะบันทีกกระบวนการในการล่าของพวกคุณด้วย”
“แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่มีการถ่ายภาพเหยื่อที่ล่าไว้ล่ะก็ เหยื่อตัวนั้นก็จะไม่ได้คะแนน จงจำไว้ด้วย”
“ในเวลาเดียวกัน พวกคุณสามารถสร้างทีมล่าได้ แต่จำไว้ว่าห้ามมากกว่าสามคน และคะแนนของคนในทีมก็จะเสมอกัน”
“เอาล่ะ นี่เป็นการเตือนที่สำคัญในการล่า โปรดมาเข้าแถวและรับอุปกรณ์การล่าด้วย”
หลังจากลั่ว หยวนพูดจบ ผู้คนกลับก็เข้าคิวเพื่อรับอุปกรณ์การล่า หลิน เฟิงเองก็ค่อยๆมาเข้าคิว จนได้อุปกรณ์การล่าไปในที่สุด
อุปกรณ์ที่ว่านั้นมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือเครื่องส่งสัญญาณ อีกอย่างหนึ่งคืออุปกรณ์อย่างกล้อง โดยเครื่องส่งสัญญาณนั้นจะคล้ายกับมือถือ แต่มีเพียงปุ่มสองปุ่มเท่านั้น
ปุ่มฉุกเฉินสีแดงและปุ่มสัญญาณสีดำ
ปุ่มฉุกเฉินสีแดงไว้กดยามเผชิญกับอันตรายและให้ใช้ก็ต่อเมื่อให้คนมาช่วย ส่วนอีกปุ่มหนึ่งใช้กดเมื่อจับเหยื่อมาได้ จะมีคนมาช่วยขนเอาเหยื่อออกไปพร้อมกับที่เราได้คะแนน
“สิบเอ็ดโมงแล้ว สายไปหนึ่งชั่วโมงจากเวลาที่เราได้จัดไว้ ถ้าไม่มีอะไรล่ะก็ ก็เริ่มกันได้เลย และให้กลับก่อนหกโมงเย็น”
“เริ่มได้”
ในตอนนี้ ทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เพียงสิ้นเสียงคำสั่งแค่ครั้งเดียว ผู้คนก็นำสุนัขพวกตนไปยังภูเขาในทันที
“พี่หยวน เฟิง รอหนูด้วย หนูจะไปกับพี่ด้วย” เมื่อเห็นว่าซูหยวน เฟิง กำลังจะออกไป หยาง เจียนซื่อก็เรียกไว้ก่อน
“เอ่อ จะมากับเรางั้นหรือ” ใบหน้าซูหยวน เฟิงเจื่อนลงในทันทีที่ได้ยินว่าเด็กสาวคนดังกล่าวเอ่ยขึ้นมาว่าจะตามไปด้วย
เธอคือตัวก่อปัญหาที่ใครๆก็รู้ดี ในป่านั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ไหนเขายังจะต้องแข่งล่าอีก เขาไม่อยากแบกภาระไปด้วย
“ฮึ่ม หนูไม่สนหรอก ยังไงหนูก็จะไปกับพี่ พี่ต้องปกป้องหนูแน่ๆ ฮิๆ”
หยาง เจียนซื่อกะพริบดวงตาปริบๆ แต่ซูหยวน เฟิง ก็ปฏิเสธ
“ชิ อย่างี่เง่าแบบนี้เลยน่า ในป่าน่ะมันอันตรายมาก อยู่ที่นี่กับหน่วยกู้ภัย และอย่าไปไหน” แล้วหยาง เจียนหลิงก็ตะโกนขึ้น
“หรอ หนูไม่สนหรอก หนูจะไป หนูจะไปบ้างสักครั้งไม่ได้เลยงั้นหรือ แล้วทีคนอื่นล่ะได้ออกไปเล่นสนุก หึ ถ้ากลับไปนะ หนูจะไปบอกปู่ซูว่าพี่แกล้งหนู”
หยาง เจียนซื่อว่าขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรู ก่อนจะจับแขนของซูหยวน เฟิง แน่น
“เฮ้ย อย่าร้องอย่างนี้สิ โอเค พี่สัญญาว่าจะพาเธอไปด้วย โอเคนะ” ซูหยวน เฟิงทนเห็นเด็กผู้หญิงร้องไห้ไม่ได้
“พี่หลิง ให้ซื่อเอ่อร์ตามผมไปด้วย ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด” ซูหยวน เฟิง ไม่มีทางเลือก ทำได้แต่ประนีประนอมกับหยาง เจียนซื่อ
“อืม ถ้าอย่างงั้น พี่ต้องดูแลเธอให้ดีๆนะคะ” หยาง เจียนหลิงพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่าๆ พี่หยวนเฟิง เป็นคนดีจังนะพี่ ฮ่าๆ ไปกันเถอะ” หยาง เจียนซื่อ ทันทีที่พี่สาวของเธอยินยอมก็รีบเข้าไปในป่าทั้งๆที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วย
“ยัยเด็กแสบนี่...” ซู หยวน เฟิง ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรีบ
ในป่า
“พี่เฟิง เราขอสร้างทีมกับพี่ด้วยสิ” หลังจากที่หลินเฟิงและคนอื่นๆเข้ามาในป่าภูเขา พี่น้องหวัง หานและ หวัง ซื่อก็เดินเข้ามาหาพลางกล่าวขึ้น
“ใช่แล้ว พี่เฟิง เรามาสร้างทีมกัน พวกเราสามคนจะต้องล่ากันให้ได้มากที่สุด” หวัง ซื่อพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ไม่ล่ะ พวกนายสองคนไปอยู่ทีมอื่นเถอะ ฉันจะล่าของฉันเอง” หลิน เฟิงปฏิเสธคำเชิญ
“พี่เฟิง พี่จะล่าคนเดียวได้งั้นหรือ” หวัง หานกังวล
“ได้สิ เชื่อฉัน ฉันล่าคนเดียวได้ เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นก่อนจะออกไปเป็นคนแรก ทิ้งให้ชาวบ้านจากลั่ว หยางมองหน้ากันไปมา
“พี่เฟิงล่าคนเดียว ที่ภูเขานั่นอันตรายจะตายไป นอกจากนี้...” หวังซื่อไม่กล้าพูดต่อ
“เอาน่า พี่เฟิงไม่ทำให้เราผิดหวังหรอก การไปคนเดียวอาจจะไม่ได้แย่ก็ได้นะ” ทุกคนในหมู่บ้านลั่วหยางรู้เรื่องความไม่พอใจระหว่างหลิน เฟิงและเจา หลง และเข้าใจถึงความลำบากใจของหลิน เฟิง
จากนั้น พวกเขาทั้งก็สร้างทีมขึ้น แล้ววิ่งตรงไปยังหุบเขาเพื่อหาเหยื่อของตน
หลังจากหลิน เฟิงไปแล้ว ก็มีคนอยู่ตรงนั้นอีกสามคน พวกเขาแต่ละคนต่างคอยดึงสุนัขดุตัวใหญ่ โดยตัวที่อยู่ตรงกลางนั้นมีหัวที่หนาและใหญ่มากจนทำให้ผู้คนลืมกลัวไปเลย
“เอาล่ะ มาดูซิว่าตอนนี้นายจะไปไหน ตามมันไป” ชายทั้งสามวิ่งตามหลังหลิน เฟิงที่เพิ่งเดินออกไป
ช่วงเวลาต่อมา
“บ้าชิบ ทำไมแค่แป๊บเดียวถึงหายไปได้ไวขนาดนี้ หายไปไม่ทิ้งแม้แต่ร่องรอยทั้งๆที่ฉันกำลังตามอยู่แท้ๆ เดี๋ยวก่อนเถอะ หลิน เฟิง แกหนีไม่พ้นเงื้อมมือฉันแน่”
“ฮ่าๆ กำลังมาแล้วสินะ ไว้เดี๋ยวฉันจะแสดงวิวของภูเขาลูกนี้ให้นายดู ให้รู้สึกถึงความโหดร้ายของธรรมชาติ ฮ่าๆ”
บนยอดเขาหลายพันไมล์ออกไปจากสามคนในตอนนี้ ชายคนหนึ่งกำลังขี่สัตว์หน้าตาน่ากลัวพลางมองคนทั้งสามคนที่อยู่เบื้องล่าง
อีกฟากหนึ่ง
“พี่ หยวนเฟิง หมาสามตัวนี้ดูแข็งแรงดีจัง พวกมันชื่ออะไรงั้นหรือ แล้วก็มีตัวหนึ่งนะ หน้าตาน่าเกลียดมากเลย น่าจะเอากลับไปที่บ้านนะ แล้วพวกมันเอาจมูกไปดมกลิ่นอะไรบนพื้นน่ะ”
“...”
ตลอดทางที่เดินไป หยาง เจียนซื่อถามจ้อไม่หยุดจนซู หยวน เฟิงอยากจะเป็นลมและรู้สึกเสียใจที่ตนยอมพาเธอมาด้วย
“พี่หยวนเฟิง ทำไมพี่ไม่พูดจากับคนอื่นๆเขาบ้าง น่าเบื่อจังเลย ถ้าพี่ไม่พูด คนอื่นก็จะไม่ได้ไปนะ” หยาง เจียนซื่อนั่งลงกับพื้นทำให้เครื่องที่เหมือนโทรศัพท์นั้นตกลงมา
“โอ๊ย น้องหญิง ที่เรามาที่นี่ก็เพื่อล่า เธอรู้อะไรไหม ถ้าเราพูดกันตลอดเวลา เหยื่อก็หนีสิ ไว้เรากลับไปแล้วไปพูดคุยกันทั้งวันทั้งคืนก็ยังได้”
ฟางเส้นสุดท้ายของ ซู หยวน เฟิงจวนเจียนจะขาดผึง แล้วครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่เห็นสัตว์อะไรเลย
“ถ้างั้น พี่ก็มาคุยกับซื่อเอ๋อร์คนนี้สิ” หยาง เจียนซื่อว่าขึ้นแก้มป่อง
ซวบ ซวบ
“ชู่ เงียบๆ...”
0 ความคิดเห็น