RC:บทที่ 35 เด็กสาวทั้งสอง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 35 เด็กสาวทั้งสอง


 “ชนะแล้วๆ ฮ่าๆ ชนะจริงๆด้วย” ในเวลานี้ คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นหวัง หาน


มีทั้งผู้คนมากกว่า 30 คนในห้อง หวัง หานกับซู หยวนเฟิงรวมถึงหลินเฟิงด้วยสามคน ต่างก็ดีใจที่เสี่ยว เฮ่ยชนะ


หวัง หาน คิดว่าหลิน เฟิงกำลังจะแพ้และตนจะต้องกลายเป็นคนที่มีหนี้เป็นแสน แต่ใครจะไปรู้ว่าล่ะว่าเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงจะเข้าโจมตีตรงๆแบบนั้น ล็อคคอและจัดการเจ้าหมาจอมกัดนั้นถึงตายซึ่งนั่นทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก


อัตราการชนะของเสี่ยว เฮ่ยคือหนึ่งต่อสาม ส่วนหมาตัวนั้นคือสามต่อหนึ่ง ชัยชนะของหลินเฟิงทำให้เขาหลงระเริง


มีคนเพียงไม่กี่คนที่พนันข้างหลิน เฟิง เพราะคนส่วนใหญ่นั้นต่างพนันข้างสุนัขตัวนั้นกันทั้งนั้น ในฐานะเจ้ามือ เขาทำเงินได้มากมายเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะต้องแบ่งให้กับหลิน เฟิงเป็นแสนก็เถอะ


“ฮ่าๆ เจ้าหมาป่าดำของหลิน เฟิงเป็นฝ่ายชนะ โชคดีจริงๆที่ฉันเตรียมการไว้สองทาง 20000 สำหรับเจ้าจอมกัดและ 10000 ถ้าสุนัขของหลิน เฟิงเป็นฝ่ายชนะ”


 “หมาป่าดำชนะทั้งๆที่ความเป็นไปได้มีแค่หนึ่งต่อสาม ในที่สุดฉันก็ไม่ได้ไม่ได้อะไรมาในตอนท้ายเลย ฮ่าๆๆ” ซู หยวนเฟิงหัวเราะ


ในตอนนี้ แม้เขาจะไม่ได้เงิน แต่ไม่ต้องบอกเลยว่าเขามีความสุขแค่ไหน เมื่อเทียบกับเจิง ยี่ชานกับเจา หลงแล้วนั้น เขากลับทำกำไรได้อย่างมหาศาล เพราะอย่างน้อยตนก็ไม่แพ้


แม้ว่าชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสามคนจะเข้ากันได้ไม่ดีนัก พวกเขาต่างแข่งขันกันในหลายๆที่ แต่ในเวลานี้ หมาป่าดำของหลิน เฟิงเป็นฝ่ายชนะซึ่งนี่ทำให้เขาได้หน้าเอามากๆ


คนที่ในตอนแรกคิดว่าหมาป่าดำจะชนะนั้นต้องโง่ไม่ก็บ้า หรือไม่งั้นก็คงมีเงินไม่พอ


แล้วหลังจากนั้น ก็นำสุนัขจ่าฝูงที่สู้มาหลายปีแล้วไปใส่ในคอกซะ เพื่อพนันข้างหมาป่าดำที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย


แต่ในตอนนี้ ทุกคนกลับเสียใจและบางคนก็ยังไม่ได้เรียกสติตัวเองกลับมาจากการต่อสู้ระหว่างสุนัขทั้งสองตัว


 “พี่เฟิงๆ นี่เงินของพี่ครับ” เมื่อทุกคนเงียบ หวัง หานจึงเข้ามาหาหลิน เฟิงพร้อมกับเงินเป็นปึกๆแล้วมอบให้เขา


“นายไม่ต้องให้ฉันมากขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเอาไปแค่ 50000 ก็พอ ส่วนที่เหลือก็ให้คนอื่นๆในหมู่บ้านไป แล้วเดี๋ยวจะเข้าร่วมประชุมด้วย” หลิน เฟิงนั้นตั้งใจหยิบไปแค่ห้าหมื่นจริงๆ


หวัง หานแบ่งเงินเป็นจำนวนเท่าๆกัน เขากับหลิน เฟิงอย่างเดียวก็ 70000 หยวนแล้ว แต่หลิน เฟิงเอาไปแค่ 50000 หยวน ส่วนที่เหลือที่นำเอาไปให้คนอื่นๆในหมู่บ้านลั่วหยาง


“ในเมื่อพี่ชายเอาไปแค่ 50000 หยวน ผมก็ขอเพียง 50000 หยวนแล้วกัน ส่วนที่เหลือผมให้พวกคุณทุกคน” หวัง หานกล่าวขึ้นและนำเงินส่วนที่เหลือไปให้กับหมู่บ้านดังกล่าว


คนหกคนหรือเจ็ดคนที่อยู่ตรงนั้น ยกเว้นหลิน เฟิงกับหวัง หาน ทุกคนต่างได้รับเงินเจ็ดหรือแปดพันหยวน พวกเขาทุกคนต่างซาบซึ้งในบุญคุณของหลิน เฟิงยิ่งนัก 


 “นี่ ชายคนนี้น่ะไม่เหมือนกับคนทั่วไป เขาไม่เอาเงินทั้งหมดไปเอง แต่กลับแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน” ซู หยวนเฟิงจ้องไปที่หลิน เฟิงและคนอื่นๆที่เดินห่างออกไปพลางกระซิบ


คนทั่วไปได้เห็นแล้วว่าเงินที่ให้คนอื่นๆนี้มาจากที่ไหน แต่แทนที่พวกเขาจะวิ่งหนีไปพร้อมกับเงิน แต่หลิน เฟิงกลับมอบเงินส่วนหนึ่งให้กับชาวบ้าน


หลิน เฟิงไม่เพียงแค่ชนะเจา จินมา 50000 หยวนเท่านั้น แต่ยังได้มาจากหวังหานอีก 50000 หยวนด้วย ด้วยวิธีนี้ เขาจึงโอนเงิน 100000 หยวนไปให้โดยตรง การได้เงินมานั้นมีความสุขมากเสียจนเกือบจะทำให้เขาตัวลอย 


“ผู้ชายคนนี้เล่นไม่ง่ายเลย เขาไม่มีแม้กระทั่งช่องการทางหาเงินที่พิเศษด้วยซ้ำ แต่เขากลับรู้วิธีที่จะมอบความรักและการเอาชนะใจ” เจิง ยี่ชานรู้สึกได้ถึงความซาบซึ้งเมื่อมองหลิน เฟิง


ในตอนนี้ ทั่วทั้งหมู่บ้านลั่วหยางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ถ้ามีใครมาบอกว่าหลินเป็นคนไม่ดี กลุ่มคนในหมู่บ้านก็จะจัดการคนพวกนั้นทันที


“บรื๊นๆๆ” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นมาเป็นเวลาชั่วครู่ ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังมา


หลังจากนั้น รถยนต์ทั้งหกคันก็เข้ามาจอดตรงหน้าของผู้คนในที่สุด มีสองคันที่เป็นรถพอร์ชสีแดงซึ่งดึงดูดสายตาผู้คนในทันทีที่มันแล่นเข้ามา


รูปร่างภายนอกและรูปแบบของรถคันนี้ล้วนแต่ดีกว่ารถสามคันแรกมาก นักอนุรักษ์ต่างประเมินกันว่าน่าจะประมาณ 2 ล้านเลยทีเดียว


ส่วนคันที่ตามหลังมาอีกห้าคันนั้นเป็นรถที่เอาไว้ใช้ลุยในทุกที่ สำหรับรถพวกนั้นก็เอาไว้สำหรับการแข่งขันเท่านั้น


“คนใหญ่คนโตคนไหนอีกล่ะ ฉันยังไม่ทันได้ยินชื่อเลย” ผู้คนแถวนั้นต่างถกเถียงกัน


“ฉันก็ไม่รู้ เราไม่ได้ข่าวอะไรมาเลย ไปถามพี่ลั่ว หยวนกันดีกว่า เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปอยู่ในตอนนี้ บางทีเขาอาจจะรู้ข่าวอะไรมาบ้างก็ได้”


การปรากฏตัวขึ้นของรถยนต์อย่างกะทันหันเป็นตัวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนแล้วพวกเขาก็ต่างมองไปที่ ลั่ว หยวน 


 “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่อาจจะรู้ข่าวอะไรมาบ้างนิดหน่อย ดูเหมือนจะเป็นลูกสาวของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสน่ะ อืม นี่ฉันพูดกับนายมากไปแล้ว ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ” ลั่ว หยวนตอบกลับไป


“ลูกสาวของท่านผู้บริหารงั้นหรือ พระเจ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงรวยนัก แค่รถพอร์ชสองคันรวมกันนี่ก็อย่างน้อย 23 ล้านแล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสคนนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดาแน่ๆ”


“ชู่ว อย่าพูดไป ระวังจะไปทำให้เขาโกรธ”


 “ลูกสาวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงงั้นหรือ” หลิน เฟิงพึมพำก่อนหันกลับไปมองชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสามคน เมื่อพวกเขาเห็นรถพอร์ชสีแดง พวกเขาต่างก็เปลี่ยนการมองและเดินเข้าไปพบแต่ละคน


“ดูท่าแล้วคนคนนี้คงไม่ธรรมดาจริงๆที่สามารถดึงดูดชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสามคนนั่นให้ไปพบเขาเป็นการส่วนตัวด้วยท่าทางที่ดูดีแบบนั้นได้” หลิน เฟิงหรี่ตามองรถที่ขับมาอย่างช้าๆและจอดอยู่ไม่ไกล


ผมเห็นประตูเปิดออก ขาข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในตัวรถ เป็นบู๊ตส้นสูงแบบหนัง สูงขึ้นไปเป็นกางเกงหนังขาสั้นแนบตัว สูงขึ้นไปอีกเป็นกระเป๋าและจบที่หมวกกันแดด


หลังจากที่เธอลงมาแล้วนั้น คนขับก็ลงมาจากรถแทบจะในทันทีก่อนจะกางร่มบังแสงอาทิตย์ให้  ตามไปทุกฝีก้าวเพื่อจะช่วยกางร่มให้กับเธอ ก่อนจะเดินช้าๆไปตามทิศทางที่หลิน เฟิงกับคนอื่นๆอยู่


เมื่อได้มองเพียงแวบเดียว หลินเฟิงก็เห็นว่าการแต่งกายของผู้หญิงตรงหน้าช่างแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนกับสายลับในทีวีอยู่เล็กน้อย แต่ให้ความรู้สึกจัดจ้าน และไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้


“พี่หลิง”


“พี่หลิง”


“พี่หลิง”


เสียงเรียกชื่อดังขึ้นสามครั้งเป็นลำดับ พี่หลิงเริ่มสั่นกระดิ่ง เสียงเรียกนั้นมาจากปากของชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสามคนซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอึ้งไปในทันที


ดูเหมือนว่าสถานะของพวกเขาทั้งสามคนผู้ซึ่งได้รับการเคารพในเวลาเดียวกันนั้นจะน่ากลัวและทรงพลังจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่าทั้งสามคนนั้นเลย


“เอาล่ะ ฉันหลงทาง แล้วแถมยังรอพวกคุณมาสักพักแล้วด้วย”


เสียงเยียบเย็นที่ออกจากปากเด็กสาวคนนั้นฟังไม่ออกว่ามีความสุขหรือโกรธ แต่เมื่อได้ฟังแล้วกลับรู้สึกว่าควรจะต้องถอยให้ห่างไปไกลหลายพันไมล์


“เอ่อ พี่คะ รอหนูก่อน”  ในตอนนั้นเอง เสียงของเด็กสาวอีกคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากในรถโดยน้ำเสียงนั้นยังเด็กกว่าซ้ำยังมีชีวิตชีวากว่ามาก


หลังจากสิ้นเสียงนั้น เด็กสาววัย 17 ปีก็ก้าวลงมาจากรถ เธอมองผู้คนจากในรถด้วยความอยากรู้ มองซ้ายมองขวาเหมือนเด็กทารกที่อยากรู้อยากเห็น


เมื่อเธอเห็นสุนัขล่าเนื้อในสนาม ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจจนต้องรีบคล้องแขนเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว


“นี่ เธอ ทำไมถึงต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น”


“ก็ เจ้าหมาตัวนั้นมันดุมากจนคนเขากลัวกันนี่” เด็กสาวตอบไป


 “นี่ไม่ใช่ว่าเธอจะมาดูการล่าหรอกหรือ ฉันจะไปกลัวการล่ากันแบบนี้ได้ยังไง พี่จะบอกให้นะว่ายังมีหมาป่าที่หิวโหยและสัตว์ป่าอยู่ พวกมันจะกินคนที่ไม่ระวังตัว ถ้าเธอกลัวขึ้นมา เธอก็ควรตามพี่กลับไปให้เร็วที่สุดเลยด้วย” เด็กสาวในชุดหนังว่าขึ้น


“หนูไม่ได้กลัว แล้วอีกอย่าง พี่หยวน เฟิงก็อยู่ที่นี่ พี่เขาก็ต้องปกป้องหนูสิ ใช่ไหม” เด็กสาวว่าขึ้นอย่างรีบร้อนก่อนจะคว้าแขนของหยวน เฟิง 


 “เอ่อ คือ พี่ปวดท้องน่ะ เดี๋ยวขอไปห้องน้ำก่อนนะ” ทันทีที่ ซู หยวนเฟิงเห็นว่าเด็กสาวตัวน้อยกำลังเข้ามาวุ่นวายนั้น เขาจึงแกล้งทำเป็นปวดท้องก่อนจะชิ่งหนีเอามือเธอออกไป


“พี่ หยวน เฟิงล่ะก็ ฮึ่ม ไม่สนพี่แล้ว...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น