RC:บทที่ 34 บุญคุณและความแค้นที่ฝังลึก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 34 บุญคุณและความแค้นที่ฝังลึก


 “ผมก็รู้ว่าเจ้าหมาดำนั่นไม่ใช่เสือ แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ ดูเหมือนว่าลมหายใจที่แท้จริงของหมาจอมกัดนั่นกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แม้แต่แรงจะดิ้นยังไม่มีเลย” พวกวัยรุ่นที่อยู่ใกล้ๆนั้นต่างเห็นกันชัดเจน และยังเชื่อในสิ่งที่ตนเห็นด้วย


“เอ่อ มันดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกเสียมากกว่า หรือที่โดนกัดนี่จะถึงตายจริงๆ ไม่จริงน่า”


ชายคนนั้นมองดูอย่างรอบคอบและเห็นว่าแม้สุนัขจอมกัดจะยังยืนอยู่ได้ แต่มันก็ไม่ขยับเลย ทั้งๆที่ เสี่ยว เฮ่ยยังกัดคอของเขาอยู่


สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตก็คือเขี้ยวของเจ้าดำน้อยได้ทะลุผ่านลำคอของเจ้าหมาตัวนี้ไปแล้ว เลือดค่อยๆหยดลงมาอย่างช้าๆ


“เอ่อ ทำไมเจ้าจอมกัดของฉันถึงไม่ขยับล่ะ ชัว กัดมันสิ กัดมัน”


ในตอนนั้นเอง สุนัขของ เจา จินก็หันมามองหน้าเขาและตัวเขาก็เห็นเพียงว่า เสี่ยว เฮ่ยกำลังกัดคอของหมาตนอยู่ เขาจึงตบมือพลางตะโกน


แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะตะโกนออกไปอย่างไรก็ตาม เจ้าหมาที่ถูก เสี่ยว เฮ่ยกัดอยู่นั้นก็ได้แต่นับเวลาถอยหลัง เสี่ยว เฮ่ยไม่ขยับไปไหน มันเองก็เช่นกัน


“เกิดอะไรขึ้น ทำไมสุนัขสองตัวถึงไม่ขยับล่ะ” เมื่อซู หยวนเฟิงเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงถามขึ้น


“ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลเลย เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีก็กลับมาดีแล้ว” หลิน เฟิงปรากฏตัวพลางเอ่ยขึ้น


“ในอีกไม่กี่นาทีงั้นหรือ ในอีกไม่กี่นาทีที่ว่า นายจะทำอะไร” ซู หยวนเฟิงจ้องไปที่หลิน เฟิงพลางถามขึ้นด้วยความอยากรู้


“เอ่อ ฉันก็อาจจะง่วงไปหน่อยหรือเปล่า ไม่มีอะไรหรอก แต่ในไม่กี่วินาทีนั่น ฉันแทบไม่ได้หายใจเลยล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางหอบ


“อะไรนะ หายใจ”


“หายใจออกงั้นหรือ เป็นงั้นได้ไงอ่ะ”


“...”


ทันใดนั้นเอง ผู้คนก็ได้ยินเสียงกระทบ ก่อนจะตรงมาดูอย่างรีบเร่ง เมื่อ เสี่ยว เฮ่ยละปากออกมา มันก็วิ่งไปหาหลิน เฟิง


ส่วนเจ้าจอมกัดที่ยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ทันทีที่ผู้คนเดินมาหามัน มันก็ค่อยๆล้มลง


เขาเห็นดวงตาสีขาวของมันที่เหลือกขึ้น ตรงลำคอมีรูขนาดใหญ่สองรู เจาะเข้าที่ลำคอเต็มๆ เลือดไหลเจิ่งนองไปทั่ว


“พระเจ้า นี่มันตาย ตายแล้วงั้นหรือ” คนแรกที่เพิ่งพูดออกมาคือชายหนุ่ม และในตอนนั้นเอง เขาก็ตกใจอย่างมาก ในตอนแรก เขาเพียงแค่เดา แต่ตอนนี้มันกลับตายจริง 


“พระเจ้าช่วย เจ้าจอมกัดตัวนี้ถูกกัดตายงั้นหรือนี่”


“อะไรกัน เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง นี่เป็นสุนัขจ่าฝูงเลยนะ จะตายเพราะโดนกัดแบบนี้ได้ยังไง”


“ตายแล้ว โดนนานหรือยังนี่ ยี่สิบวินาทีหรือเปล่า แต่ดูเหมือนจะน้อยกว่านั้นนะ”


“ใช่ แค่สิบห้าหรือสิบหกวินาทีเท่านั้น แค่นั้นเอง ที่สุนัขจ่าฝูงถูกกัดตาย”


ผู้ชมเองต่างก็กล่าวถึงหลังจากนั้นว่าการฆ่าครั้งนี้ได้ล้มล้างความเข้าใจในการต่อสู้ของสุนัข เพราะไม่เคยเห็นสุนัขที่เล่นถึงตายโดยการกัดทะลุลำคอได้ถึงขนาดนี้


“บ้าเอ้ย ฉันนี่ล่ะตายของจริง ไอ้หมาดำของหลิน เฟิงดันชนะจนได้” ใบหน้าของ ซู หยวนเฟิงดูตกใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


“เอาล่ะ แล้วยังไงล่ะทีนี้ ฉันพนันเจ้าหมาจอมกัดนั่นไป 30000 ซะด้วย  ในอีกไม่กี่วินาทีนี้ฉันจะโดนฆ่าหรือเปล่านะ โอ๊ย นี่มันคือความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย”  เจิง ยี่ชานถึงกับอึ้งไป


 “ย...ยังไงนะ คือฉัน สุนัขของฉันตายงั้นหรือ” เมื่อผู้คนรวมกลุ่มกันเป็นวงกลมเล็กๆ เจา จินบีบมือของตนแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ตามมาด้วย เจา หลง


เมื่อ เจา จินได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดวงตาของเขาก็แดงก่ำดุจเลือด ความโกรธโถมทวีเมื่อเห็นว่าสุนัขของเขาตายเพราะการกัดเพียงครั้งเดียว


เขาควรรู้ไว้นะว่า เจา หลงเป็นคนให้สุนัขตัวนี้กับเขา อดีตสุนัขจ่าฝูงที่มีค่ายิ่งกว่าสุนัขธรรมดาทั่วไป


ที่ยิ่งไปกว่านั้น สุนัขตัวนี้เป็นสุนัขต่อสู้ของเจา หลง ดังนั้น เมื่อมันตาย เจา หลงจึงต้องเข้าไปหยิบร่างของมันออกมา


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง คนที่เศร้ามากขึ้นเรื่อยๆก็คือ เจา หลง  เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงดูเจ้าจอมกัดตัวนี้มาเองกับมือและมันก็ติดตามเขามาหลายปี


เมื่อ เจา หลงเห็นร่างของสุนัขที่นอนตายอยู่บนพื้น เขาก็กำหมัดแน่น ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน


คนที่ไม่เคยเลี้ยงก็จะไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่เลี้ยงพวกมันมา แม้ว่า เจา หลงจะมอบสุนัขตัวนี้ให้กับเจา จินแล้วก็ตาม หรือจะพูดให้ดีกว่านี้ นี่ก็คือของขวัญ แต่ถ้าพูดให้เขารักษามันไว้ด้วยคงยาก


ยังไงซะ สุนัขตัวนี้ก็ยังเป็นของเจา หลง  อารมณ์ของเขาในตอนนี้นั้นอยากจะสับร่างของหลิน เฟิงให้เป็นชิ้นๆ ฆ่าทิ้งให้ไว


 “หลิน เฟิง ไอ้สารเลว ฉันจะฆ่าแก”


ในขณะที่ทุกคนรู้สึกเสียใจกับสุนัขตัวดังกล่าว เจา จินก็ตะโกนใส่หลิน เฟิง ทั้งอยากจะขย้ำเขาให้ตาย


เจา จินรู้ดีว่าสุนัขตัวนี้มีความสำคัญกับเจา หลงอย่างไร มันสำคัญเสียยิ่งกว่าสุนัขแชมป์เปี้ยนสิบสมัยที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นเสียอีก


เพราะปู่ของ เจา หลงเป็นคนเลือกหยิบสุนัขตัวนี้มาให้เขาตั้งแต่เขายังเด็ก ให้เขาเลี้ยงดูมันไปเรื่อยๆ


และเป็นเพราะปู่ของเขาได้เสียชีวิต เขาจึงไม่เคยให้เอาสุนัขตัวนี้ลงสู้อีกเลย ไม่ใช่เพราะมันอายุมากอย่างที่คนอื่นพูดกันหรอก


แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มันอยู่เพื่อให้เขาระลึกถึงปู่ สุนัขก็เปบี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ตัวนี้ต้องอยู่กับเขา มันมีความสำคัญที่ไม่สามารถกล่าวเป็นคำพูดได้


เจา จินรู้ดีว่าเมื่อสุนัขตาย เจา หลงจะต้องโกรธเขามาก ถ้าเขาไม่แสดงออกตอนนี้ ผลที่เขาได้รับจะต้องออกมาน่ากลัวแน่ๆ


“ตายงั้นหรือ สุนัขที่ปู่เลือกมาให้ฉันตายแล้ว มันตายแล้ว ไอ้หลิน เฟิง! ใครก็ได้ไปฆ่ามันให้ฉันที” เจา หลงจ้องไปที่หลิน เฟิงเขม็ง ก่อนจะพูดขึ้น


เสียงของ เจา หลงอ่อนลง แล้วชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาสวมชุดสีดำ สวมแว่นตา ตัวใหญ่


ชายสองคนนี้รวมถึงเจา จินยืนอยู่ตรงข้ามหลิน เฟิงและกำลังเดินไปหาเขาทีละก้าว  


 “โฮก” เสี่ยว เฮ่ยเห่าขู่อย่างเตรียมพร้อมที่สู้


“เฮ้ย พวกนายจะทำอะไรน่ะ อีกอย่าง ใครเป็นคนพูดแบบนั้นเองในตอนนั้นล่ะ สุนัขสู้กันแล้วตาย แล้วพวกมันจะมากินคนในตอนนี้ได้ยังไงในเมื่อตายไปแล้วน่ะ” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง


“ก็ใช่น่ะสิ เจา หลงนายทำอะไรของนายอยู่ จนถึงตอนนี้ เจา จินก็เป็นคนพูดเอง ถ้ามันตายแล้วก็คือตาย อย่าไปวุ่นวายกับคนอื่น ถ้านายต้องการว่าหมาของนาย ก็ว่าไปสิ” ในตอนนั้นเอง โดยที่ไม่มีใครนึกถึง ซู หยวนเฟิงยืนขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า


 “เจา หลง นายมาไกลเกินไปแล้ว นายไม่ต้องเห็นแก่หน้าพวกเราก็ได้ แต่นายจะไม่สนใจหน้าของคนสองคนนี้ของพวกเราไม่ได้ เพราะนี่เป็นการแข่งที่จัดขึ้นโดยพวกเราสามคน ฉันเองก็หวังว่านายจะไม่ป่วนงานนี้ให้วุ่นวายนะ” น่าแปลกที่ เจิง ยี่ชานก็เอ่ยปากพูดขึ้นด้วย


ทุกคนในห้องต่างได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูด เจา หลงกับเจา จินนิ่งอึ้งไป สิ่งที่พวกเขาพูดออกมาก็คือสิ่งที่ เจา จินพูดขึ้นเอง แล้วมันก็กลับมาย้อนเข้าตัวเสียแล้ว


สีหน้าของเจา หลง ซีดลง เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉากหลังของชายสองคนนี้ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเรื่องของเขาหรอก


 “นายน้อย ลืมเรื่องนี้ไปเสียเถิด” ในตอนนั้นเอง ชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นก็เดินออกมาก่อนจะจับตัวเจา หลงกับเจา จิน


“นายน้อย อย่างแรกอย่าไปโกรธเลยครับ เดี๋ยวครั้งหน้ามันก็จะเป็นแบบนี้...” ชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นตา บอดี้การ์ดคนดังกล่าวเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเจา หลง ดี


และก็ได้เห็นว่าเจา หลง กับเจา จินที่ทั้งคู่นั้น เดิมทีจะไม่ได้ฆ่าหลิน เฟิงอยู่แล้วนั้นกลับไม่แสดงออกถึงท่าทางจะใจเย็นลงเลย 


ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและหลิน เฟิงก็รู้สึกได้ถึงเจตนารมย์ที่อยากจะฆ่าเขา แม้จะไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดพูดอะไรออกไป แต่หลิน เฟิงก็รู้ได้ว่าต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ 


“ดูเหมือนว่าในภายภาคหน้าเราจะต้องระวังตัวไว้ให้ดีแล้วล่ะ” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นกับตัวเองในใจ


เจา หลงกับเจา จินจ้องมองหลิน เฟิงเป็นเวลานานก่อนที่จะถอนสายตาออกมา แล้วจากนั้นจึงกลับไปยังฝั่งตน ไม่พูดอะไรกันอีก


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น