RC:บทที่ 33 เขี้ยว-ฝัง-คอ
“เริ่มได้” ลั่ว หยวนหยิบธงขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปยืนกลางสนามแล้วโบกธงลง
“เดี๋ยวก่อน” ในขณะที่ธงของลั่ว หยวนโบกลงได้เพียงครึ่งเดียวนั้น หลิน เฟิงก็แทรกขึ้นมาทันควัน
“ทำไม มีอะไรอีก” ลั่ว หยวนถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“นี่ แล้วนายอย่ามาเสียใจล่ะ ถ้าไม่ต้องการสู้ ก็โทรไปหาปู่นายซะไป นั่นอาจจะทำให้นายมีความสุขก็ได้น้า” เจา จินพูดอย่างทะนงตน
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ที่ผมจะหมายถึง คือถ้าเกิดสุนัขตายน่ะ เข้าใจไหม การต่อสู้ของสุนัข มักจะใช้กำปั้นและขา ตาไม่ต้อง แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งถูกฆ่าตายอย่างคาดไม่ถึง แล้วการต่อสู้จะจบยังไงล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ถ้ามันโดนกัด ก็ต้องตาย แล้วนายต้องการจะทำอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันจ่ายให้นายด้วย” เจา จินว่าอย่างดูถูก
“อืม นายพูดแล้วนะ ใครๆก็ได้ยินและจำได้นะ ถ้าทั้งสองฝ่ายสู้กันโดยการกัด จนถึงตาย พอถึงตอนนั้นอย่ามาร้องไห้หาค่าชดเชยล่ะ”
ทุกคนคิดไปว่าหลินเฟิงคงรู้สึกกังวลว่าสุนัขของเขาจะโดนฆ่าตาย ดังนั้นพวกเขาก็จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ทว่าพฤติกรรมของหลิน เฟิงกลับตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้คนคิดอย่างสิ้นเชิง
“ฮ่าๆ น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ เจ้าเด็กนั่นกำลังซ่อนมือไว้อยู่หรือเปล่า” ซู หยวนเฟิงมองไปที่หลิน เฟิง และยิ่งเขามองดูเจ้านั่นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆไปยังไงๆอยู่นะ เจ้าเด็กคนนี้ร้ายไม่หยอกเลย” เมื่อเจิง ยี่ชานได้ยินในสิ่งที่หลิน เฟิงพูด เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกมากขึ้นทุกทีๆ
“นี่ อย่าไปเชื่อเขาเลย เดี๋ยวไว้ฉันจะแกล้งเจ้าหมอนั่นทีหลัง” เจา หลงที่อยู่อีกฝั่งกระซิบขึ้น
“แล้วตอนนี้ เราจะเริ่มได้ยัง” ลั่วหยวนถามขึ้นอีกครั้ง
“ได้เลย” หลินเฟิงพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออย่างกระวนกระวาย
“เริ่มซะทีสิ”
“โอเค งั้นเริ่มได้เลย”
ภายใต้การสั่งการของลั่วหยวน เจา จินจึงปล่อยตัวปล่อยสุนัขออกจากมือของเขา ส่วนหลินเฟิงก็ค่อยๆถอยมายืนอยู่ข้างหลังสุนัขของตน
หลังจากทั้งสองถอยออกไปแล้วนั้น สุนัขดุทั้งสองตัวก็มีพฤติกรรมที่แปลกไป
ระยะห่างระหว่างคนสองคนนั้นห่างออกไปมากกว่าสิบเมตร ทันทีที่สุนัขของ เจา จินถูกปล่อยออกมา มันก็รีบเร่งไปที่หมาป่าสีดำของหลินเฟิง พลางตะโกนไปวิ่งไป
อีกฟากหนึ่ง เสี่ยว เฮ่ยของหลินเฟิงก็ดูจะแปลกไปเช่นกัน มันนั่งยองๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นด้วยสองขาหลังแล้วเหยียดไปทางด้านหลัง ดวงตาเยือกเย็นคู่นั้นกำลังจ้องมองไปยังสุนัขที่กำลังเข้ามา
ในตอนนี้ ลมหายใจของจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าบนร่างของ เสี่ยว เฮ่ยก็ได้หลอมรวมกันโดยที่ไม่ต้องปลดปล่อยแต่อย่างใด ดังนั้น สุนัขที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจึงกล้าที่จะหยิ่งผยองพลางตะโกนใส่เสี่ยว เฮ่ย
แต่เพราะสุนัขฝั่งตรงข้ามที่มาสู้เป็นสุนัขที่ใช้การกัด มันจึงหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนได้ไวกว่าสุนัขตัวอื่นๆ เทสโทสเทอโรนที่มีความเข้มข้นสูงจะช่วยลดความเจ็บปวดและความกลัวไปได้มาก
ดังนั้น แม้ว่า เสี่ยว เฮ่ยจะปล่อยลมหายใจของจิตวิญญาณสัตว์ป่าออกมา อีกฝ่ายก็อาจจะไม่ได้รู้สึกกลัว หลิน เฟิงขอให้มันทำให้เจ้านั่นแค่สับสนเล็กน้อยรวมถึงผู้คนในตอนนี้ จากนั้นเขาถึงจะฆ่ามันได้
แค่สองวินาทีต่อมา สุนัขที่เลือดร้อนทั้งสองก็กำลังจะได้พบกันในอีกไม่กี่เมตร สุนัขจอมกัดก็กระโจนใส่เสี่ยว เฮ่ยอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะอ้าปากอันใหญ่โตเพื่อจะกัดเสี่ยว เฮ่ย
“อืม สมแล้วล่ะที่ได้เป็นถึงจ่าฝูง แต่นั่นก็คือดาบ และมีสุนัขไม่กี่ตัวหรอกที่จะเข้าถึงการโจมตีนี้ได้”
“อย่างงั้นหรือ ไหนอ่ะ ไม่เห็นจะเห็นเลยว่าใครจะทำได้” น้องชายของเจา หลงเห็นด้วยในทันที
“สุนัขของหลินเฟิงยังเด็กอยู่เลย ได้ยินมาว่าเพิ่งจะขวบเดียว ไม่รู้เลยว่าต้องเอาขาไหนนำมาก่อนด้วยซ้ำ”
“จริงด้วย”
เมื่อได้เห็นความสามารถของสุนัขทั้งสองตัว ผู้คนจึงนึกชื่นชอบสุนัขจอมกัดพลางคิดว่ามันคงสามารถทำให้ เสี่ยว เฮ่ยพ่ายแพ้ไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเป็นหมาที่เปรียบได้กับจอมกัด เมื่อมันเข้าโจมตีไปแล้วในตอนแรก ต่อมามันจึงกัดและกัดไม่ปล่อย ด้วยเหตุนั้นผู้คนจึงมองว่าเจ้าจอมกัดนั้นเป็นตัวอันตรายเมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเข้าจู่โจม เสี่ยว เฮ่ยในทีแรก
แต่ในช่วงเวลาต่อมา ผู้คนในห้องต่างก็รู้สึกว่าตนดูโง่เขลาไปในทันที พลันสีหน้าก็ดูแย่เหมือนกับพวกตนกำลังกินอึ
คนที่กำลังพูดกันอยู่ต่างหุบปากโดยพลัน
เขาเห็นสุนัขของ เจา จินถลาขึ้น ในขณะที่เจ้าดำน้อยของหลินเฟิงก็เคลื่อนที่ไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหลบการโจมตีไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ทิ้งฝุ่น
“นี่...นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว” เจา จินเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าว่างเปล่า
โดยทั่วไปแล้วนั้น สุนัขจะไม่เคลื่อนไหวในขณะที่สู้อยู่ เมื่อพุ่งตัวเข้ามา พวกมันจะกัด แล้วนี่หมาหลิน เฟิงกลับเคลื่อนไหวเหมือนกับคน
ไม่ใช่แค่ เจา จินที่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ ทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ก็ด้วย แต่ยกเว้นหลิน เฟิง ที่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เมื่อสุนัขสู้กัน มันอาจจะโจมตีหรืออาจจะหนีไปเลย แต่ผู้คนต่างไม่เคยเห็นสุนัขที่หลบการโจมตีเลย
“เจ้าพวกกบก้นบ่อเอ้ย พวกนายจะไปเข้าใจความคิดของเสี่ยว เฮ่ยในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าได้อย่างไรกันเล่า” หลิน เฟิงจ้องมองก่อนจะหัวเราะออกมา
ในฐานะจิตวิญญาณสัตว์ป่า ความฉลาดของเสี่ยว เฮ่ยไม่ได้น้อยไปกว่ามนุษย์ธรรมดาเลย ดังนั้น มันจะไม่เข้าไปกัดแบบสุนัขโง่ๆตัวอื่นๆ
“ตอนนี้ล่ะ เสี่ยว เฮ่ย จัดการให้จบทีเดียวเลย”
เพียงแค่หลังจากที่สุนัขของ เจา จินถูกเตะลอยขึ้นไปบนฟ้า หลิน เฟิงจึงเตือน เสี่ยว เฮ่ยอย่างเร่งรีบ
“โฮกกกกก”
เขาเห็น เสี่ยว เฮ่ยคำราม ส่วนเจ้าหมาจอมกัดก็ไม่มีเวลาหันไปมองเนื่องจากถูกกระแทกอย่างแรง เสี่ยว เฮ่ยจึงจัดการกัดมันอย่างรวดเร็ว
เสี่ยว เฮ่ยลงมืออย่างรวดเร็ว ปากที่เขากัดลำคอของมันนั้นไร้ความปรานีอย่างสิ้นเชิง
“เอ๋งๆ”
ถ้า เสี่ยว เฮ่ยไม่ทำแบบนั้น มันก็จะอาจจะล็อคลำคอของเจ้าตัวนั้นและกัดลงไปเลย
เจ้าหมาจอมกัดที่ไม่เคยนึกกลัวต่อความเจ็บปวดก็เริ่มร้องคร่ำครวญ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคำรามขึ้นมาเล็กน้อย มันสะบัดหัวไปมาก่อนจะพยายามกำจัดเสี่ยว เฮ่ย“กัดได้ดี ถูกเวลาเป๊ะ เอาที่คอนั่นล่ะ” เมื่อเห็นว่า เสี่ยว เฮ่ยกัดขึ้นไปอีก คนหนึ่งก็ตบมือขึ้นในทันที
แต่คนอื่นๆที่ดูการต่อสู้นี้ ยกเว้นบางคนที่รู้สึกประหลาดใจ กลับไม่ตอบอะไร และดูจะชินไปเสียแล้วด้วยซ้ำ
“กัดที่คอไปก็ไม่มีประโยชน์ ตรงนั้นมันหนากว่าผิวหนัง เดี๋ยวไม่นานมันก็หลุดออกมาได้” คนหนึ่งว่าขึ้น
“อืม แต่ฉันก็ยอมรับนะว่าการกะเวลาของเจ้าหมาป่าดำช่างแม่นยำมากจริงๆ ใช้ประโยชน์จากการที่หมาตัวนั้นไม่ตอบสนอง แล้วเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว อายุหนึ่งถึงสองปีฝึกได้แบบนี้นี่ดีมากเลยจริงๆนะ”
ดังนั้นเมื่อผู้คนเห็นว่า เสี่ยว เฮ่ยกัดเจ้าหมาตัวนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะพละกำลังในการกัดของมันเทียบไม่ได้กับเสือหรือสิงโตอยู่แล้ว ที่เวลาพวกนั้นกัดเข้าที่ลำคอ ก็จะตายลงในทันที ดังนั้นผู้คนจึงไม่ได้ให้ความสนใจนัก
เพราะเสี่ยว เฮ่ยไม่ใช่หมาป่าดำธรรมดา แต่มันคือจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่ดุร้ายของจริง แรงที่มันกัดจึงไม่ได้แย่กว่าแต่อาจจะแกร่งกว่าเสือหรือสิงโตเสียด้วยซ้ำไป
“จบเกมแล้ว” ในขณะที่เจ้าหมาจอมกัดดิ้นพล่านไปมา หลิน เฟิงก็ยิ้มก่อนจะพูดอะไรพึมพำ
เพราะเมื่อ เสี่ยว เฮ่ยกัดเข้าที่คอของสุนัขตัวนั้น ฟันของมันก็เจาะทะลุลำคอของมัน
เหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าหมาตัวนั้นยังสามารถดิ้นไปมาอยู่ได้นั้นก็เพราะว่าความรู้สึกของสุนัขที่เป็นนักกัดรวมถึงความทนทานต่อความเจ็บปวดนั้นแข็งแกร่งกว่าสุนัขตัวอื่นๆ หรือจะให้พูดก็คือ สุนัขที่เป็นนักกัดนั้นเป็นสุนัขที่ไม่มีความรู้สึก
แต่เมื่อลำคอถูกกัดทะลุลงไปเช่นนั้นก็หมายความว่าอีกไม่กี่นาทีมันก็จะตายลงอย่างช้าๆ
“หืม นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าจอมกัดถึงดิ้นไปมาแถมยังอ่อนแรงลงเรื่อยๆอีกล่ะ เหมือนกับว่ามันกำลังจะตายเลย” ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งว่าขึ้น
“นายพูดอะไรของนาย นายคิดว่าเจ้าหมาป่าดำนั่นเป็นเสือหรือสิงโตหรือไง แค่กัดเข้าที่ลำคอจะถึงตายได้น่ะ จะทำได้ยัง...”
0 ความคิดเห็น