RC:บทที่ 32 ต่างชั้นกันเกินไป

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 32 ต่างชั้นกันเกินไป


 “พี่ชนะงั้นหรือ” หวัง หานเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเพราะคิดว่าตนคงได้ยินผิดไป


“ใช่ ฉันจะชนะ” ด้วยเหตุนั้น หลิน เฟิงจึงเอาตัว เสี่ยว เฮ่ยขึ้นมาข้างบน


“เสี่ยว เฮ่ยอย่าปล่อยลมหายใจของจิตวิญญาณสัตว์ป่าออกมาในตอนหลังล่ะ ไม่งั้นจิตวิญญาณนั่นคงทำเอามันขวัญกระเจิง”


เหตุผลที่ว่าทำไมหลิน เฟิงถึงไม่ปล่อยให้เสี่ยว เฮ่ยปล่อยจิตวิญญาณของสัตว์ป่าออกมา นั่นก็เพราะสัตว์ทั่วไปมักมีความกลัวจิตวิญญาณสัตว์ป่าติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว


ก็เหมือนกับสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนของฮวง หยู รวมถึงสุนัขตัวอื่นๆในหมู่บ้านลั่วหยาง พวกเขาต่างกลัว เสี่ยว เฮ่ยไปเลยโดยสัญชาตญาณ 


 “เดี๋ยวฉันจะรอมันมา แล้วจัดการฆ่าทิ้งซะ พวกมันจะได้ไม่มีโอกาสได้เสียใจอีก แค่นั้นก็จบใช่ไหม นี่ๆ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นกับเสี่ยว เฮ่ยขณะที่กำลังเดินอยู่


“โฮ่ง รับประกันได้เลย เจ้านาย” เสี่ยว เฮ่ยเห่าตอบไป


เมื่อเส้นทางระหว่าง หลิน เฟิงกับ เสี่ยว เฮ่ยไม่ไกลกันนัก พวกเขาก็จะสามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างเงียบๆและสนิทสนมกันมากขึ้น ความรู้สึกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ จนถึงตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าทำไม


ไม่นาน หลิน เฟิงและเสี่ยว เฮ่ยก็มาอยู่ตรงกลางแล้ว ในตอนนี้ มีชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสามคนก็ได้เห็นเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิง พลันก็รู้สึกประหลาดใจ ชื่นชมปนอิจฉา 


ในเวลาเดียวกันนั้น เสี่ยว เฮ่ยเปรียบได้กับราชาของสัตว์ป่า ท่วงท่าที่ก้าวเดินสง่างาม ไม่สนใจผู้คนที่ปรากฏอยู่ข้างในนัยน์ตาอันเย็นยะเยือก ผู้คนทั้งหมดที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกตะลึงกับจิตวิญญาณดังกล่าว ราวกับว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่สุนัข แต่เป็นเสือผู้เกรี้ยวกราดเสมอมา


และสิ่งที่ขัดหูขัดตาแปลกๆนี้นั้นมีเพียงจิตวิญญาณแห่งสัตว์ป่าเท่านั้นที่จะปลดปล่อยออกมาได้ โดยไม่มีผู้ชมคนไหนเข้าใจถึงความรู้สึกนี้เลย


พวกเขารู้แค่เพียงว่าหมาป่าสีดำตัวนี้ลำตัวสีดำประกายเป็นมันเงาพร้อมกับขาที่แข็งแรงและเปี่ยมไปด้วยพละกำลังรวมถึงโครงสร้างร่างกายที่สมบูรณ์แบบ และนี่ก็เป็นสุนัขต่อสู้ที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝันหา


เมื่อเขาหันหลังกลับไปดูในส่วนของ เจา จินแล้วนั้น พลันก็รู้สึกได้ว่านี่คือขอทานที่เข้ามาพบจักรพรรดิชัดๆ ช่องว่างระหว่างพวกมันนั้นเห็นได้ชัดเจน


“ดูดีไปจะมีประโยชน์อะไร นายกินมันไม่ได้ ต้องสู้ให้ได้ต่างหากเล่า” เมื่อ เจา จินเห็นว่าสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ เสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิง เขาจึงว่าขึ้นอย่างร้อนรน


“ฮ่าๆ งั้นเหรอ ขอดูหน่อยสิว่าสุนัขของนายจะสู้ได้ดีแค่ไหน”  หลิน เฟิงกระหยิ่มใจก่อนจะมองเจา จินด้วยแววตาสมเพช


 “เดี๋ยวฉันจะแสดงให้นายได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ของสุนัขแบบมืออาชีพกับสุนัขบ้านๆให้ได้เห็นในวันนี้เอง” เขาว่าขึ้นก่อนจะดึงสุนัขข้างๆตัวเองเข้ามา


“โฮ่งๆๆ”


เมื่อสุนัขตัวนั้นเห็นเจ้าดำน้อยของหลิน เฟิง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากและกระตือรือร้นอยากจะลอง มันครางก่อนจะทำเสียงในลำคอ


“ควรค่าแก่การได้เป็นมืออาชีพในศึกต่อสู้ของสุนัขจริงๆ ความตื่นเต้นบวกกับแรงที่ส่งออกมาไม่เหมือนใครดีแท้” เมื่อบางคนได้เห็นสุนัขของ เจา จินก็เอ่ยชมในทันที


 “ใช่ ก็สมแล้วที่ได้เป็นสุนัขจ่าฝูงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แรงผลักดันครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ศึกการต่อสู้ของสุนัขธรรมดาทั่วไปจะมีได้ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเล่นได้ในระดับเมื่อสองปีก่อนได้ไหม หรือไม่ก็อาจฆ่าหมาป่าดำนั่นได้ในไม่กี่วินาที” คนหนึ่งว่าขึ้น


“ป้าด นายไม่เห็นอารมณ์ของเจ้าหมาป่าดำนั่นหรือ นายก็เห็นว่าแม้กระทั่งสุนัขตัวนั้นกับสุนัขตัวอื่นๆ ยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงตะโกนที่บ้าคลั่งกับแรงยั่วยุของหมาคู่แข่งตัวนั้น มันยังคงนิ่งแล้วก็ไม่สนใจด้วย ฉันคิดแบบนี้มันยิ่งกว่าราชาสุนัขอีก” อีกคนตอกกลับ


 “นี่ ทั้งสองคนไม่ต้องทะเลาะกัน เราแค่รอดูพวกเขาสู้กันก็พอ แต่ฉันก็ชอบหมาที่ลงแข่งนั่นมากกว่านะ แล้วหลังจากนี้ไป มันจะกลายเป็นตำนานอย่างที่พวกเขากำลังโต้เถียงกัน” ชายหนุ่มที่อยู่ถัดจากเขาว่าขึ้น


“เอ้า เร่เข้ามาๆ จะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ซื้อกันได้จ้า คนที่จ่ายมาว่าเจ้าหมาป่าดำจะชนะ หนึ่งต่อสาม ส่วนถ้าซื้อหมาคู่แข่งว่าชนะ สามต่อหนึ่ง มาพนันกันเร็วเข้า”


ขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันเรื่องความเป็นไปได้ที่ว่าสุนัขที่สู้กันจะชนะอยู่นั้น ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไม่เห็นด้วยก็ดังขึ้นมา


ทุกคนหันไปมองรอบๆก่อนจะเห็นว่าเป็นหวัง หาน ในตอนนี้เขาเปิดตลาดแล้ว เขาเป็นผู้ขายและก็กำลังรอให้คนอื่นๆพนัน


“ฉันขอพนันว่าเจ้าดำน้อยของฉันจะต้องชนะ หนึ่งหมื่นหยวน” เพียงแค่เริ่มต้น หลินเฟิงก็ออกตัวและออกเงินไป 10000 หยวน


หลินเฟิงขายองุ่นได้ 60000 หยวนและได้นำเข้าตลาดไปแล้ว


“ให้ตัวผมเองชนะ จะชนะได้ยังไง คนๆนี้มันโง่ คู่แข่งเป็นถึงจ่าฝูงมาหลายปีเลยเชียวนะ” 


“อย่าไปห่วงเรื่องเขาเลย มาพนันกันดีกว่ามา เลขคี่คือสามต่อหนึ่ง แต่เงินที่จ่ายไปยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ถ้านายไม่ตัดสินใจให้ไวล่ะก็ นายจะไม่มีโอกาสอีก ฉันพนันว่าชนะสามพัน”


“อ่ะได้ๆ เร็วๆหน่อย ถ้านายช้าล่ะก็ ไม่มีโอกาสแล้วนะ ฉันเอาห้าพัน”


“ฮ่าๆ คนขายคนนี้จะต้องบ้าแน่ ฉันไม่กล้าลงหรอกถ้าไม่ได้อะไร ฉันลงสามพัน”


ไม่มีใครพนันราคาไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยกเว้นกับสองคนนี้ แต่ทว่าในตอนสุดท้าย กลายเป็นซู หยวนเฟิงกับเจิง ยี่ชาน ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสองที่เป็นคนเริ่มขึ้นมา


 “ฉันเชื่อในข้อเท็จจริงที่ว่ามันทั้งหมดล้วนแต่ใจแคบและขี้ดูถูกคนกันทั้งนั้น แล้วอย่าแพ้ล่ะ พี่เฟิง ไม่งั้นผมตายแน่” ทันทีที่หวัง หานเห็นคะแนนพนันเขารู้สึกกดดันอยู่บ้างแล้วนั้น เขาก็รู้สึกว่าตนควรจะเลิกเล่นเสียที


มีคนมากกว่า 30 คน ยกเว้นแต่พวกที่ไม่ได้เล่นรวมถึงคนอื่นๆที่เล่น คนที่พนันมากกว่า 100000 ก็มี ถ้าหลินเฟิงแพ้ เขาก็จะแพ้ไปสามในหนึ่ง และหวัง หานก็จะกลายเป็นคนที่มีหนี้ถึงหลายหมื่นเลยทีเดียว


แต่ที่ทำให้หวัง หานประหลาดใจ นอกจากเขากับหลิน เฟิง ก็คือยังมีผู้คนที่พนันว่า เสี่ยว เฮ่ยต้องชนะ คนๆนั้นก็คือซู หยวนเฟิงซึ่งพนันไปถึง 10,000 หยวน


แต่อย่างไรก็ตาม ยกเว้นสุนัขไม่กี่ตัวเท่านั้น พวกมันส่วนใหญ่มักจะเอาชนะได้ด้วยการกัด แล้วหลังจากนั้น ก็จะกลายเป็นจ่าฝูง


แม้ว่าพวกมันจะอายุมากขึ้น แต่พวกเขาส่วนใหญ่กลับคิดว่าพวกมันนั้นยังดีกว่าเจ้าหมาป่าดำที่มีอายุแค่หนึ่งปีนี้มาก


“นายพนันไปเท่าไหร่” ขณะที่ฝูงชนกลับมาเพื่อดูการต่อสู้เจิง ยี่ชานจึงเอ่ยถามซู หยวนเฟิง


“งั้นฉันขอวาง 30000 ได้ไหม” ซู หยวนเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าผ่อนคลาย


“ช่างบังเอิญจังนะที่ฉันพนันไปแล้ว 30000 หยวนพอดี แบบนี้ รายได้สุทธิก็จะเป็น 10000 หยวนสินะ


คนของเจา หลงก็จะชนะไปเลย 50000 และอีกอย่างดูเหมือนเขาจะมั่นใจเอาการกับศึกการต่อสู้สุนัขครั้งนี้เลยเชียวนะ”


 “แต่คนที่พนันข้างเจ้าสุนัขที่แข่งด้วยก็มีเยอะเลยนะ มีความเป็นไปได้สูงด้วยที่มันจะไม่ตาย แล้วนี่เขาหาได้หรือยัง” เจิง ยี่ชานถามขึ้นพลางลูบคาง


“นายมั่นใจนะว่าเจ้าหมาคู่แข่งนั่นจะชนะ” ซู หยวนเฟิงคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น


“อะไรกัน ไม่สินายไม่คิดหรือว่า หมาป่าดำของหลิน เฟิงจะเป็นฝ่ายชนะ เป็นไปไม่ได้น่า นี่เขาเป็นคนเดียวที่นายยังไม่ได้พนันไปใช่ไหม”  เจิง ยี่ชานถามขึ้นอย่างประหลาดใจ


“ไม่ล่ะ แล้วนั่นก็มีค่า 10000 หยวน ไม่ว่าจะยังไง 10000 หยวนนั่นก็ไม่ใช่เงินของพวกเรา นั่นก็แค่เงินที่เอาไว้เล่นสนุกๆเท่านั้น แต่มันจะสนุกจริงๆถ้าเราชนะ” ซู หยวนเฟิงยิ้มด้วยท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร


แต่เจิง ยี่ชานกลับคิดคิดอยู่เสมอว่านั่นไม่ถูกต้อง ถึงซู หยวนเฟิงจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาก็เป็นคนฉลาดมาก และเขาก็จะไม่ทำร้ายหลิน เฟิงแบบไม่มีเหตุผล


“เจ้านั่นคงไม่ชนะจริงๆหรอก ใช่ไหม” เจิง ยี่ชานคิดทบทวนเรื่องนี้อย่างรอบคอบพลางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นั่นก็ดูจะช้าไปเสียแล้ว


 “เอาล่ะ เตรียมพร้อม” เจ้าภาพก็ยังคงเป็นลั่ว หยวน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างเอง


ในตอนนี้ เจา จินได้นำหมาของเขาไปยังตรงกลางของฝูงชน โดยยืนอยู่ตรงข้ามกับหลิน เฟิง หมาของเขาเพียงแค่ส่งเสียงคำรามใส่เสี่ยว เฮ่ยแต่ไม่ได้ขยับตัว


ในทางตรงข้าม เสี่ยว เฮ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆหลิน เฟิงกลับมีท่าทีสงบเสงี่ยมจนพวกเขากลัวว่าพวกมันดูต่างชั้นกันเกินไป


“สาม”


“สอง”


“หนึ่ง”


“เริ่มเกม...”


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น