RC:บทที่ 30 เขาคือคนหลอกลวง
“เอาล่ะ แล้วนี่ก็คือการแนะนำกฎต่างๆ ต่อมา โปรดอยู่ในความสงบและรอสักครู่ คนซื้อสัญญาณยังไม่มาเลย” ลั่ว หยวนพูดจบก็นั่งลง
หลังจากผ่านไปสิบนาที ผมก็ยังไม่เห็นใครมา ทุกคนก็เริ่มเบื่อที่ต้องนั่งอยู่ตรงนี้
เมื่อหลิน เฟิงเห็นสนามหญ้า เขาจึงนั่งลง ส่วนเสี่ยว เฮ่ยนั่งลงข้างๆก่อนจะหันมองไปรอบๆในบางครั้ง
ในตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็รู้สึกเบื่อๆ เขาจึงหยิบมือถือออกมาก่อนจะเปิดหน้าจอ หลุมวนสีดำลึกลับยังคงหมุนอยู่อย่างเงียบๆ เมื่อใดก็ตามที่หลิน เฟิงจ้องไปที่หลุมที่วนไปมานั้น เขาจะรู้สึกเหมือนจะถูกกลืนเข้าไปและรู้สึกขวัญผวา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนไม่มีอะไรทำ จู่ๆเจา หลงก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับคนที่อยู่รอบๆตัวเขา จากนั้นคนพวกนั้นก็แค่พยักหน้า ก่อนที่ดวงตาจะมองไปที่หลิน เฟิงในบางครั้ง
“เจ้านาย เจา หลงกับพวกคนที่อยู่ใกล้ๆกับเขา ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำเรื่องอะไรแย่ๆ แต่เป้าหมายก็คือเจ้านายครับ”
เดิมทีนั้น หลิน เฟิงก็รู้สึกเบื่อๆ เขาจึงหยิบมือถือออกมาก่อนจะมองหลุมดำที่วนไปมานั้น แต่พอเมื่อได้ยินในสิ่งที่เสี่ยว เฮ่ยพูด เขาก็ย่นคิ้ว
“สวัสดี ทุกคน ไหนๆคนซื้อสัญญาณก็ยังไม่มา ทำไมเราถึงไม่มาให้สุนัขเราแข่งต่อสู้กันเพื่อให้บรรยากาศตอนนี้มันสนุกขึ้นกันล่ะ” เมื่อหลิน เฟิงเงยหน้ามอง ชายคนที่อยู่ข้างๆเจา หลงก็ยืนก่อนจะกล่าวขึ้น
“อาฮะ ดีเลย เป็นความคิดที่วิเศษ อยู่นานๆที่นี่จะได้ไม่เบื่อ” ซู หยวนเฟิงยืนขึ้นก่อนจะปรบมือ
ซู หยวนเฟิงเป็นคนประเภทที่ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ความรักที่เขามีต่อการแข่งขันสู้ของสุนัขนั้นไปถึงขั้นคลั่งไคล้ เมื่อเขาได้ยินว่ามีการต่อสู้กันของสุนัขก็รู้สึกเลือดในกายพุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
“เป็นความคิดที่ดีเลย ฉันเห็นด้วยนะ”
เจิง ยี่ชานเองก็กำลังสางขนของสุนัขที่เขาเลี้ยงไปมาอย่างรู้สึกเบื่อๆ แต่พอเมื่อได้ยินคำชวนเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“ก็ได้” เจา หลงดูไม่ได้ใส่ใจนัก
ตอนนี้ เศรษฐีหนุ่มทั้งสองคนต่างก็เห็นด้วย แม้แต่เจา หลงก็แสดงเจตนารมณ์ออกมาชัดเจน ส่วนทุกคนเองก็ยอมทำตามไปด้วย
จริงๆแล้วนั้น พวกเขานั้นไม่รู้ว่านี่คือความคิดของเจา หลง โดยพุ่งเป้าไปที่หลิน เฟิงนั่นเอง
“แล้วสุนัขของใครที่นายอยากจะไปสู้ด้วยล่ะ ตอนนี้” ซู หยวนเฟิงมองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มๆ
เมื่อพวกเขาเห็นท่าทีของชายคนนี้ ผู้คนต่างก็รีบถอยห่างออกมาเพราะกลัวจะโดนจ้อง
เพราะทุกคนรู้ว่าสุนัขสามตัวของพวกเขานั้นเล่นได้ไม่ง่าย และถ้าพวกเขาเข้าไปสู้กับสุนัขพวกนั้น ไม่ถึงรอบที่สามสุนัขของพวกเขาก็อาจจะถูกฆ่าตายได้
ตู๋ เกาสุนัขร่างยักษ์ของซู หยวนเฟิงซึ่งเป็นสุนัขต่อสู้มืออาชีพ แล้วก็ได้เป็นแชมป์ของการต่อสู้เมื่อปีที่แล้วด้วย
ส่วนสุนัขมาสติฟฟ์ทิเบตของเจิง ยี่ชานซึ่งมาจากแถบประเทศทิเบต มันคือจ้าวแห่งสุนัขมาสทิฟฟ์ทิเบตสายเลือดบริสุทธิ์ซึ่งมีราคาถึงหนึ่งล้านบาท
แม้แต่สุนัขจอมกัดร่างใหญ่ของเจา หลงนั้นยังทรงพลังยิ่งกว่า มันคือสุนัขจ่าฝูงสิบอันดับแรกที่มาจากประเทศญี่ปุ่น
ในบรรดาสุนัขที่อยู่ที่นี่ ตัวนี้นั้นน่ากลัวที่สุดแล้ว
แน่นอนว่า นี่ยังไม่รวมเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงเข้าไปอีก
“ฮ่าๆ อย่าวิ่ง มานี่ ตู๋เกาของฉันไม่ได้ส่งเสียงนานแล้ว ใครจะลองบ้างไหม” ซู หยวนเฟิงหันไปมองผู้คนราวกับหมาป่าหิวโหยและนั่นทำให้คนหวาดกลัวจนต้องถอยหนีอย่างรวดเร็ว
“นี่ คุณเฟิง อย่าก่อปัญหาสิ ใครจะไปกล้าสู้กับสุนัขนายกัน ถ้าอยากสู้นักก็ไปสู้กับสุนัขจอมกัดของเจา หลงสิ อยากสู้ก็สู้กันไปเลยสองคน” ทันทีที่เจิง ยี่ชานเห็นซู หยวนเฟิงพูดขึ้นมา คนอื่นๆก็ค่อยๆคลายใจ
“หา สู้กับมันงั้นหรือ คือไม่ใช่ว่าฉันกลัวเขาหรอกนะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะให้หมาของฉันเจ็บตัวหรอก” ซู หยวนเฟิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าว
จริงๆแล้วนั้น ทุกคนต่างก็รู้ว่าสุนัขตู๋ เกาของซู หยวนเฟิงและของเจา หลงนั้น ทั้งสองตัวต่างเป็นดาวเด่นในรุ่น เมื่อพวกมันได้สู้กันเมื่อใด การต่อสู้นั้นก็ไม่ใช่การต่อสู้แบบง่ายๆ หรือแม้แต่อาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
ถ้าเอาแบบเบาๆ สุนัขตัวนั้นก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าหนักๆเข้า อีกฝ่ายก็จะถูกฆ่า ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากเอามันออกมา
“นี่ไง ไม่มีใครอยากจะสู้เลย ใครก็ตามที่สู้ได้ เร็วเข้า อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อออก” ทันทีที่เห็นว่าไม่มีใครอยากสู้ เขาจึงรู้สึกว่านี่ไม่น่าสนใจเลย
“งั้นฉันเอง” ทันทีที่ซู หยวนเฟิงพูดจบลง ชายหนุ่มคนที่เพิ่งตัดสินใจไปนั้นจึงกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาจึงลากสุนัขออกมา นี่ก็เป็นสุนัขจอมกัด ซึ่งมีน่องที่หนา กล้ามเนื้อที่พัฒนาขึ้นมา หัวใหญ่โตซึ่งทำให้ผู้คนกลัวอยู่บ้าง
เห็นได้ชัดว่านี่ก็สุนัขร่างใหญ่เช่นกัน แม้ว่าจะไม่บ้าดีเดือดเหมือนสุนัขที่เป็นแชมป์ถึงสิบสมัยอย่างเจา หลงก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นสุนัขที่น่าจับตามองเลยทีเดียว
“นายงั้นหรือ โอเค แล้วว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ ทำไมสุนัขของนายถึงดูคุ้นๆจัง” ซู หยวน เฟิงจ้องไปที่สุนัขของชายคนดังกล่าว เขาก็รู้สึกคุ้นเคยก่อนจะถามขึ้น
“เอ่อ หยวน เฟิง ถึงนายจะไม่พูดหรือพูด ตอนที่นายพูดฉันก็รู้สึกคุ้นๆนะ มันเหมือนกับฉันเคยเห็นมันที่ไหนสักที่นะ” ในตอนนั้นเอง เจิง ยี่ชานก็ได้กล่าวขึ้น
“คุณเฟิง คุณชาน ฉันเองไง เจา จิน เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของพี่หลง สุนัขตัวนี้เคยเป็นสุนัขแสนรักของพี่หลง มาก่อน แต่เขาเอามาให้ฉันในตอนหลัง” เจา จินว่าขึ้น
“อ๋อ เข้าใจแล้ว”
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงดูคุ้นขนาดนี้ นี่ล่ะคืออดีตสุนัขต่อสู้ของเจา หลงเขา” ทันใดนั้นเอง ซู หยวนเฟิงก็จำขึ้นมาได้
เจา หลงมีสุนัขต่อสู้ชั้นดี ก่อนที่จ่าฝูงจอมกัดตัวนี้จะได้แชมป์สิบสมัย แล้วมันก็ขึ้นชื่อด้วย และในตอนนั้นเขาก็ได้รู้จักคนอีกมากมายเลย
แต่ต่อมา หลังจากติดสิบอันดับแรกแล้วนั้น ก็ไม่รู้ว่าเอามันไปไว้ที่ไหน เขาจึงเอาให้ลูกพี่ลูกน้องห่างๆของเขาเอง
“นั่นคือสุนัขชื่อดังตัวนั้นน่ะหรือ” ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น หลิน เฟิงนั่งอยู่บนพื้น โดยที่หวัง หานยังคงนั่งถามอยู่ข้างๆเขา
“เป็นสุนัขที่ขึ้นชื่อมาก สุนัขของเขาน่ะตัวใหญ่กว่าจ่าฝูงหมาป่าสีแดงของฉันซะอีก อายุก็หกหรือเจ็ดปีแล้ว ก็เกือบจะสูงวัยแล้วล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีก่อน ฉันก็เข้าไปสู้ด้วยนะ แล้วก็โดนกัดมา ฉันก็เลยไม่ปล่อยให้มันสู้อีก” หวัง หานทบทวนความจำอยู่สักครู่จึงเอ่ยขึ้น
“มันอายุหกหรือเจ็ดปีแล้ว แต่ก็ยังดูไม่แก่เลย แสดงว่าได้รับการฝึกและดูแลอย่างดี” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“จริงๆแล้ว จากรูปร่างภายนอกและดวงตา สุนัขตัวนี้ดูไม่เหมือนสุนัขหกหรือเจ็ดปีเลยนะ แล้วการต่อสู้ของสุนัขนั้นมันคืออันดับต้นๆเลยล่ะ” หวัง หานพยักหน้าก่อนจะเอ่ยชมมันจากใจจริง
“เอาล่ะ ตอนนี้เจา จินอาสาจะใช้สุนัขของเขาแล้ว มีใครต้องการจะท้าสู้กับสุนัขของเขาช่วยเราบ้าง” เจิง ยี่ชานถามขึ้น
แต่ไม่มีใครตอบ คนหนุ่มๆบางคนก็อยากจะเอาสุนัขของตนเข้าไปลองสู้ แต่ก็ถูกมือของคนสูงวัยจับไว้เพราะพวกเขารู้ถึงที่มาของสุนัขพวกนี้รวมถึงเรื่องเล่าในตอนที่พวกมันยังเด็ก
“ทำไมล่ะ ไม่มีใครเลยหรือ อย่าทำตัวน่าเบื่อแบบนี้สิ” ซู หยวนเฟิงว่าขึ้น
แต่ทว่ากลับไม่มีใครก้าวออกมาเลย หลิน เฟิงก็เช่นกัน นั่งอยู่ตรงนั้นพลางเล่นมือถือ เพราะเขาไม่ต้องการต่อสู้เลยสักนิด
“เพราะไม่มีใครอยากจะออกมาสู้กับฉัน ถ้าอย่างงั้นฉันมีความคิดอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าพูดออกไปจะเหมาะสมไหม” เจา จินว่าขึ้น
“ถ้ามีอะไรผิดปกติก็พูดมาเลย” เจิง ยี่ชานขมวดคิ้วอย่างทนไม่ไหวพร้อมทั้งกล่าวว่าเขาเกลียดคนที่พูดในสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว นอกจากนี้ยังรู้สึกไม่มีกำลังใจเลย
“ก็ได้ ยี่ชาน ถ้านายว่าอย่างงั้น ก่อนที่พวกเราจะมา เห็นว่ามีการต่อสู้ของสุนัขนี่ เห็นมีคนบอกว่าสุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูนั้นกลัวตั้งแต่ยังไม่สู้เลยด้วยซ้ำ ฉันก็เลยสงสัยว่านั่นจะเป็นสุนัขแบบไหนกันนะที่จะทรงพลังและสู้กับสุนัขตัวนั้นได้” ปากของเจา จินยกขึ้นก่อนจะเหลือบมองหลิน เฟิง
“แน่เลยว่า เจา หลงน่ะไม่ใช่คนดีหรอก เขามักก่อเรื่องให้ฉันเสมอ เขาเป็นคนชอบหลอกลวงเอามากๆ” หลิน เฟิงกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วสั่นระรัว
0 ความคิดเห็น