CF:บทที่ 331 ประเด็นเกี่ยวกับพลังงาน
เมื่อส่งเล่ยจวนกลับไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็กลับไปที่ห้องทดลองและเริ่มการพัฒนาอาวุธส่วนตัวด้วยกันกับจี้ ในครั้งนี้ มันจะต้องเป็นการศึกษาที่จริงจัง เพราะเทคโนโลยีที่เขามีอยู่นี้ไม่มีทางที่จะผลิตอาวุธพวกนี้ได้
แน่นอนว่ามันไม่ยากเกินกำลังของอู๋ฮ่าวเหริน เขานำปืนสั้นของชิบะไปเปรียบเทียบมาแล้วทั่วโลกและได้วิเคราะห์ชิ้นส่วนและโครงสร้างของปืนหลากหลายชนิด
หลังจากที่ศึกษาเกี่ยวกับปืน ต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว การใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากอนาคต อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มศึกษาจากปืนเป็นอันดับแรก ขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่เขาก็เกิดความคิดประหลาดขึ้นมา ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ากระสุนปืนสามารถที่จะครอบคลุมพื้นที่ได้เหมือนกับปืนลูกซอง
ยกตัวอย่างเช่น การยิงกระสุนสามนัดออกภายในครั้งเดียวและสามารถที่จะเล็งไปยังสามตำแหน่งตรงหน้าได้
อย่างไรก็ตาม การประเมินภูมิปัญญาของเขานั้นช่างมากเกินความต้องการ ถ้าปืนสามารถยิงกระสุนได้สามนัดภายในครั้งเดียว พวกเขาก็ต้องเตรียมแมกกาซีนบรรจุลูกปืนเป็นถังๆ เลยทีเดียว ในกรณีที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการเพิ่มภาระของการใช้อาวุธปืน
มันสามารถที่จะใช้ได้เพียงบางสถานการณ์ แต่ไม่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับปืนชนิดนี้ในสมรภูมิรบจริงๆ
“จี้ นายคิดว่าการซ่อมของพวกเรามันน่าเบื่อเกินไปไหม ต้องพูดว่าน้ำหนักของปืนได้ลดลง โครงสร้างของปืนก็เปลี่ยนไป ปืนสามารถใช้งานได้จริงและการเล็งเป้าก็แม่นยำมากขึ้น”
“ในกรณี พวกเราสามารถที่จะสร้างได้เพียงแค่ปืนแบบนี้ ในขั้นนี้ปืนพลังงานก็ยังเป็นไม่ได้ที่จะสร้างขึ้นมาและปัญหาทางด้านพลังงานก็ยังแก้ไม่ได้”
ในยุคที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเช่นนี้ พลังงานเป็นปัญหาใหญ่ไม่เหมือนกับพลังงานผลึกคริสตัล ซึ่งไฟฟ้ามีพลังงานมากในพื้นที่เล็กๆ
อู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจอย่างชัดเจนว่าก่อนที่มนุษย์จะจากโลกนี้ไป พลังงานไฟฟ้าถูกใช้เป็นพลังงานหลักในการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ
แม้แต่พลังงานนิวเคลียร์ การแปลงครั้งสุดท้ายก็ยังคงเป็นพลังงานไฟฟ้า ภายหลังการค้นพบพลังงานผลึกคริสตัล ผู้คนก็เริ่มศึกษาว่าจะใช้พลังงานนี้อย่างไร
หลังจากการรวมตัวของพันธมิตรจักรวาล ผู้คนก็พบว่าพลังงานผลึกคริสตัลนี้มีความสำคัญอย่างไร
นี่ได้ย้ำเตือนอู๋ฮ่าวเหรินถึงสิ่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะนำอาวุธมาจากโลกอนาคตโดยนำมาใช้เพื่อการวิจัย แต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะเข้าใจโครงสร้างหลักของอาวุธพวกนี้ได้
มันก็เหมือนการส่งเครื่องบินย้อนไปยังยุคโบราณ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเครื่องบินคืออะไร
ยิ่งไปกว่านี้ ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกอนาคตอาจจะยิ่งใหญ่กว่านั้น ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่และสมัยโบราณ
ผลลัพท์ของความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้านพลังงานของทั้งสองระบบนี้จะทำให้คุณเป็นที่จดจำของโลก
ยกตัวอย่างเช่น สมองแสง ซึ่งมีอุปกรณ์การแปลง อุปกรณ์นี้ความจริงแล้วคืออุปกรณ์แปลงพลังงานที่พัฒนาโดยมนุษย์นั่นเอง
เดิมทีเมื่อตัวแปลงนี้ยังไม่ปรากฏขึ้น มนุษย์ทำได้เพียงแค่มองดูอารยธรรมอื่นใช้พลังงานผลึกคริสตัลและเป็นผู้เฝ้าดูอยู่ท่ามกลางความเงียบ
ภายหลังมนุษย์รู้มากขึ้นและมากขึ้นเกี่ยวกับพลังงานผลึกคริสตัล และมีอุปกรณ์แปลงพลังงานเกิดขึ้น อีกนัยหนึ่งปัญหาแรกที่ทุกอารยธรรมต้องเผชิญนอกเหนือจากการใช้พลังงานผลึกคริสตัล ก็คือการแปลงพลังงาน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ถามจี้ว่า “จี้ ดาวเคราะห์ที่มีพลังงานผลึกคริสตัลที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหนในบันทึกของคุณ?”
“มันมีบันทึกว่ามีดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไปหกหมื่นปีแสง อย่างไรก็ตาม รูปแบบของพลังงานผลึกคริสตัลควรจะถูกค้นพบได้บนดาวเคราะห์บางดวงแถวๆ นี้นะ”
“ดูเหมือนว่าถ้าพวกเราต้องการที่จะพัฒนายานอวกาศของพวกเราเอง พวกเราก็ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพลังงาน”
แต่ถ้าจะเอาหินพลังงานมาจากพื้นที่ซองแดง อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด
พลังงานที่ถูกใช้โดยยานอวกาศนั้นมันยังบินไม่ได้ การใช้ยานอวกาศสำหรับการเดินทางระยะสั้นจะต้องใช้พลังงานไม่น้อยกว่าสิบล้านเหรียญพลังงาน
ไม่ต้องพูดถึงเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นตัวบริโภคพลังงานขนาดใหญ่ ถ้าเขาศึกษาเกี่ยวกับของพวกนี้อย่างจริงจังในอนาคต เขาก็คงไม่ใช้มันแค่เพื่อการประดับตกแต่ง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านระดับหกไปแล้ว จะต้องสร้างยานอวกาศขุดแร่อัตโนมัตินะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราต้องการอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดวงดาวพร้อมด้วยเรดาร์ มิฉะนั้นถ้าปราศจากพลังงานของพวกนั้นก็ไม่สามารถใช้การได้”
ความจริงแล้วยังคงมีอีกหนึ่งปัญหาที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่เคยคิดถึงมาก่อน นั่นก็คือคนที่จะมาทำงานกับอุปกรณ์เหล่านี้
ถึงแม้ว่าการใช้การควบคุมด้วยสมองแสงมันจะไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็ไม่มีใครในยานอวกาศนั้นต้องกลายเป็นเศษเหล็ก
เขาเองก็คิดว่าสักวันหนึ่ง การขับเคลื่อนยานรบที่ทันสมัย เขาคงต้องเข้าไปในพันธมิตรอวกาศเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนุษยชาติในอีกห้วงอวกาศหนึ่งซึ่งเป็นยุคมืด
เมื่อออกมาจากห้องทดลอง อู๋ฮ่าวเหรินเข้าไปในห้องสะสมของเก่าที่อยู่ใกล้กัน และพบว่าของโบราณทุกชิ้นนั้นถูกส่งมาจากพื้นที่การก่อสร้างหยวนหมิงหยวน
เขาส่ายหัวเมื่อเขามองเห็นของโบราณที่ไร้ค่าภายในนั้น เครื่องประดับทองสองชิ้นที่เก่าแก่ยิ่งนัก แต่จากการตรวจสอบในระบบซองแดงพบว่ามันตีมูลค่าเป็นเงินได้ไม่มากนัก
อู๋ฮ่าวเหรินรู้อย่างแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตมูลค่าของทองจะลดลงอย่างมาก ถึงแม้จะพิสูจน์ได้ว่าเครื่องประดับเหล่านี้จะเป็นของโบราณแท้ๆ แต่ก็ไม่มีใครอยากที่จะใส่มัน
เขาหยิบของโบราณที่มีมูลค่าน้อยออกมาหกชิ้น ส่วนที่เหลือนั้นเป็นของดีทั้งหมด อู๋ฮ่าวเหรินมองดูอัตราการแลกเปลี่ยนที่ได้รับการเสนอมาและส่งข้อมูลการแลกเปลี่ยนไปยังข้อมูลติดต่อที่ระบุไว้ด้านบน
ถ้าพวกเขาตกลงที่จะแลกเปลี่ยน เขาก็จะได้รับของโบราณชิ้นนั้น
แน่นอนว่า เพื่อที่ว่าจะให้เป็นเหมือนที่เคยทำ อู๋ฮ่าวเหรินได้ดัดแปลงเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนที่ไม่สมเหตุสมผลบางอย่าง
มิฉะนั้นถ้าเขาแลกเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขด้านบน เขาก็คงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนโง่
ส่วนเล่ยจวน เมื่อกลับไปยังโรงแรมที่พัก แต่ที่นั่นกลับรายรอบไปด้วยพ่อค้าอัญมณีที่รออยู่ที่นั่น วัตถุประสงค์ของพวกเขานั่นเรียบง่ายมาก พวกเขาต้องการข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ปจากเล่ยจวน
แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ เล่ยจวนนั้นไม่มีเวลาคุยกับพวกเขาเลย
เมื่อเธอก้าวพ้นฝูงชนพวกนั้นออกมา เธอก็ขึ้นด้านบนตรงไปยังห้องของเธอ
อู๋ฮ่าวเหรินมีหยกเจไดท์จำนวนมาก และเป็นหยกเจไดท์ที่มีมูลค่ามาก ถ้าคุณต้องการที่แลกเปลี่ยนหยกเจไดท์ซึ่งเป็นดังสมบัติของบริษัท คุณก็ต้องนำของโบราณที่มีมูลค่ามาแลก
ในที่สุดเธอก็โทรหาพ่อของเธอเพราะว่าเธอไม่รู้จักนักสะสมตัวยงในธุรกิจค้าของเก่านี้เลย
“พ่อคะ ผลออกมาแล้วค่ะ ฉันได้ไปเห็นหยกเจไดท์ของเขาด้วยตัวเอง ซึ่งมันงามมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกแปลกๆ ที่มีมากมาย ถ้าฉันสามารถแลกได้ มันก็คงจะตกเป็นขุมทรัพย์ในร้านของตระกูลเราอย่างแน่นอนค่ะ”
เล่ยหลี่ยิ้มเมื่อเขาได้ยินข่าวนั้น เขาไม่คาดคิดว่าเงินสามสิบล้านหยวนที่อู๋ฮ่าวเหรินได้รับไปจากเขาตอนขายหยกและลาออกจากบริษัทของลูกสาวของเขานั้น จะสามารถสร้างบริษัทที่ใหญ่โตได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน
เพราะเหตุนี้ เขาจึงปล่อยให้ลูกสาวเขาทำอย่างในตอนนี้
“เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของโบราณ ฉันจะช่วยเธอเอง ลองพยายามแลกเปลี่ยนหยกเจไดท์ให้มากกว่านี้สิ โอกาสมีไม่มากนักนะ”
หลังจากที่พูดคุยกับพ่อของเธออีกครู่ เล่ยจวนก็เริ่มจัดการรูปภาพที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือของเธอ เธอต้องการความมั่นใจในการแลกเปลี่ยนหยกเจไดท์พวกนั้น
0 ความคิดเห็น